dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



ป้อมปืนนาวาโรน หนามแหลมมีพิษที่ยอกอกอังกฤษ

โดย "นายพลไอเซนฮาวน์"

2 มีนาคม  2552

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้เขียนขอบอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาน่าสนใจและน่าสะสมมาก และเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับนักสะสมภาพยนตร์สงครามคลาสสิคอย่างยิ่ง  สร้างจากนิยายของ ALISTAIR  MacLEAN  นำมาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์โดย Carl Forman’s จนกลายมาเป็นตำนานแห่งนาวาโรนบนจอเงิน

ในปี 1943 (พ.ศ.2486)  ทหารอังกฤษ 2,000 นาย ประจำการที่เกาะเล็กๆ ชื่อว่าคารลักซ์  เป็นเกาะแห่งหนึ่งใกล้ประเทศตุรกี ไม่มีคุณค่าทางการทหาร แต่ฮิตเลอร์ก็ยังตัดสินใจจะทำสงครามในทะเลตุรกี ทหารอังกฤษที่ตรึงกำลังมีเวลา 1 สัปดาห์ที่จะมีชีวิตอยู่ เสบียงอาหารก็ร่อยหรอ เพราะปืน 2 กระบอกที่ตั้งอยู่บนเกาะนาวาโรน มีอานุภาพทำลายเรือได้ทั้งลำ ทำให้เรือสเบียงไม่สามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือใดๆ แก่ทหารอังกฤษได้เลย  มิหนำซ้ำเยอรมันยังจะบุกเกาะนี้อีก พันธมิตรรู้ข่าวแต่เพียงว่าของเยอรมันจะบุกคารลักซ์ใน 6 วันต่อมา นี่จึงกลายเป็น จุดเริ่มตำนานแห่งนาวาโรน บนจอเงิน

ผู้บังคับการเจสัน, ผู้การรอยแฟรง คลิน,
ร้อยเอกคีท เมลลอรี่, มิลเลอร์,
บราวน์ และ สเปโร่ห์

ร้อยเอก คีท  เมลลอรี่ อดีตนักใต่เขาที่เก่งที่สุดในโลก  ถูกเรียกตัวมาจากครีต มาพบผู้บังคับการเจสัน และผู้การรอย แฟรงคลิน ทหารที่อยากเป็นนายพล เพื่อวางแผนในการทำลายปืน เพราะได้ไปหารือกับทหารพลร่มแล้ว ได้ความว่าไม่สามารถโจมตีทางอากาศได้

รอยเป็นคนเลือกเมลลอลี่มีทำงานเพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน เช่น พูดกรีกได้ อยู่ในเขตยึดครองเยอรมันอย่างปลอดภัยได้เป็นปีๆ ฯลฯ  ผบ.เจสันได้เลือกพันเอก เอนเดรีย สตาร์บรู้ก อดีตผบ.กองพันทหารที่ 19 ของประเทศกรีซ

ศาสตราจารย์มิลเลอร์  ผู้ไม่ยอมรับยศนายทหาร มีความรู้เรื่องระเบิด (ในเสียงพากย์ไทยเรียกโปรเฟสเซอร์)

บราวน์ ช่างเครื่องยนต์และวิทยุ ที่ฆ่าเยอรมันตั้งแต่สงครามกลางเมืองสเปน

พลเรือน สเปโร่ห์ แพบพาดีโมส ชาวกรีก ที่ถูกส่งไปเรียนที่อเมริกาแต่กลับไปเป็นนักฆ่า ซึ่งพ่อเป็นรองหัวหน้าหน่วยใต้ดินในนาวาโรน

เนื้อหาของหนังแบ่งได้เป็นวันๆ ไป ดังนี้

วันที่ 1  เวลา 18.00 น.

ทีมวางระเบิดถูกส่งไปยังค่ายทหารอังกฤษในเกาะแห่งหนึ่ง เพื่อวางแผนในการเข้าไปในเกาะนาวาโรน แต่ว่ามีคนแอบฟังการวางแผนที่รูกุญแจ แอนเดรียจึงจับเขา จึงเรียกหมวดเบเกอร์ ผู้รับผิดชอบฐานมาพบ  และได้ความว่าเขาเป็นคนกรีกชื่อ นิโคไลน์  เป็นเด็กซักผ้า  จำชื่อนี้ไว้ดีๆ นะครับ แฟรงคลินคิดจะเก็บนิโคไลน์ด้วยปืนเก็บเสียง หมวดเบเกอร์จึงไปโวยกับเมลลอรี่ แฟรงคลินจึงยอมปล่อยนิโคไลน์ไป

วันที่ 2  เวลา 07.30 น.

ทีมวางระเบิดได้ขึ้นเรือเก่าๆ สภาพแย่ๆ ไปเกาะนาวาโรน  และได้รับแจ้งว่ามีพายุในทะเล   บ่ายๆ เรือลาดตระเวนเยอรมันโผล่มา เข้าเทียบเรือเพื่อค้นเรือ แต่ก็ถูกจัดการซะเรียบร้อย  ตกหัวค่ำพายุแรง มีคลื่นสูง เรือถูกคลื่นซัดไปชนโขดหิน ผู้การแฟรงคลินหัวแตก ทีมวางระเบิดหนีขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล และคลื่นยักษ์ได้ซัดเรือจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อขึ้นฝั่งต้องปีนหน้าผาสูง 400 ฟุต เมลลอรี่ปีนเป็นคนแรก แอนเดรียคนที่ 2 แล้วก็ได้เก็บทหารยามเยอรมันที่เฝ้าตรงจุดนั้น ทีมระเบิดที่เหลือปีนตามขึ้นมาเรื่อยๆ แฟรงคลินเป็นคนสุดท้าย โชคร้าย น้ำฝนเกิดเข้าตาทำให้แฟรงคลินลื่นตกลงมาตามช่องเขาเล็กๆ กระแทกเนินหินใหญ่ๆ แต่ไม่ตกพื้น ทำให้แฟรงคลินขาหัก เมลลอรี่เอาตัวขึ้นมาได้

เช้ารุ่งขึ้น (วันที่3)

พายุสงบลง  ทีมวางระเบิดได้ทำเปลให้แฟรงคลิน โทรศัพท์ของทหารยามเยอรมันในจุดนั้นดังขึ้น เมลลอรี่รับสาย ในหนังพูดเป็นภาษาเยอรมัน ผมก็ไม่รู้นะครับว่าเขาพูดอะไร ไม่ได้แปลให้  (ผมพอจับความได้กระท่อนกระแท่นคล้ายๆ ว่า ทางเยอรมันถามเป็นรหัสเกี่ยวกับนาฬิกาหรือเวลาอะไรซักอย่าง เมลลอรี่ไม่เข้าใจก็ตอบไปว่านาฬิกาเขาเดินช้าและรีบกลบเกลื่อนว่าเหตุการณ์ปกติ - Webmaster) พอวางสายปั๊บ ทหารเยอรมันก็แห่ออกมาตรวจค้นไปทั่ว  ทุกคนปรึกษากันเรื่องของแฟรงคลิน ว่าจะเอาไงดี 1. ทิ้งเขาไว้เพื่อให้เยอรมันพาไปโรงพยาบาล แล้วก็โดนรีดเอาข้อมูลภารกิจ 2. เอาเขาไปด้วย  3. กระสุนนัดเดียว จบ ทุกคนเลือกทางเลือกที่ 2  และออกไปจากที่นั่น

วันที่ 3 เวลา 09.30 น.

ทีมวางระเบิดไปหลบในหุบเขาแห่งหนึ่ง (มีหิมะด้วย) บราวน์ได้รับวิทยุว่าเยอรมันเลื่อนการบุกคารลักซ์เร็วขึ้น 1 วัน แฟรงคลินพยายามจะหนี แต่ก็ไม่ทันทุกคนไปช่วยกลับมาได้ เมลลอรี่จึงไปเป่าหูว่าแผนโดนยกเลิก และจะมีการยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งตุรกี จากนั้นพวกเยอรมันก็แห่กันมา ทีมวางระเบิดก็เลยต้องอพยพไป

วันที่ 3 เวลา 20.00 น.

ทีมวางระเบิดย้ายไปอยู่ในเมืองโบราณที่ร้าง เสบียงเริ่มหมด  จากนั้น มีคนลึกลับเข้ามา สเปโร่ห์ที่เฝ้าเวรยามได้ฟาดด้วยพานท้ายปืนจนสลบ ปรากฏว่าเป็นผู้หญิง  แล้วก็มีหญิงลึกลับเข้ามาอีกคน ปรากฏว่านั่นคือพี่สาวของสเปโร่ห์ ชื่อว่ามาเรีย แล้วได้รู้เรื่องว่า ผู้หญิงที่โดนฟาดสลบไปนั้นคือแอนนา เคยเป็นครู เธอโดนจับ 6 เดือน ถูกปล่อยออกมาแล้วไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย  จากนั้นพวกเยอรมันก็แห่กันเข้ามาจนต้องหนีไปอีก

วันที่ 4 เวลา 08.00 น.

ทีมวางระเบิดหลบอยู่นอกเมืองแมนดราครอส ขณะมีงานแต่งงาน พวกเยอรมันก็ยังมิวายค้นเมืองไปทั่ว  เครื่องบินลาดตระเวนมาเจอทีมวางระเบิดเข้า ทหารเยอรมันแห่กันมาเอาปืนครกถล่ม จนต้องหนีไปอยู่ในถ้ำ ยังมิวายโดนซาตูก้าไล่บอมบ์อีก แต่ทุกคนหลบเข้าถ้ำทัน

วันที่ 4 เวลา 15.00 น.

เมลลอรี่ มิลเลอร์ แอนนา และ สเปโร่ห์ หนีเข้ามาอยู่ในบ้านของแอนนาในแมนดาครอส ส่วนมาเรีย แอนเดรีย และบราวน์ นำแฟลงคลินใส่รถม้าไปคลินิก พอเข้าไปในคลินิก ก็โดนเยอรมันจับได้

ที่บ้านแอนนาก็เช่นกัน ทหารเยอรมันพร้อมรถหุ้มเกราะก็มาล้อมไว้ ทั้งหมดจึงหนีไปทางหลังคา แล้วเข้าไปอยู่ในงานแต่งงาน ในที่สุดก็โดนทหารเยอรมันแห่เข้ามาล้อมงานแต่งงาน แล้วก็จับทีมระเบิดที่เหลือได้ในที่สุด

วันที่ 4 เวลา 21.00 น.

ในค่ายทหารเยอรมัน ทุกคนโดนสอบสวน แอนเดรียแกล้งออกตัวว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน แค่โดนขู่มาร่วมทีม จนนายทหาร SS เข้ามา   แล้วขู่ว่าจะฟาดขาแฟรงคลินถ้าไม่บอกว่าระเบิดอยู่ที่ใหน  แอนเดรียแกล้งไม่สบายทำให้ทหารเยอรมันสองคนเข้ามาจับตัว แอนเดรียได้จังหวะเขวี้ยงทหารทั้งสองให้บราวน์กับสเปโร่ห์ชก ทหารเยอรมันทุกคนโดนมัด ทีมวางระเบิดเอาเครื่องแบบเยอรมันมาใส่ แล้วทิ้งแฟรงคลินไว้ให้เยอรมันรักษา ทุกคนจึงหนีออกมาได้ แล้วไปหลบอยู่ทีโบสถ์

จากนั้นก็วางแผนการเข้าไปวางระเบิด เมลลอรี่จึงบอกทุกคนว่าแฟรงคลินถูกเป่าหูว่าจะมีการยกพลขึ้นบก ทหารเยอรมันจับได้ก็จะมอมยาเขาทำให้เขาพูด ทำให้ทหารต้องแห่กันไปป้องกันช่องแคบนาวาโรนซึ่งอยู่ใกล้ชายฝั่งตุรกี มิลเลอร์แย้งว่า ถ้าหากไม่มีการมอมยา ก็ต้องใช้วิธีทรมาน แล้วแฟรงคลินจะไม่ยอมบอกจนตาย ทำให้ทุกคนไม่มั่นใจในตัวเมลลอรี่และแผนการแล้ว

แต่แผนของมัลลอรี่ก็ได้ผล นายพลเยอรมันสั่งให้มอมยาแฟรงคลินหลังจากทรมานเขาแล้วไม่ได้อะไร

วันที่ 5 (สุดท้าย) 06.30 น.

ทีมวางระเบิดออกเดินทาง และเปลี่ยนรถคันใหม่จากรถที่สวนมา แล้วทำลายถคันเก่าทิ้ง ได้เห็นทหารเยอรมันอพยพชาวบ้านออกจากแมนดราครอสเพื่อระเบิด เมื่อทีมวางระเบิดถึงป้อมในเวลาค่ำประตูทางเข้ามีทหารเยอรมัน 2 คนเฝ้าอยู่  สเปโร่ห์และแอนเดรียจึงลงมาเก็บซะ แล้วก็เดินทางมาถึงป้อมจนได้

วันสุดท้าย 21.00 น.

เมื่อมาถึงป้อมปืนแล้ว ก็รอเวลาจนกระทั่งเยอรมันออกไปหมดแล้ว แผนก็เริ่ม แต่เกิดปัญหาที่ว่า ระเบิดไม่มีดินปืน สืบไปมาพบว่าแอนนาเป็นหนอนบ่อนใส้ ที่ต้องถูกตามล่าจนโดนจับได้เป็นฝีมือเธอทั้งนั้น ทางเลือก 3 ทางจึงกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ ทางเลือกที่ 3 ถูกนำมาใช้โดยมาเรียนั่นเอง จากนั้นทุกคนจึงแยกย้ายออกไปทำหน้าที่โดยเมลลอรี่กับมิลเลอร์ไประเบิดปืน แอนเดรียกับสเปโร่ห์ ไปก่อกวนเยอรมัน ส่วนบราวน์กับมาเรียออกไปหาเรือหนี

เมื่อทุกคนทำหน้าที่กันแล้ว เมลลอรี่กับมิลเลอร์ไประเบิดปืน เกิดไปปิดประตูป้อม ไซเรนดังขึ้น ทหารเยอรมันก็ยังเข้าป้อมไม่ได้ แอนเดรียกับสเปโร่ห์ก็ก่อกวนเยอรมัน จนสเปโร่ห์ตาย  ส่วนบราวน์กับมาเรียที่ออกไปหาเรือนั้น  บราวน์แทงทหารเยอรมันที่เฝ้าเรือแต่ก็พลาดถูกแทงด้วยเช่นกันจนตายทั้งคู่ มาเรียนนำเรือออกไปได้

มิลเลอร์วางระเบิดไว้ที่ตัวปืนเพื่อเป็นการหลอก เสร็จแล้วไปวางระเบิดแรงสูงลูกจริงไว้ที่ลิฟท์ กะว่าถ้าลิฟท์เลื่อนลงมาโดนสายวงจร ก็จะเกิดระเบิดขึ้น

หลังจากเสร็จแล้ว เยอรมันเข้ามาได้ เมลลอรี่กับมิลเลอร์ ได้กระโดดน้ำหนี มาเรียก็นำเรือมารับ แล้วไปรับแอนเดรียต่อ จากนั้นกองเรือรบอังกฤษยกมาช่วย พวกเขาจึงรีบไปที่กองเรือ เมื่อเยอรมันเจาะประตูเข้ามาได้ก็รีบตรวจป้อมปืน พบระเบิดที่วางหลอกไว้บนปืนแต่ไม่พบลูกจริงที่ลิฟท์ เมื่อกองเรืออังกฤษโผล่บนจอเรดาร์เยอรมันจึงยิงปืนใส่ไปได้ 2 ชุด เกือบจะโดนเรืออยู่แล้ว พอชุดที่ 3 ระดมยิงตอนลิฟท์ลงมาพอดี แรงสั่นสะเทือนทำให้ลิฟท์โดนสายวงจร จึงเกิดระเบิดขึ้นเป็นจุล จบบทบาทของป้อมปืนนาวาโรนเพียงเท่านี้

 ตามความเห็นของผม ดูแล้วเนื้อหาทางประวัติศาสตร์มีไม่มากนัก เพราะว่า เจ้าปืนสองกระบอกนี้อาจจะมีจริง แต่ว่า เกาะนาวาโรนนั้นไม่มีจริง ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในกรีก มุมมองทำได้ค่อนข้างดี  การทำงานของเมลลอรี่และทีมเหมือนกับว่า กำลังสู้กับเหล่าร้ายในถ้ำเสือ มิหนำซ้ำยังล่อเสือออกจากถ้ำไปได้ และเข้าไประเบิดปืนนั้นเสีย กว่าจะรู้ตัว ปืนก็โดนวางระเบิดไปเสียแล้ว  โดยรวมถือว่าผ่านนะครับ  แต่ออกแนวสายลับ เจมส์ บอนด์ 007 ที่กำลังดังในช่วงนั้นไปหน่อย (ตอนที่กำลังเป็นนิยายนะครับ ไม่ได้เป็นหนัง)
 

เรื่องงานประกอบฉาก จัดว่าแย่แต่ไม่มาก เอารถถัง M24( รุ่นเดียวกับในเรื่องรถถังประจัญบาน) มาเป็นรถถังไทเกอร์ รถเกราะอีกหลายรุ่น มาอยู่ฝั่งพี่นาซี และทหารนายเยอรมันบางคนใช้ปืนกล สติน ที่มีแม็กกาซีนข้าง ของอังกฤษ ไม่ทราบว่าไปเก็บมาจากใหน


คำคมชวนคิด 

  • "ไม่มีใครสามารถตีปัญหาได้แตกหมดทุกอย่าง"  ผบ.เจสันพูดกับทหารรับใช้

เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อันชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

ชื่อ  The Guns of Navarone

ชื่อภาษาไทย ป้อมปืนนาวาโรน

นักแสดง

    * Gregory Peck: Capt. Keith Mallory
    * David Niven: Cpl. John Anthony Miller
    * Anthony Quinn: Col. Andrea Stavros
    * Stanley Baker: Pvt. 'Butcher' Brown
    * Anthony Quayle: Maj. Roy Franklin
    * James Darren: Pvt. Spyros Pappadimos
    * Irene Papas: Maria Pappadimos
    * Gia Scala: Anna
    * James Robertson Justice: Commodore Jensen/Prologue Narrator
    * Richard Harris: Squadron Leader Howard Barnsby, Royal Australian Air Force

กำกับโดย   J. Lee Thompson

อำนวยการสร้างโดย  Carl Foreman

ดูเพิ่มเติม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

  • (ยังไม่มี) 

 
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ

หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ

Bookmark and Share

ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com

ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์

 






1

ความคิดเห็นที่ 1 (21119)
avatar
คนเล่าเรื่อง

ต้องขอออกปากชมก่อนว่าคุณนายพลไอเซนเฮาวน์นี่มีภูมิรู้เรื่องเกร็ดต่าง ๆ เกี่ยวกับอาวุธยุทธภัณฑ์ของทหารทั้งฝ่ายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ดีมากจนสังเกตเห็นความผิดปกติได้  ซึ่งผมเองก็เคยดูหนังเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน  ด้วยภูมิรู้เรื่องนี้ที่มีจำกัดจึงไม่สามารถมองเกร็ดเล็ก ๆ นี้ได้

สำหรับฉากของหนังเรื่องนี้ ออกไปทางโทนเดียวกับหนังจำพวกสปาตาคัส เบนเฮอร์ ซะมากกว่า ดูเป็นหนังแบบยี่เก ๆ ชอบกลครับ

อนเด็ก ๆ ผมเคยได้ดูหนังตัวอย่างเรื่องนี้ในโรง แต่ไม่ได้ดูหนัง  แล้วก็หาอ่านรายละเอียดจากหนังสือพิมพ์  ก็คิดว่าป้อมปืนนี้มีอยู่จริง  แล้วก็คิดฝันไปว่าอยากจะเป็นทหารเพื่อได้ปฏิบัติการแบบนี้สักครั้ง  ก็นับว่าเป็นหนังสงครามที่สร้างแรงบันดาลใจเรื่องความกล้าหาญได้เรื่องหนึ่งครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเล่าเรื่อง (danai-at-buu-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-03-10 22:02:43 IP : 202.28.78.134


ความคิดเห็นที่ 2 (21126)
avatar
คนเล่าเรื่อง

อ้อ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด ผมบอกว่า ผมได้ดูหนังเรื่องนี้ที่ทางช่อง 3 เอามาฉายในวันหยุดนักขัตฤกษ์เมื่อหลายปีก่อน  แต่ตอนเด็ก ๆ ผมได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ ตอนไปดูหนังเรื่องอื่นในโรงครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเล่าเรื่อง (danai-at-buu-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2009-03-10 22:35:41 IP : 202.28.78.134


ความคิดเห็นที่ 3 (101578)
avatar
รอมเมล

หนังแนวนี้ เป็นเอกลักษณ์ความเป็นพระเอกตายยาก โครตจะเวอร์แล้ว ถ้าดูตอนเด้กๆผมไม่คิดไร มาตอนโตแล้ว กลับรับไม่ได้เสียแล้ว หนังเรื่องนี้ชอบฉากเดียวคือ ความอลังการณ์ ตอนเยอรมันเริ่มกระบวนการยิงปืนใหญ่ ประทับใจมาก เวลายิงทีแรงส่งน่าเกรงขามสุดๆๆ ทหารประจำปืนยืนแทบจะไม่ไหว

อยากด่าคนทำหนัง มีฉากที่คนที่ไปก่อนกวนทหารเยอรมัน ใช้MP-40ยิงเวอ่ร์โครต มีจังหวะนึง ยิงรถหุ้มเกราะโดนทหารที่โผล่มาบอกป้อมปืนของรถตายแล้วรถหุ้มเกราะM8เลี้ยวเหมือนเสียหลัก ถ้ายิงรถบรรทุกจะพอทน ที่M8 คิดได้ไง จนคนที่เอาอยู่ต้องเดินแลกกระสุนกันจนตายไปข้างนึง และต้องเป็นนายทหารเยอรมันด้วย ถึงจะยอมตาย ทีเป็นหนังเรื่อง The Fallen ทหารอิตาลีกระหน่ำปืนกลหนักรัวไม่หยุด M8 ไม่เป็นอะไรแถมยิงสวนทีเดียว ตายศพไม่สวย

ผู้แสดงความคิดเห็น รอมเมล (goh_17-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-05-25 03:13:40 IP : 115.87.189.142



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker