webmaster@iseehistory.com
พัฒนาการของคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตทำให้บ่อยครั้งที่เราได้ยินการขนานนามยุคนี้ว่าเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสารหรือสารสนเทศ แต่สำหรับผมแล้ว ยิ่งศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์สงครามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นว่าข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญมาแต่โบราณแล้ว ต่างกันแค่ประสิทธิภาพของเครื่องมือต่างๆ ภาพยนตร์ที่จะนำมาคุยกันในวันนี้ย้อนไปไม่ไกล คือในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในจุดที่ห่างไกลจากสนามรบจริง เรื่องราวของกลุ่มคนที่อาจดูเหมือนไม่ได้มีวีรกรรมประเภทที่ต้องเสี่ยงต่อชีวิตของตนเอง ไม่ต้องฆ่าฟันข้าศึกซึ่งๆ หน้า แต่งานของเขามีผลทางอ้อมต่อการสงวนรักษาชีวิตฝ่ายเดียวกันตลอดจนถึงความสูญเสียของฝ่ายตรงข้าม นั่นคือเรื่อง Enigma รหัสลับพลิกโลก (เริ่มฉายปี 2001/พ.ศ.2544) สร้างจากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ของ Robert Harris เรื่องราวของนักแกะรหัส (Code Breaker) ในศูนย์การข่าวของอังกฤษเมือง Bletchley Park ที่มีหน้าที่ในการแกะรหัสลับของฝ่ายเยอรมันที่ได้รับการเข้ารหัสอย่างดีจากเครื่องมืออันสลับซับซ้อนที่มีชื่อว่า Enigma ผลการทำงานของพวกเขาได้ทำให้ไปค้นพบความลับอันน่าตกใจของรัสเซียประเทศที่เป็นพันธมิตรซึ่งจะมีผลต่อสงครามเป็นอย่างมาก
Thomas Jeircho กับ Hester Wallace
ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นอีกเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนทั้งในแง่การดำเนินเรื่องในเชิงสืบสวนสอบสวน รวมถึงเรื่องเทคนิคการเข้ารหัสทางทหารในสมัยนั้น ในการเล่าเรื่องย่อผมคงต้องข้ามรายละเอียดปลีกย่อยบางประการ และขอทำความเข้าใจในเบื้องต้นว่า Enigma นั้นเป็นตัวเครื่องหรือฮาร์ดแวร์ของกองทัพเยอรมันที่ใช้ในการเข้ารหัสและถอดรหัสสำหรับข่าวสารทางทหาร ส่วนชื่อของวิธีการเข้ารหัสนั้น ที่จะเอ่ยถึงบ่อยในภาพยนตร์คือรหัส Shark ที่ใช้ในกองทัพเรือเยอรมัน ใช้เครื่องอีนิกม่าที่มีเฟืองถึง 4 ตัวแทนที่จะเป็น 3 ตัวอย่างเครื่องทั่วไป และมีแยกย่อยออกเป็นรหัสทางอากาศ (Weather Code) และรหัสย่อ (Short Signal) ส่วนรหัสอีกชนิดหนึ่งเป็นของกองทัพบกเยอรมันในแนวหน้าด้านรัสเซียมีชื่อว่า Kestrel ครับ
ตามลำดับซ้ายไปขวาทีละแถว -
นายสกินเนอร์ เจ้านายตัวร้าย, โลกี้ หัวหน้าและเพื่อนที่ดีของทอม, วิแกรม นักสืบยอมยียวน,
แคลร์ สาวพราวเสน่ห์ผู้มีเบื้องหลังน่าฉงน, พัค นักแกะรหัสชาวโปแลนด์พลัดถิ่นผู้แปรพักตร์ และเคฟ นายทหารเรือผู้ช่วยด้านแผนที่และพิกัดต่างๆ
เรื่องเริ่มขึ้นราวปลายเดือนเมษายน 1943/พ.ศ.2486 เมื่อพระเอกของเรานามว่า โทมัส เจอริโก้ (Thomas Jericho) หรือ ทอม เดินทางกลับจากเคมบริดจ์ (ที่ๆเขาเคยเรียน และต้องไปรักษาอาการทางประสาท) มายังศูนย์การแปลรหัสของอังกฤษเพื่อต่อต้านเยอรมัน เบลทช์ลีย์ปาร์ค 60 ไมล์ตอนเหนือของลอนดอน คุณสกินเนอร์ซึ่งในเรื่องไม่ระบุว่ามีตำแหน่งอะไร แต่ท่าทางจะเป็นผู้บังคับบัญชาของนักแกะรหัสทั้งหมด แสดงท่าทีไม่ค่อยพอใจนัก แต่จำใจรับเขากลับเข้ามาตามคำขอของโลกี้ซึ่งมีตำแหน่งรองจากสกินเนอร์ ฝ่ายโลกี้ได้ชี้แจงว่าเหตุที่เรียกทอมกลับมาเพราะทางฝ่ายเยอรมันได้มีคำสั่งเปลี่ยนรหัสทางอากาศโดยกระทันหัน ทำให้ต้องแกะรหัสชาร์คกันใหม่จากเดิมที่ทอมเคยประสบความสำเร็จมาก่อน จากนั้นแผนกของทอมซึ่งมีสกินเนอร์เป็นหัวหน้าได้ประชุมร่วมกับผู้ใหญ่ในกองทัพเรือ ขณะนั้นสถานการณ์กำลังตึงเครียดเนื่องจากขบวนเรือขนาดใหญ่ลำเลียงสิ่งของและยุทธปัจจัยต่างๆ จากอเมริกามุ่งมายังเกาะอังกฤษ กำลังเสี่ยงต่อการโจมตีของฝูงเรือดำน้ำเยอรมัน จากการเปลี่ยนรหัสทางอากาศทำให้ไม่สามารถทราบตำแหน่งของบรรดาเรือดำน้ำได้ นอกจากจะแกะรหัสชาร์คชุดใหม่ได้ภายใน 4 วัน ซึ่งไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ โดยเฉพาะทอมที่ได้อธิบายความสลับซับซ้อนของเครื่องอีนิกม่าและระบบการเข้ารหัสของเยอรมันแล้วสรุปว่าไม่สามารถจะแกะรหัสใหม่ได้ ทำให้ผู้บัญชาการท่านนั้นไม่พอใจและสกินเนอร์รู้สึกเสียหน้ามาก
ทอมกำลังอธิบายความซับซ้อนของเครื่องอีนิกม่าและรหัสชาร์ค
ทอมทราบข่าวจากเฮสเตอร์ วอลเลซ ว่าแคลร์เจ้าหน้าที่แปลภาษาเยอรมันซึ่งเป็นแฟนเก่าของทอมและเพื่อนร่วมบ้านเช่ากับเฮสเตอร์ไม่กลับบ้านมาสองคืนแล้ว ตกเย็นเขาจึงไปที่บ้านพักของแคลร์เพื่อนึกถึงความหลังและหาร่องรอยบางอย่างในห้องของเธอจนพบว่ามีกระดาษจดรหัสลับแอบซ่อนอยู่ใต้พื้นของห้อง พอดีจังหวะที่เฮสเตอร์เข้ามาพบ ทอมอธิบายกับเฮสเตอร์ว่ารหัสที่เขาพบเป็นรหัสของกองทัพเยอรมันที่ดักสัญญาณได้ระหว่าง 3 ทุ่มครึ่งถึงเที่ยงคืนวันที่ 17 เมษายน หรือ 9 วันมาแล้ว จากหน่วยที่ทราบเพียงชื่อย่อว่า A.D.U. และเป็นรหัสที่ยังถอดไม่ได้ เฮสเตอร์ล้อเล่นว่า A.D.U. คงย่อมาจาก "เทวดาเต้นอยู่ข้างบน" - Angel Dances Upward แล้วประโยคนี้ก็กลายมาเป็นรหัสเฉพาะของทั้งสองคนในการสืบหาแคลร์กับรหัสพิศวงเหล่านี้ในเวลาต่อมา โทมัสสงสัยว่าแคลร์จะทรยศ แต่เฮสเตอร์ไม่เชื่อ
เมื่อทอมกลับถึงที่พักพบว่านักสืบชื่อวิแกรมได้มารอพบเขาอยู่ก่อน จึงแอบเอากระดาษพิมพ์รหัสที่ได้จากห้องของแคลร์ไปซ่อนไว้ในห้องน้ำของอพาร์ทเมนต์ วิแกรมสอบถามทอมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแคลร์ ทอมเล่าว่าหลังจากเขามีชื่อเสียงจากการถอดรหัสชาร์คชุดเดิมได้ เขาได้รู้จักกับแคลร์และเฮสเตอร์ในงานคอนเสิร์ตครั้งหนึ่ง จากนั้นได้สนิทกับแคลร์อยู่ประมาณเดือนหนึ่งจนถึงขั้นแอบพากันมาหลับนอนกันที่อพาร์ตเมนท์ แต่ในคืนนั้นหลังจากมีอะไรๆ กันแล้วแคลร์กลับมีท่าทีเหมือนจะหาความลับบางอย่างจากเขาถึงขั้นพยายามจะเก็บเอากระดาษเกี่ยวกับงานเก่าของทอมที่เคมบริดจ์ไป แต่ทอมไม่ยอมจนเกิดการขัดใจกัน แคลร์จึงตัดสินใจเลิกกับเขาจนเป็นเหตุให้เขาสติแตกและถูกส่งกลับไปเคมบริดจ์ แต่วิแกรมยังแสดงความระแวงว่าทอมอาจจะทรยศ เมื่อวิแกรมจากไปทอมรู้สึกเครียดจนต้องเผากระดาษพิมพ์รหัสที่ได้จากห้องของแคลร์ไปเผาทิ้ง
วันต่อมาเฮสเตอร์ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เอดียูนั้นคือ หน่วยนาคช์ริทเท่น กรมทหารสื่อสารเคลื่อนที่ที่ 537 ของกองทัพบกเยอรมันที่ตั้งอยู่ในยูเครน (A.D.U. is the call sign of Nachtrichten, Regiment 537... a motorized German Army signals unit based in the Ukraine ) แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่าทำไมแคลร์จึงขโมยข้อความที่ตัวเองอ่านไม่ได้ เฮสเตอร์จึงไปสืบที่สำนักทะเบียนกลาง พบว่าแฟ้มรหัสเคสเทรลในวันที่ 17 เมษายน ว่างเปล่า ต่อมาได้ไปค้นหาวิธีการเซ็ตเครื่องอีนิกม่าของวันที่ 17 แต่ปัญหาคือทอมได้เผาข้อความทิ้งไปแล้ว
คู่พระคู่นางหลบมาถอดรหัสเคสเทรลกันกลางทุ่งนา แต่ได้ข้อความที่ "ไม่ใช่ภาษาเยอรมัน"
โทมัสเกือบถูกส่งตัวกลับ เพราะสกินเนอร์ไม่พอใจที่เสียหน้าเมื่อวันก่อน แต่พอดีมีเหตุด่วนว่าทางกองทัพเรือเยอรมันมีการส่งสัญญาณในบางช่วงแล้วเงียบหายไป ซึ่งหมายความว่าเรือดำน้ำกำลังจะเข้าโจมตีขบวนเรือสินค้า ทอมเกิดไอเดียว่า เยอรมันเปลี่ยนรหัสอากาศแต่ไม่ได้เปลี่ยนรหัสสัญญาณแบบย่อ ช่วงนี้คือโอกาสที่จะดักสัญญาณของเรือดำน้ำเยอรมันที่จะสื่อสารกันตั้งแต่เรือดำน้ำลำแรกพบขบวนเรือจนถึงเวลาเข้าโจมตี ซึ่งใช้เวลาและได้สัญญาณมามากพอที่จะใช้ในการแกะรหัสชาร์คชุดใหม่ โลกี้เห็นด้วยและตัดสินใจระงับการส่งทอมกลับ ระหว่างรอการดักสัญญาณเรือดำน้ำ เฮสเตอร์พาทอมไปยังศูนย์ดักจับสัญญาณ จึงได้ทราบว่ามีคำสั่งให้เลิกดักจับสัญญาณเอดียูแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ ทอมได้แอบขโมยกระดาษที่พิมพ์รหัสเคสเทรลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนออกมาจำนวนหนึ่งแล้วเขากับเฮสเตอร์ได้พากันไปลักลอบถอดรหัสในโรงนาแห่งหนึ่ง แต่กลับได้ข้อความที่ไม่ใช่ภาษาเยอรมัน พอดีจังหวะที่วิแกรมตามมาพบ แต่จับไม่ได้ว่าทั้งสองมาทำอะไรเพราะซ่อนเครื่องมือได้ทัน วิแกรมพาทอมกับเฮสเตอร์ไปยังบริเวณที่ๆ แคลร์บอกเลิกกับทอม ซึ่งเป็นชนบทมีสระน้ำใหญ่อยู่ วิแกรมนำเสื้อคลุมกับรองเท้าข้างหนึ่งมาให้เฮสเตอร์ยืนยันว่าเป็นของๆ แคลร์ ทำให้เฮสเตอร์ต้องร้องไห้ เพราะเข้าใจเหมือนทุกคนในเวลานั้นว่าแคลร์คงตายไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่หาศพไม่พบ วิแกรมจึงปล่อยตัวทั้งสอง
สมองกลของอังกฤษในยุคนั้น ตัวช่วยในการถอดรหัสของเยอรมัน และคงเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์เมนเฟรมในยุคต่อมา
ทอมกลับมาที่ห้องทำงานพอดีเวลาที่เริ่มมีการดักจับสัญญาณของเรือดำน้ำเยอรมันที่เจอขบวนเรือสินค้าได้ ทีมงานแกะรหัสจึงเริ่มดำเนินการหาสูตรการแกะรหัสกันอย่างคร่ำเคร่ง ขณะเดียวกันเฮสเตอร์ก็เริ่มหาทางแกะรหัสเคสเทรลเช่นกัน ในที่สุดทอมกับพรรคพวกก็สามารถหาสูตรที่จะใช้ในการถอดรหัสชาร์คชุดใหม่ได้สำเร็จท่ามกลางข่าวร้ายว่ามีเรือในขบวนสินค้าถูกจมและเสียหายหนักรวม 3 ลำ ทางด้านเฮสเตอร์ก็ค้นพบความจริงว่าข้อความรหัสเคสเทรลนั้นเป็นรายชื่อทหารโปแลนด์ที่ทหารเยอรมันพบในป่า Katyn ประมาณ 4,000 ศพ ตรงนี้ขอเล่าแบ็คกราวด์ทางประวัติแทรกนิดนึงครับว่า เมื่อตอนที่เยอรมันบุกโปแลนด์ในเดือนกันยายน 1939/พ.ศ.2482 นั้น แทนที่สหายสตาลินจะเป็นเดือดเป็นร้อนเหมือนอังกฤษฝรั่งเศส กลับเข้ามาช่วยซ้ำเติมโปแลนด์ แล้วก็มาตกลงแบ่งเค้กกับลุงฮิตเลอร์หน้าตายเฉยเลยครับ (เนื่องจากรัสเซียนั้นเป็นศัตรูกับโปแลนด์มานับร้อยปีเนื่องจากความแตกต่างทางศาสนา คือ โปแลนด์เป็นคาทอลิค รัสเซียนับถือนิกายออร์โธด็อกซ์ และรัสเซียก็มักจะหาเรื่องเข้ามาครอบงำโปแลนด์ตลอด) หลังจากรัสเซียยึดส่วนหนึ่งของโปแลนด์ได้แล้ว วันร้ายคืนร้ายในเดือนเมษายนปี 1940/พ.ศ.2483 รัสเซียก็นำเอาเชลยศึกโปแลนด์มาสังหารที่ป่า Katyn ดังกล่าว แต่ไม่ใช่แค่ 4,000 กว่าศพนะครับ นั่นเป็นจำนวนที่เยอรมันพบทีแรก ทั้งหมดราวๆ สองหมื่นกว่าคน รวมถึงนายทหารระดับสูงจนถึงระดับนายพลเลย เมื่อเยอรมันพบเรื่องนี้เข้าก็ฉวยโอกาสโฆษณาชวนเชื่อกับชาวโปแลนด์พลัดถิ่นทั้งหลายให้กลับมาร่วมมือกับตน รายละเอียดลองอ่านจากวิกิภาษาอังกฤษตามลิงค์ข้างท้ายนะครับ ยังไงภาษาอังกฤษก็ยังง่ายกว่ารหัสชาร์คเป็นไหนๆ
พยายามแกะรหัสกันท่ามกลางวิกฤต
กลับเข้าเรื่องเราดีกว่า ถึงตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า เหตุที่แฟ้มในสำนักทะเบียนกลางว่างเปล่า และมีคำสั่งให้เลิกจับสัญญาณเอดียูก็เพราะว่าสัมพันธมิตรยังต้องการพึ่งรัสเซียให้ยันกับเยอรมันทางตะวันออก จึงต้องปิดข่าว และในรายชื่อผู้เสียชีวิตยังมีชื่อพี่ชายของ Jozef Bukowski หรือ 'Puck' เพื่อนชาวโปแลนด์ในทีมแกะรหัสของทอมอยู่ด้วย จึงเข้าใจว่าแคลร์น่าจะเป็นผู้นำความลับนี้มาบอกพัคและนายพัคอาจเป็นผู้ฆ่าปิดปากแคลร์ และก็ปรากฏว่ายอดชายนายพัคได้เริ่มการหลบหนีแล้ว ซึ่งหากตะแกเอาความลับในเรื่องความสามารถในการถอดรหัสหรือแกะรหัสไปบอกทางฝ่ายเยอรมันก็จะเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องราวต่อจากนี้จึงเป็นการตามล่านายพัค ซึ่งพระเอกของเราก็ไปจัดการซ้ำซ้อนกับการทำงานของนายวิแกรมเข้า เพื่อไม่ให้เสียเวลาขออนุญาตรวบรัดเลยแล้วกันนะครับว่าสุดท้ายทั้งทอมและวิแกรมต่างฝ่ายต่างไปเจอนายพัคเข้าที่ตอนเหนือของสก็อตแลนด์ โดยคุณทอมของเรากลายมาเป็นพระเอกหนังแอคชั่นกลายๆ ต่อสู้ขัดขวางนายพัคที่พยายามออกเรือไปยังเรือดำน้ำที่มารับ แต่ไม่สำเร็จถูกนายพัคตีตกน้ำไป ด้านนายวิแกรมนั้นแกกลับเล่นบทบุ๋นเป็นผู้ประสานงานของทางการอยู่บนฝั่ง ครั้นพอเรือนายพัคใกล้จะถึงเรือดำน้ำก็ให้สัญญาณเครื่องบินมาทิ้งระเบิดในจังหวะที่นายพัคมาถึงเรือดำน้ำพอดี แทนที่ตะแกจะได้ไปหาลุงฮิตเลอร์เลยต้องกลับบ้านเก่าไป ส่วนแคลร์นั้นนอกจากจะไม่พบศพแล้ว หลังสงครามในปี 1946/พ.ศ.2489 ทอมยังได้เห็นเธอเดินลอยชายอยู่ในลอนดอนอีกด้วย แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเธออีกแล้ว เพราะในเวลานี้เขาได้ลงเอยกับเฮสเตอร์ที่กำลังตั้งครรภ์แล้ว
ตอนจบมีบรรยายส่งท้ายว่า นักแกะรหัสที่เบลทช์ลีย์ปาร์คยังทำงานจนสิ้นสงคราม ส่วนกรณีสังหารหมู่ที่ Katyn นั้นรัสเซียยังปฏิเสธความรับผิดชอบจนกระทั่งปี 1990/พ.ศ.2533 ประธานาธิบดีกอร์บาชอฟจึงออกมากล่าวขอโทษ
อวสานผู้แปรพักตร์
ดูแล้วได้เห็นอะไรในประวัติศาสตร์?
ที่ชัดๆ คือได้เห็นบทบาทของบุคลากรในสงครามอีกกลุ่มหนึ่งในแนวหลัง ที่ดูเหมือน "สบาย" ตรงที่ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองหรือสังหารคนอื่นซึ่งๆ หน้า แต่บทบาทหน้าที่ในการแกะรหัสเพื่อให้ได้ข่าวสำคัญสำหรับการรบก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังที่ได้กล่าวมาบ้างแล้วในตอนต้นๆ แม้ว่าชีวิตเขาจะไม่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายดังเช่นทหารในแนวหน้า แต่ปัญหาชีวิตเยี่ยงมนุษย์ออฟฟิศยามสงบก็มีให้เห็นจากบทบาทของนายสกินเนอร์ผู้เป็นหัวหน้า ซึ่งมีท่าทีไม่ชอบทอมตั้งแต่ต้น ซึ่งในเรื่องไม่ได้บอกสาเหตุชัด แต่จากการที่ผมเห็นชีวิตมาไม่น้อยก็พอเดาได้ว่าตะแกก็คงเหมือนหัวหน้าใจบางคนที่ใจแคบเกินกว่าจะยอมรับลูกน้องที่เก่งจนเด่นกว่าตัวเอง ไม่รับฟังคนที่พูดความจริงตามหลักการ ทางด้านเฮสเตอร์เองก็มีหัวหน้าที่ติดจะชีกออยู่นิดๆ แต่นั่นก็ช่วยให้เธอรอดตัวมาได้จากการเข้าไปค้นหาแฟ้มวิธีการตั้งรหัสเคสเทรล อีกตอนหนึ่ง ทหารหญิงคนหนึ่งในศูนย์ดักจับสัญญาณได้ระบายความในใจออกมาว่าเธอได้แต่รับรู้เรื่องสงครามผ่านเสียงบี๊บๆๆ โดยไม่รู้ว่ามันมีความสำคัญอะไรแค่ไหน
ส่วนการคัดเลือกคนเหล่านี้เข้ามาทำงานนั้น ไม่ทราบชัดนัก ในเรื่องระบุแต่เพียงว่า ทอมเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ถูกเรียกตัวมาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อนร่วมงานคนอื่นที่มีทั้งนักสังคมนิยม คนต่างชาติอย่างพัค ทำไมจึงได้รับการคัดเลือกเข้ามา เจ้าหน้าที่อื่นๆ เช่น เคฟ นายทหารเรือตาเดียว ก็ทราบเพียงว่าเคยอยู่ในเรือรบ ส่วนเฮสเตอร์นั้น มีตอนหนึ่งที่เธอเล่าว่า เธอเข้าแข่งขันเกมปริศนาอักษรไขว้ได้ที่ 1 ชนะผู้ชาย 2 คน แต่อีตาสองคนนั้นกลับได้ทำหน้าที่นักถอดรหัส ตัวเธอซึ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่มีชาติตระกูลอะไร กลับเป็นได้แค่เจ้าหน้าที่เอกสาร
เยอรมันค้นพบซากศพจากการสังหารหมู่ที่ Katyn
กรณีการสังหารหมู่ที่ป่า Katyn นั้น นับเป็นความโหดร้ายอีกประการของสหายสตาลินที่เราอาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นในหนังสือสงครามโลกทั่วไปหรือในหนังสงครามเรื่องอื่นๆ อย่าว่าแต่เชลยโปแลนด์เลยครับ แม้แต่ชาวรัสเซียเองก็ต้องสิ้นชีพไปน้อยระหว่างการพัฒนาประเทศของสหายแกก่อนจะเกิดสงคราม พอเยอรมันบุกรัสเซีย ชาวรัสเซียบางส่วนหลงดีใจนึกว่าจะมีคนมาปลดแอก พอพบความจริงว่าลุงฮิตเลอร์แกก็ใจร้ายพอๆ กัน ถึงได้เกิดการต่อต้านขึ้นมา ทางด้านโปแลนด์ก็เป็นประเทศที่น่าสงสารซะนี่กระไร
ด้านที่เกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์ทั่วไป การดำเนินเรื่อง จัดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของนวนิยายและภาพยนตร์ประเภทปริศนาสืบสวนสอบสวน ที่มีการทิ้งปริศนาเป็นระยะๆ และค่อยๆ คลี่คลายปริศนาออกมา ด้านพระเอกของเรานั้น การแสดงออกทางสายตา (ไม่รู้ใช้เมคอัพอะไรช่วยหรือเปล่า?) จะดูขุ่นๆ เครียดๆ เกือบตลอดทั้งเรื่อง ดูแล้วเชื่อสนิทใจเลยครับว่าเหมือนคนที่พึ่งออกจากโรงพยาบาลทางจิตประสาทมาจริงๆ ส่วนนางเอกเคท วินสเลท จากไททานิค เรื่องนี้เธอดูเจ้าเนื้อเกินกว่า "อวบระยะสุดท้าย" มาแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นหุ่นของเธอ ณ เวลานั้นจริงๆ หรือว่าผู้สร้างใช้เทคนิคอะไรเข้าช่วย บทเฮสเตอร์ที่เธอได้รับนั้น บุคลิกเปลือกนอกก็ช่างเหมือน "ยายอ้วนใส่แว่น" ที่เราเคยพบเห็นในชีวิตประจำวัน แต่แฝงไว้ด้วยธาตุแท้ของความฉลาด ที่ดูแล้วมีชีวิตชีวาเหมือนคนจริงๆ มากกว่าตัวละครสมมติ ทางผู้แสดงเป็นนายวิแกรมก็ช่างแสดงบทบาทผู้ร้ายผู้ดีจอมยียวนได้อย่างหาดูได้ยากในหนังเรื่องอื่น ส่วนบทภาษาไทยมีที่พลาดอย่างจังๆ ตรงที่พูดถึง "ระยะยิงจรวด" ทั้งที่เรือดำน้ำของลุงฮิตเลอร์นั้นใช้ตอร์ปิโดเป็นอาวุธหลักครับ
แต่ก่อนเคยรู้สึกเหมือนกับว่า "หนังสงคราม" จะมีแต่ประเภทแอคชั่นแสดงวีรกรรมของทหารแบบเว่อๆ มากบ้างน้อยบ้าง กับแนวดรามาที่แสดงความทุกข์เข็ญของทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการรบจนอาจถึงขั้นต่อต้านสงครามไปเลย แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นเบื้องหลังสงครามในเชิงบุ๋นที่มีแง่มุมชวนคิดที่แตกต่างออกไปอีกมาก ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็หาเรื่องทำนองนี้มานำเสนออีกครับ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อันชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Enigma
ชื่อภาษาไทย : รหัสลับพลิกโลก
เรื่องเดิม : นวนิยายชื่อเดียวกันจากบทประพันธ์ของ Robert Harris
ผู้กำกำกับ : Michael Apted
ผู้สร้าง : Mick Jagger, Lorne Michaels
ผู้เขียนบท : Tom Stoppard
ผู้แสดง :
Dougray Scott ... Thomas 'Tom' Jericho
Kate Winslet ... Hester Wallace
Saffron Burrows ... Claire Romilly
Jeremy Northam ... Wigram
Nikolaj Coster-Waldau ... Jozef 'Puck' Bukowski (as Nikolaj Coster Waldau)
Tom Hollander ... Logie
Donald Sumpter ... Leveret
Matthew Macfadyen ... Cave
Richard Leaf ... Baxter
Ian Felce ... Proudfoot
Bohdan Poraj ... Pinker
Paul Rattray ... Kingcome
Richard Katz ... De Brooke
Tom Fisher ... Upjohn
Robert Pugh ... Skynner
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์