dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



The Fallen หลายฝ่ายหลายชีวิตกับความไร้สาระของสงคราม
วันที่ 19/05/2013   14:59:09

webmaster@iseehistory.com

สวัสดีวันสงกรานต์ปี 2552 ครับ ยังไม่ทันจะเข้าสงกรานต์ประเทศชาติก็ต้องเผชิญปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจากเหตุไร้สาระที่ไม่อยากจะพูดมากให้เสียเวลาในการพูดคุยเรื่องภาพยนตร์ ขึ้นชื่อว่าความขัดแย้งหรือสงครามใดๆ ต่างฝ่ายต่างก็อ้างความชอบธรรมของตนเอง กล่าวโทษฝ่ายตรงข้าม ในช่วงแรกๆ ก็อาจจะฮึกเหิมมุ่งมั่นแต่จะเอาชนะ แต่ถึงจุดหนึ่ง เมื่อความขัดแย้งหรือสงครามนั้นๆ มันดำเนินมาจนเกิดความเสียหาย เกิดความเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากๆ แล้ว คราวนี้จะเริ่มรู้สึกล่ะว่ามันไร้สาระเสียหายขนาดไหน ความขัดแย้งทางการเมืองไทยในเวลานี้จะไปถึงจุดดังกล่าวได้เมื่อไรไม่ทราบ ในภาพยนตร์เรื่อง The Fallen ที่เราจะคุยกันในวันนี้ เล่าเหตุการณ์ที่จัดว่าเป็น "ปลายสงคราม" สำหรับอิตาลี พันธมิตรสำคัญของเยอรมันก็ว่าได้ เบื้องหลังทางประวัศาสตร์นั้น สัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่เกาะซิซิลีในวันที่ 9 กรกฎาคม 1943/พ.ศ.2486 แล้วขึ้นสู่แผ่นดินใหญ่อิตาลีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 1943/พ.ศ.2486 จากนั้นก็รุกไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนพระเจ้าเอมมานูเอลที่ 3 กษัตริย์อิตาลีได้ปลดมุสโสลินีออกจาผู้นำและประกาศยอมแพ้ต่อสัมพันธมิตร แต่แล้วในวันที่ 12 เดือนเดียวกัน ฮิตเลอร์ได้จัดส่งหน่วยพลร่มไปช่วยเหลือมุสโสลินีออกจากที่คุมขังมาได้ และได้จัดตั้งรัฐบาลหุ่นสาธารณรัฐสังคมนิยมอิตาลีโดยการสนับสนุนของฮิตเลอร์ขึ้นทางตอนเหนือของอิตาลี กองกำลังเยอรมันและอิตาลียังคงถูกกองทัพสัมพันธมิตรไล่ตีถอยร่นขึ้นไปอยู่ทางตอนเหนือ รอการรบขั้นแตกหักที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมาไม่ใช่เรื่องวีรกรรมหรือโศกนาฏกรรมของผู้หนึ่งผู้ใดหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เป็น "ชีวิต" ของหลายๆ คน หลายๆ ฝ่ายในบรรยากาศสงคราม

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องในแบบที่เขียนเรื่องย่อได้ยากอยู่เหมือนกัน ด้วยความที่ต้องการจะให้ครอบคลุมตัวละครทุกตัวทุกฝ่ายที่เกี่ยวกับสงคราม ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าตัวละครในเรื่องมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

ทหารอิตาเลียนกำลังเดินทางไปสมทบกับเยอรมัน

  1. กลุ่มทหารอักษะ เยอรมัน-อิตาลี ทางฝ่ายเยอรมันนำโดยผู้หมวดบรึกเนอร์ ลูกน้องมือรองคือ วูลฟ์ อีกคนที่จะมีบทบาทร่วมรบกับผู้หมวดในตอนจบคือ ฮันส์ ทหารอิตาลีนำโดย ผู้หมวดกิอานีนี ทหารอื่นๆ ได้แก่ ซัลวาตอเร่ เปาโล ปิปิโน ฯลฯ
  2. กลุ่มทหารอเมริกัน ตัวละครสำคัญได้แก่หมู่ทหารพลาธิการโดยการนำของจ่ามาโลน ตัวละครอื่นได้แก่ จิมมี่ ซาล เฟเนลี แพคการ์ด เมอร์ฟี
  3. กลุ่มชาวอิตาเลียนทั่วไป ซึ่งยังแยกย่อยได้อีก 4 กลุ่ม คือ กลุ่มของรอสสินี พ่อค้าเซ็งลี้ยามสงคราม กลุ่มผู้อพยพที่หมู่พลาธิการของจ่ามาโลนไปพบระหว่างเดินทางไปแนวหน้า กลุ่มในหมู่บ้านที่จ่ามาโลนไปพักแรม และกลุ่มกองโจรต่อต้านทหารอักษะหรือพาร์ติซาน (Partisan)

ผู้หมวดกิอานินีกับผู้หมวดบรึกเนอร์

ภาพยนตร์เริ่มเรื่องโดยกล่าวถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1944/พ.ศ.2487 เมื่อกองทัพเยอรมันและอิตาลีตั้งรับอยู่ที่แนวตั้งรับที่เรียกว่า The Gothic line ทางตอนเหนือของอิตาลี โดยมีหน่วยต่อต้านของอิตาเลียน (ต่อไปขอเรียกสั้นๆ ว่า "พาร์ติซาน") คอยรังควานระหว่างรอกำลังกองทัพสัมพันธมิตรเคลื่อนทัพมา เรื่องราวต่อจากนี้หากเล่าตามลำดับในเรื่องเขาจริงๆ เกรงจะอ่านกันไม่รู้เรื่อง ผมจึงขอเล่าเรื่องตามที่คิดว่าจะเข้าใจกันได้ง่ายที่สุดนะครับ

ที่แคมป์ของทหารเยอรมันหน่วยหนึ่ง ผู้หมวดบรึกเนอร์ กำลังรอให้ทหารอิตาเลียนมาสมทบเพื่อให้จัดการกับพวกพาร์ติซานที่คอยซุ่มโจมตีทหารของเขาอยู่ตลอด แล้วทหารเยอรมันจะได้จัดการตั้งรับการโจมตีของทหารอเมริกันได้เต็มที่ และแล้วทหารอิตาเลียนโดยการนำของผู้หมวดกิอานีนีได้นำทหารของตนมาสมทบกับผู้หมวดบรึกเนอร์ แม้ว่าผู้หมวดของทั้งสองฝ่ายจะมีอัธยาศัยดีต่อกัน แต่ทหารทั้งสองฝ่ายก็มีความไม่ลงรอยกันอยู่ลึกๆ จากการที่ฝ่ายอิตาลีถือตัวว่าเป็นเจ้าของประเทศ และอิจฉาความเหนือกว่าบางประการของทหารเยอรมัน ขณะที่ฝ่ายเยอรมันก็ทนงในความเข้มแข็งและการเป็นฝ่ายยึดครอง ยิ่งภารกิจที่ผู้หมวดเยอรมันมอบให้ทหารอิตาลีช่วยจัดการกับพวกพาร์ติซานแล้ว ยิ่งสร้างความลำบากใจให้ผู้หมวดอิตาเลียนที่จะต้องต่อสู้กับคนชาติเดียวกัน และเพียงมื้อแรกที่ต้องกินข้าวหม้อเดียวกัน (สำนวนไทยนะครับ ที่จริงฝรั่งเขาไม่ค่อยได้กินข้าวเป็นอาหารนักหรอก) ทหารเยอรมันกับทหารอิตาเลียนก็มีเรื่องทะเลาะกันจนผู้บังคับหมวดทั้งสองต้องเข้ามาห้าม ทางพวกพาร์ติซานก็คอยรังควานทหารเยอรมัน-อิตาเลียนโดยการตัดสายโทรศัพท์ของทหารเยอรมัน  แล้วดักสังหารทหารที่พยายามออกมาต่อสาย ส่วนกับทหารอิตาเลียนที่เป็นชาติเดียวกันนั้นแค่ตะโกนด่าที่ไปให้ความร่วมมือกับเยอรมัน ต่อมาผู้หมวดบรึกเนอร์ส่งรถหุ้มเกราะออกไปลาดตระเวณ ก็กลายเป็นเหตุให้ทหารที่ชื่อฮันส์ ถูกลอบยิงได้รับบาดเจ็บที่ขาจนต้องตัดขาในเวลาต่อมา ผู้หมวดบรึกเนอร์จึงได้ขอให้ผู้หมวดกิอานีนีส่งทหารออกไปลาดตระเวณบ้าง ทหารอิตาเลียนโดยการนำของซันวาโตเรเข้าไปติดกับของพวกพาร์ติซาน แต่ยังไม่ทันได้ยิงกัน เพราะพวกพาร์ติซานได้ขอร้องแกมขู่ให้ทหารอิตาเลียนยอมวางอาวุธแล้วมาร่วมมือกับฝ่ายตน ซึ่งมีผู้ยินยอมเพียง 2 คน ส่วนใหญ่ยังคงถือปืนคุมเชิงขู่กันไปขู่กันมาอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ฆ่ากันไม่ลง สุดท้ายซันวาโทเรก็พาทหารที่ยังภักดีต่อหน้าที่กลับหน่วยโดยไม่เสียเลือดเนื้อ

ทหารคนกลางถือปืน MP44 ที่ใครๆ ว่ามีใช้เฉพาะ SS

ทหารเยอรมันกำลังสอนทหารอิตาเลียนให้วางทุ่นระเบิด

ทหารเยอรมันออกมาวางสายโทรศัพท์ก่อนจะถูกเก็บทั้งคู่

ฮันส์กลับลงไปในรถหุ้มเกราะอย่างทุลักทุเลเพราะถูกยิงที่ขา

ทหารอิตาเลียนกับพวกพาร์ติซานคุมเชิงกันก่อนฝ่ายแรกจากไปโดยไม่เสียเลือดเนื้อ

ขอกล่าวถึงทางฝ่ายของอเมริกันบ้าง ทางตอนเหนือของเขตที่ทหารอเมริกันยึดครอง ทหารอเมริกันคนหนึ่งนามว่าซาล ซึ่งพูดภาษาอิตาเลียนได้ดี (อาจเป็นคนเชื้อสายอิตาเลียนด้วย) ได้เดินทางมาพบกับรอสสินีซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลจากการค้ายามสงคราม (ในเมืองไทยยุคนั้นเรียกการค้าในตลาดมืดยามสงครามด้วยภาษาจีนว่า "เซ็งลี้") หลังจากการต่อรองราคาเหล้าไวน์กันอย่างโหดหิน ก็ตกลงกันว่าซาลจะกลับไปพบรอสสินีอีกครั้ง แต่สถานการณ์ในแนวหน้าของฝ่ายอเมริกันไม่ได้เอื้ออำนวยเนื่องจากการปะทะกับทหารเยอรมันอย่างหนักหน่วง กองร้อยชาร์ลีได้วิทยุไปยังบก.พันขอกระสุนเพิ่มเติมพร้อมทั้งเครื่องวิทยุสื่อสาร ผู้พันจึงให้เรียกตัวจ่ามาโลนมาพบเพื่อมอบหมายภารกิจ จ่ามาโลนแม้จะดวดเข้าไปพอสมควรก็ยังอุตส่ามีสติพอจะรับฟังคำสั่งได้รู้เรื่อง แต่ก็ยังไม่วายถูกผู้พันคาดโทษ จ่ามาโลนจำใจกลับมาออกคำสั่งกับลูกน้องซึ่งแต่ละคนท่าทางจะหลังยาวพอๆ กัน  แม้จะต้องถกเถียงเกี่ยงงานกันนิดหน่อย สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอม รวมทั้งซาลที่จะต้องอดไปพบรอสสินีตามนัดด้วย ลืมเล่าไปนิดนึงว่าผู้พันซึ่งทราบว่าหมู่ของจ่ามาโลนไม่ค่อยจะรบเป็นได้สั่งให้นำทหารชื่อแพ็คการ์ดไปด้วยอีกคน ตอนจะขึ้นรถไปด้วยกันลูกน้องคนหนึ่งบอกจ่าว่าตาคนนี้หมอเขาบอกว่าตะแกเพี้ยนๆ น่าจะไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้ามากกว่า แต่จ่าแกคงตกกระไดพลอยโจนแล้วเลยต้องรับตาแพ็คการ์ดมาร่วมคณะ หลังจากเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง รถได้จอดให้สมาชิกปัสสาวะข้างทาง พอดีมีชาวบ้านอิตาเลียนกลุ่มหนึ่งหอบข้าวของเดินสวนทางมา ทักทายกันล้งเล้งอยู่พักหนึ่งจ่าก็สั่งให้เดินทางต่อ แต่รถเจ้ากรรมเกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมา พยายามซ่อมก็ไม่สำเร็จ วิทยุไปขอรถคันใหม่ผู้พันก็ไม่ให้ จ่ามาโลนจึงสั่งให้ลูกน้องยึดรถเข็นของชาวบ้านอิตาเลียนที่ยังนั่งพักอยู่บริเวณนั้นมาใช้ขนของแทน ทหารที่เหลือแบกลังบ้าง ถือปืนคุ้มกันบ้างออกเดินเท้ากันต่อไป บรรดาชาวบ้านอิตาเลียนทีแรกก็ไม่พอใจ แต่พอทหารอเมริกันคล้อยหลังไปได้สักหน่อย ลองซ่อมรถดูจนสำเร็จ ก็พากันขึ้นรถออกเดินทางกันต่อด้วยความดีใจที่ได้รถฟรีราวกับถูกหวย

จ่ามาโลน (ซ้ายสุด) แพคการ์ด (กลาง) และพรรคพวกคุมเชิงขณะพบชาวบ้านอิตาเลียนเดินสวนทางมา

การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ชาวบ้านนำอาหารมาเลี้ยงพวกพาร์ติซาน

คณะของจ่ามาโลนมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะสงบเงียบผิดปกติ จึงนำแพ็คการ์ดเข้าไปตรวจ  แต่ครั้นพอพบชาวบ้านที่หลบซ่อนอยู่ เรื่องลุ้นระทึกก็คลี่คลายกลายเป็นได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านให้ร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันอย่างอบอุ่น จังหวะนี้สายสืบของเยอรมันซึ่งเป็นเพื่อนของผู้หมวดบรึกเนอร์ได้โผล่เข้ามา โดยเขาโกหกว่าเป็นทหารอังกฤษจากสก็อตแลนด์ที่ถูกจับในอาฟริกาเหนือหนีมาจากค่ายเชลยศึก และไม่อยากกลับไปรบอีก ซึ่งจ่ามาโลนกับพวกก็เชื่อสนิท หลังอาหารค่ำมีมุขขำๆ นิดๆ ระหว่างทหารหนุ่มๆ กับสาวๆ ชาวบ้าน สาวคู่หนึ่งแย่งกันอ่อยทหารอเมริกันจนมีปากเสียงกัน แต่ลงท้ายกลับชวนกันเอาเสบียงไปส่งให้พวกพาร์ติซาน ด้านเฟเนลีทำท่าจะได้แอ้มสาวฟรานเชสก้าผู้เงียบขรึม แต่สุดท้ายพบว่าเธอ "ไม่มีฟัน" (แต่ในภาพที่เห็นเธอมีฟันเหมือนกันครับแต่ดูกระดำกระด่างน่าเกลียดมาก) แล้วคนที่ได้แอ้มจริงๆ กลับเป็นคู่ของยอดชายนายแพ็คการ์ดกับแม่เฒ่าโซเฟีย รุ่งเช้าทหารอเมริกันออกเดินทางต่อ โดยสายสืบเยอรมันได้แอบส่งข่าวไปยังผู้หมวดบรึกเนอร์

ทีนี้ต้องย้อนกลับมาที่ฝ่ายทหารเยอรมัน+อิตาเลียนอีกที คืนถัดมารถบรรทุกของทหารเยอรมันถูกซุ่มโจมตีโดยหน่วยพาร์ติซาน รุ่งเช้ารอสสินีกับลูกน้องอีก 2 คนมาสำรวจหาของที่อาจจะหลงเหลือแล้วถูกทหารเยอรมันจับได้ แล้วส่งตัวมาให้ผู้หมวดกิอานีนี ๆ สั่งให้เอาลูกน้องของรอสสินีทั้ง 2 คนไปเป็นทหาร ส่วนรอสสินีถูกลงโทษประหารชีวิตเพื่อเอาใจฝ่ายเยอรมันในวันรุ่งขึ้นด้วยการยิงเป้า

หมวดกิอานินีจำใจสั่งประหารรอสสินีเพื่อเอาใจเยอรมัน

ทางฝ่ายจ่ามาโลนกับพวกเดินทางมาจนถึงบริเวณที่ซันวาโตเรกับเพื่อนอีก 2 คนตั้งบังเกอร์รังปืนกลอยู่ ทำให้ซาลซึ่งทำหน้าที่พลวิทยุถูกยิงเสียชีวิตทันที ที่เหลือก็หลบเข้าที่กำบังกันให้จ้าละหวั่น จ่ามาโลนก็ยังอุตส่าใช้ให้จิมมี่ไปเอาวิทยุมาจากศพของซาลได้ จากนั้นจ่าแกก็คว้าเหล้ามาดวดแก้กลุ้มพร้อมกับระบายความในใจเรื่องคุณพ่อที่ไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้วถูกจับขึ้นศาลทหารข้อหาพาลูกน้องไปตายแล้วหนีกลับมา บรรดาลูกน้องที่เหลือนั้นจะเห็นใจแค่ไหนไม่ทราบ แต่ยามหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้กำลังต้องการผู้นำมากกว่า โชคยังดีที่รถหุ้มเกราะอเมริกันคันหนึ่งผ่านมาพอดี ซันวาโตเรพยายามยิงต่อสู้ แต่รถเกราะก็คือรถเกราะ นอกจากยิงไม่เข้าแล้ว มันซัดกลับตูมเดียวปืนกลของเขาก็เงียบเสียง เพื่อนๆ ทั้ง 2 ของเขารีบเผ่นออกมายอมมอบตัวกับทหารอเมริกันโดยดี ด้านแพ็คการ์ดได้ย่องไปยังรังปืนกล พบร่างของซันวาโตเรนั่งคุกเข่าหายใจรวยริน แพ็คการ์ดก็ช่วงประคองร่างเขาลงนอนแล้วปิดเปลือกตาให้ก่อนเดินจากไป

ซันวาโตเรยิงสกัดคณะของจ่ามาโลน โชคร้ายที่รถหุ้มเกราะอเมริกันมาพบเข้า

เหตุการณ์ทางฝ่ายทหารเยอรมัน-อิตาเลียน ผู้เขียนบทปล่อยมุกสุดท้ายออกมาโดยให้ทหารอิตาเลียนที่กำลังขุดดินแกล้งโยนดินใส่ทหารเยอรมัน แล้วเลยเกิดเป็นเรื่องชกต่อยกันอีก ระหว่างที่กำลังชุลมุนกันนั้นทหารอิตาเลียนคนหนึ่งแอบขโมยปืนไรเฟิลอัตโนมัติ MP44 ของทหารเยอรมันคนหนึ่งไปยิงได้กวางหนึ่งตัว (เจ้าปืนโมเดลนี้ หลายคนเคยบอกว่า มันเป็นอาวุธพิเศษของหน่วยเอสเอส แต่ไหงมาโผล่เป็นอาวุธของทหารหน่วยนี้ได้) คราวนี้ผู้หมวดของทั้ง 2 ฝ่ายนอกจากจะมาห้ามการทะเลาะวิวาทกันแล้ว ยังต้องมาเจรจาต่อรองเรื่องเนื้อกวางอีก ซึ่งก็ตกลงแบ่งกันกินได้ด้วยดี

ทีนี้รบกันจริงๆ จังๆ ซะทีละนะ จ่ามาโลนกับพวกนำของมาถึงแนวหน้าได้สำเร็จ พอดีจังหวะที่มีคำสั่งให้เข้าโจมตีข้าศึก คุณจ่ากับพวกเลยต้องตกบันไดพลอยโจนเข้าร่วมการเข้าตีกับเขาไปด้วย ด้านผู้หมวดบรุกเนอร์ได้รับคำสั่งให้นำกำลังป้องกันที่ตั้งจนคนสุดท้าย แต่ผู้หมวดกลับตัดสินใจส่งทหารส่วนใหญ่ไปสมทบกับหน่วยอื่นในแนวหลัง ขออาสาสมัครแค่ 2 คนมาช่วยเขาในการต่อสู้ถ่วงเวลาข้าศึก ผู้ที่อาสาคือฮันส์ซึ่งถูกตัดขาจากการบาดเจ็บขณะลาดตระเวณ กับวูลฟ์ ลูกน้องคนสนิทของผู้หมวดเอง ส่วนทหารอิตาเลียนของหมวดกิอานีนีก็จากไปเช่นเดียวกับทหารเยอรมันส่วนใหญ่ ถึงฉากสุดท้าย บางท่านคงเดาได้ ผู้หมวดกับอาสาสมัครร่วมตายรวม 3 คนได้ไปปักหลักตั้งปืนกลยิงสกัดข้าศึกที่เนินแห่งหนึ่ง และทหารอเมริกันกลุ่มที่ถูกโจมตีนั้นก็มีกลุ่มของจ่ามาโลนร่วมมาด้วย ทหารเยอรมันทั้ง 3 รบต้านทานข้าศึกอย่างห้าวหาญ สามารถสังหารข้าศึกไปได้หลายคนรวมทั้งคณะของจ่ามาโลนทั้งหมดโดยต้องแลกชีวิตกับเขาทั้ง 3 ด้วยเช่นกัน ผู้สร้างก็อุตส่าเจาะจงให้แพ็คการ์ดเป็นคนลั่นไกสังหารผู้หมวดบรุกเนอร์ก่อนที่ตะแกจะขาดใจตายลงเช่นกัน ความน่าสังเวชคือทหารอเมริกันที่เหลือรอดได้ดึงเอาเหรียญกางเขนเหล็กจากศพของผู้หมวดไปเก็บเป็นที่ระลึก แล้วจับร่างทั้งสามมาจัดฉากถ่ายรูปเก็บเพื่อเก็บไว้ลงวารสารไทม์

3 ทหารเสือเยอรมันรบถ่วงเวลาสกัดกั้นฝ่ายอเมริกันอย่างสุดฤทธิ์ทั้งที่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร

เมื่อตอนที่มีผู้ตั้งกระทู้แนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ ผมได้ให้ความเห็นจากการดูครั้งแรกในทำนองว่า เป็นหนังประเภทที่เหมือนจะต้องปีนบันไดดู ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่มีความซับซ้อนอะไรนัก ความแตกต่างจากภาพยนตร์สงครามประวัติศาสตร์หลายๆ เรื่องคือการเป็นภาพยนตร์แนวดรามาปนคอมเมดี้นิดๆ ที่พยายามกล่าวถึงหลายๆ คนในทุกฝ่ายที่เกี่ยวกับสงคราม ไม่ได้มีการแบ่งแยกตัวละครเป็นพระเอก-ผู้ร้ายหรือฝ่ายดี-ฝ่ายชั่ว ไม่ได้มีการดำเนินเรื่องแบบต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคไปจนถึงจุดหมาย มีแต่การเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ไปจนถึงการปะทะครั้งสุดท้ายที่ตัวละครหลักสองกลุ่มตายกันหมด

ถ้าจะถามกันตรงๆ ว่าผมเข้าใจเรื่องนี้ว่าอย่างไรคงยากที่จะตอบ ข้อสรุปส่วนตัวโดยคร่าวๆคือ ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะดูเพื่อเอา "เนื้อเรื่อง" แต่เป็นการดูเพื่อเอา "บรรยากาศ" และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของตัวละครที่มีความหลากหลายมากกว่า

ในแง่ของประวัติศาสตร์ ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดของเหตุการณ์สำคัญอะไรมาก แต่ในเรื่องของรายละเอียดของเครื่องแต่งกายทหาร อาวุธยุทธภัณฑ์ที่ใช้ น่าสนใจมาก อาจจะเอาไปใช้ในการอ้างอิงในการสร้างภาพยนตร์เรื่องอื่น  หรือระดับชาวบ้านอย่างเราๆ อาจจะเอาไปใช้อ้างอิงเพื่อการวาดรูป ประกอบชุดจำลองพลาสติค ฯลฯ ก็ยังได้

มวยหมู่อิตาเลียน VS เยอรมัน

ด้านภาพลักษณ์ของแต่ละฝ่าย จากการที่เป็นภาพยนตร์ที่ร่วมมือกันสร้างของ 3 ชาติในเรื่อง คือ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน และอิตาลี อาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวละครไม่มีแยกเป็นฝ่ายดี-เลวอย่างชัดเจน แม้อย่างนั้น ดูเหมือนทางฝ่ายอเมริกันที่ถ่ายทอดผ่านจ่ามาโลนกับพวกซึ่งเป็นทหารพลาธิการจะดูแย่ที่สุด คือ หัวหน้าเมาหยำเป ลูกน้องก็เละๆ เทะๆ ค้าของในตลาดมืด ซ่อมรถไม่เป็น ฯลฯ แต่มองในด้านบวกสักหน่อยก็ต้องบอกว่าคนพวกนี้ไม่ใช่นักฆ่าบ้าสงคราม ทหารอิตาลีนั้นด้านลบก็คล้ายกับที่เราคงได้ทราบมาก่อนในเรื่องความอ่อนปวกเปียก เหมือนจะรบไม่เป็น แต่ก็หยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่บ้าง ทางฝ่ายเยอรมันดูเผินๆ เหมือนจะดูดีที่สุด จากความเข้มแข็ง ความเสียสละของผู้นำอย่างผู้หมวดบรึกเนอร์ แทบจะไม่เห็นภาพของผู้ยึดครองที่ในเรื่องอื่นคงจะก้าวร้าวกว่านี้ แต่การถูกกองโจรพาร์ติซานรังควานจนไม่เป็นอันรบ แล้วมาใช้ให้ทหารอิตาเลียนที่เป็นชาติเดียวกันจัดการ และการกดดันให้ทหารอิตาเลียนลงโทษรอสสินี ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอยู่เหมือนกัน

สรุปว่าเป็นภาพยนตร์ที่คอหนังสงครามแอคชันควรพิจารณาให้ดีก่อนซื้อ ส่วนคอหนังสงครามแนวดรามาต่อต้านสงครามนั้น ขอเพียงตั้งใจดู "บรรยากาศ" ของเรื่องแทนการดู "เนื้อเรื่อง" ก็น่าจะได้ซึมซับอะไรดีๆ จากเรื่องนี้ไปได้ไม่น้อยเหมือนกัน

เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อันชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : The Fallen

ชื่อภาษาไทย :  โคตรกองรบลุยไม่หวั่นตาย (เว่อซะไม่มี)

ผู้กำกำกับ : Ari Taub

ผู้เขียนบท :  Nick Day, Caio Ribeiro

ผู้แสดง :

  •  Daniel Asher ...  Lt. Watts
  •  Gianluca Bianco ...  Toro
  •  Matthew Black ...  Sgt. Hoakes (as Mathew Black)
  •  Davidé Borella ...  Pietro
  •  Justin Brett ...  Kinross
  •  Bob Brown ...  Col. Bowen
  •  Hans-Dieter Brückner ...  Cook
  •  Achim Buchner ...  Franz (as Achim Beuchner)
  •  Nathan Crooker ...  Ernie
  •  Peter G. Dirmeier ...  Jürgen
  •  Emanuele Fortunati ...  Rossini's cook
  •  Richard Kent Green ...  Sam
  •  Britton Herring ...  Cobb
  •  Ron Hirt ...  Jimmy
  •  Markus Kirschbaum ...  Hans
  •  Adán Latonda ...  Mario
  •  Sergio Leone ...  Salvatore
  •  Frank Licari ...  Pipino
  •  Alessandro Lombardo ...  Pasquale
  •  Massimo Lozza ...  Luigi
  •  Francesco Mazzini ...  Umberto
  •  John McVay ...  Malone
  •  Karine Melo ...  Francesca
  •  Andrea Modica ...  Philipo
  •  John O'Leary ...  Sal
  •  Antonio Oliveri ...  Fenelli
  •  Nino Palmeri ...  Antonio
  •  Ruben Pla ...  Packard
  •  Thomas Pohn ...  Lt. Gunther
  •  Lucio Polosa ...  Stefano
  •  Cristina Pronzati ...  Maria
  •  Rafael Quiles ...  Marcello
  •  Carmine Raspaolo ...  Rossini
  •  Andy Redmond ...  Scammel
  •  Dieter Riesle ...  Otto
  •  Paola Romagnani ...  Rosa
  •  Mirella Sanseviero ...  Sofia
  •  Vincenzo Sanseviero ...  Federico
  •  Fabio Sartor ...  Lt. Gianini
  •  Dirk Schmidt ...  Wulfe
  •  Stephan Schmützler ...  Schultz
  •  Marc Schwarz ...  Private Gallaway
  •  Brett G. Smith ...  Murphy (as Brett Smith)
  •  Wolfram Teufel ...  Kreuger
  •  Nicola Tranquillino ...  Paolo
  •  Frank Voß ...  Johann
  •  Milton Welsh ...  Thomas (as Milton Welsch)
  •  Andrew Zappone ...  sergeant Biggs

ควรอ่านเพิ่มเติม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

 
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ

หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ

Bookmark and Share

ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com

 

ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์

 



สงครามโลกครั้งที่ 2 - ยุโรป

Inglourious Basterds ยุทธการเดือดเชือดนาซี วันที่ 27/05/2013   23:02:43 article
The World at War สารคดีที่ช่วยให้เห็นภาพรวมสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 19/05/2013   11:26:48
The Boy in the Striped Pyjamas เด็กชายในชุดนอนลายทาง วันที่ 19/05/2013   11:30:27
สารคดีชุด The History Channel World War II จาก BBC วันที่ 19/05/2013   11:32:15
Escape from Sobibor แหกค่ายนรกนาซี วันที่ 19/05/2013   14:49:41
Defiance วีรบุรุษชาติพยัคฆ์ (กลุ่มนักสู้ยิวในเบลารุส) วันที่ 19/05/2013   14:50:16
Brother's War ยุทธการสกัดแผนการหลังม่านเหล็ก วันที่ 19/05/2013   14:51:09
Life Is Beautiful ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง(?) วันที่ 19/05/2013   14:52:30
Stauffenberg ในเวอร์ชันของเยอรมันเอง วันที่ 19/05/2013   14:54:02
Valkyrie : ยุทธการดับจอมอหังการ์อินทรีเหล็ก วันที่ 19/05/2013   14:55:25
Kelly's Heroes การเสียดสีความเป็นวีรบุรุษของอเมริกัน วันที่ 19/05/2013   14:57:02
Enigma รหัสลับพลิกโลก วันที่ 19/05/2013   14:58:01
ป้อมปืนนาวาโรน หนามแหลมมีพิษที่ยอกอกอังกฤษ วันที่ 19/05/2013   15:02:34
La Grande Vadrouille: หนังสงครามแนวตลกชั้นครู วันที่ 19/05/2013   15:04:14
Saints and Soldiers รบกันแต่อย่าเกลียดกัน??? วันที่ 19/05/2013   15:05:31
The Devil's Brigade กองพลน้อยปีศาจลูกผสมอเมริกัน-แคนาดา วันที่ 19/05/2013   15:06:55
The Battle of the River Plate วันที่ 19/05/2013   15:08:04
Das Boot U – 96 เรือล่มเมื่อจอด วันที่ 19/05/2013   15:11:04
Mosquito Squadron นิยายรักนักบิน วันที่ 19/05/2013   15:12:40
Where Eagles Dare วันที่ 19/05/2013   15:14:27
THE EAGLE HAS LANDED (แผนสิบหกอินทรีเหล็ก) วันที่ 19/05/2013   15:15:36
The Pianist ความวิปโยคจากอคติทางเชื้อชาติ วันที่ 19/05/2013   15:17:06
The Last Armored Train ว่าด้วยรถไฟหุ้มเกราะในสงครามโลก วันที่ 19/05/2013   15:18:21
Days of Glory เมื่อพี่(ฝรั่ง)เศสยังติดหนี้คนอาหรับ วันที่ 19/05/2013   15:19:32
To Hell And Back สงคราม...สร้างวีรบุรุษ วันที่ 19/05/2013   15:21:01
The Great Escape แหกค่ายมฤตยู วันที่ 19/05/2013   15:22:20
Combat! คัมแบ็คในรูปแบบ VCD วันที่ 19/05/2013   15:23:45
D-Day the Sixth of June นิยายรักวันดีเดย์ วันที่ 19/05/2013   15:24:52
D-Day 6.6.44 สารคดี จาก BBC วันที่ 19/05/2013   15:25:59
The Atlantic Wall ปราการชายฝั่งยุโรป ของ ฮิตเลอร์ วันที่ 19/05/2013   15:27:09
Saving Private Ryan วันที่ 19/05/2013   15:28:34
Von Ryan's Express ด่วนนรกเชลยศึก วันที่ 19/05/2013   15:29:52
Memphis Belle ป้อมบินเย้ยฟ้า วันที่ 19/05/2013   15:30:55
Land and Freedom ความล้มเหลวของฝ่ายซ้ายใน สงครามกลางเมืองสเปน วันที่ 19/05/2013   15:34:12
633 ฝูงบินมัจจุราช วันที่ 19/05/2013   15:35:21
Cross of Iron อิสริยาภรณ์ แห่ง ความกล้า กับ ความบ้าเกียรติ วันที่ 19/05/2013   15:36:41
Kill Rommel การต่อต้านสงครามด้วยมนุษยธรรม วันที่ 19/05/2013   15:37:39
The Bridge at Remagen อีกยุทธการยึดสะพานที่คำสั่งเป็นพิษ วันที่ 19/05/2013   15:38:46
Donwfall (Der Untergang) ปิดตำนานบุรุษล้างโลก (ฮิตเลอร์) วันที่ 19/05/2013   15:52:54
Band of Brothers บทเรียนเรื่อง "ภาวะผู้นำ" วันที่ 19/05/2013   15:53:55
Nuremberg: ศาลยุติธรรม ระดับโลก หรือ ปาหี่ของผู้ชนะ? วันที่ 19/05/2013   15:55:43
Sophie Scholl กับ ขบวนการต่อต้านนาซี ใน เยอรมัน วันที่ 19/05/2013   15:56:49
โอมาร์ มุกตา ผู้หาญสู้ เผด็จการ ฟาสซิสต์ อิตาลี วันที่ 19/05/2013   15:58:04
แพตตัน การรบกับข้าศึก VS การแข่งขันกับพันธมิตร วันที่ 19/05/2013   15:59:18
Hitler the Rise of Evil ชีวิตของจอมเผด็จการที่เสมือนนิยายอมตะ วันที่ 19/05/2013   16:00:23
A Bridge Too Far ศึกสะพานนรก เพราะการวางแผนผิดพลาด วันที่ 19/05/2013   16:01:54
D-Day: Men and Machines สารคดี เบื้องหลัง การยกพลขึ้นบก ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ วันที่ 19/05/2013   16:03:14
ทัวร์ สงครามโลกครั้งที่สอง กับ กองพลที่ 1 สหรัฐฯ (The Big Red One) วันที่ 19/05/2013   16:04:20
Battle of the Bulge ยุทธภูมิรถถังที่อาศัยการตีความข้อมูลข่าวกรอง วันที่ 19/05/2013   16:05:30
Battle of Britain สงครามอินทรีเหล็ก วันที่ 19/05/2013   16:08:59
The Longest Day การยกพลขึ้นบก ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ วันที่ 19/05/2013   16:10:08
ยุทธภูมิเลือด Stalingrad วันที่ 19/05/2013   16:11:23
Enemy at the Gates : วีรบุรุษสามัญชนจากอูราลในสมรภูมิ สตาลินกราด วันที่ 19/05/2013   16:12:27
Dark Blue World (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   16:14:45 article
Hart's War (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   16:15:49 article



1

ความคิดเห็นที่ 1 (101770)
avatar
รอมเมล

-     หนังเป็นช่วงอิตาลีใกล้จะถูกยึดหมดประเทศแล้ว ทหารอิตาลีเหล่านี้เป็นพวกจงรักภักดีต่อมุสโสลีนีหลังจาก มุสโสลินีได้รับการช่วยเหลือออกจากคุกโดยคอมมานโดเยอรมันให้กลับมาเป็นผุ้นำอีกครั้ง  ตลอดเวลาทหารอิตาลีรบแพ้ทุกสมรภูมิ ทั้งที่มีบรรบุรุษคือกองทัพโรมมันที่ยิ่งใหญ่ แต่นี้คนละเรื่องเลย วันที่มุสโลลีนีโดนปลด ทหารเยอรมันรีบปลดอาวุธทหารอิตาลีในสมรภูมิต่างๆ และยึดเมือง โรงงานผลิตอาวุธ และพยายามประคองอำนาจมุสโสลินีไว้อีก ดังนั้นทหารอิตาลีในช่วงเวลาในหนังจึงเหมือนไม่มีใจจะรบเลย คงจะสับสนว่า นี่รบเพื่อแผ่นดินอิตาลี หรือแผ่นดินเยอรมันแน่ แล้วยังโดนทหารเยอรมันดูหมิ่นตลอดเวลา ถึงกลับบอกปืนที่อิตาลีผลิตยิงไม่เคยโดน เลยมีมุขตลกที่ทหารอิตาเลียนเอาปืนเยอรมันยิงกวางตาย ทำให้ทหารอิตาเลียนเชื่อแล้วว่าปืนอิตาเลียนยิงอะไรไม่โดน ความสามัคคีไม่ต้องถามหา เพราะเยอรมันเองก็ระแวงว่าทหารอิตาเลียนจะกลับข้าง ตลบหลังเยอรมันหรือป่าว หนังจริงดูออกมาหาความสามัคดีไม่เจอ

-      แต่เมื่อเป็นทหาร ย่อมรักษาเกียรติอยู่แล้ว ทหารอิตาเลียนบางหน่วยก็ต่อสู้อย่างสมเกียรติ จอมพลรอมเมลเองก็เคยชื่นชมทหารอิตาเลียนว่ารบได้ดี แต่ขาดยุทธวิธี คงหมายถึงทื่อๆๆมากกว่า ไม่มีการพลิกแพลงเลย

-       เคยอ่านยุทธนาวีของอังกฤษกับอิตาลี ไม่น่าเชื่อ เพียงวันเดียวกองเรือทั้งหมดของอิตาลีจมหมด เรือประจัญบานบางลำไม่ทันจะยิงเลย โดนยิงจมเฉยเลย ทหาารเรืออังกฤษถึงกลับกล่าวว่า เรือรบอิตาลีโผล่มาเหมือนผี มาจากตรงไหนไม่รู้  แต่ทว่าเหมือนวิ่งมาให้ยิงเสียมากกว่า เพราะไม่ยิงเลยเหมือนเรืออิตาลีมองหาเป้าไม่เจอ ตั้งแต่นั้นไม่ว่ากองเรือรบอิตาลีจะไปไหน ต้องมีฝูงบินเยอรมันบินตามไปด้วยเสมอๆ เลยทำให้กองเรืออังกฤษไม่กล้าต่อกรกับกองเรืออิตาลีอีกเลย

-      ส่วนเครื่องบินอิตาลี ได้อ่านข้อมูลมาบ้างว่า เครื่องบินยุคแรกๆล้าสมัยมาก ไม่ทันกิน แล้วได้เยอรมันช่วยออกแบบ ทำให้ได้เครื่องบินที่ยอดเยี่ยม วีรกรรมนักบินอิตาลีหายาก ว่ากันมี  น่าแปลกที่หาอ่านไม่ได้ แต่มีบันทึกฝ่ายสัมพันธมิตร มีการประจัญบานระหว่างเครื่องบินขับไล่สัมพันธมิตรกับเครื่องบินขับไล่อิตาลี6-4 ปรากฏว่า สัมพันธมิตรร่วงหมด5หรือ6 ส่วนอิตาลีบินกลับครบทั้ง4ลำ สุดยอด!!

ผู้แสดงความคิดเห็น รอมเมล ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-14 00:16:18


ความคิดเห็นที่ 2 (102039)
avatar
Demetorius

 ขอบคุณที่แนะนำครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Demetorius (maceus-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-04-25 21:42:31



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker