![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/19.jpg)
โดย "คนเล่าเรื่อง"
ภาค 1
เรื่องราวเปิดฉากขึ้นใน ค.ศ. 208 (ศักราชเจี้ยนอัน ศกที่ 13) ช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น โจโฉผู้ปราชญ์เปรื่อง ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งราชวงศ์ฮั่น ได้บีบบังคับจักรพรรดิเหี้ยนเต้ (เชี่ยนตี้) ที่อ่อนแอให้ประกาศสงครามกับแคว้นเกงจิ๋วของเล่าเปียวทางตะวันตกและตะวันออก และแคว้นกังตั๋งของซุนกวนทางใต้ โดยอ้างว่าจุดประสงค์ของเขาคือรวมอาณาจักรฮั่นให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นผลดีต่อราชวงศ์ฮั่น แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือการตั้งตนเป็นใหญ่ หลังจากโน้มน้าวพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้สำเร็จ โจโฉก็นำกองทัพนับล้านสู่สงคราม เป้าหมายแรกของเขาคือแคว้นเกงจิ๋ว อาณาจักรที่เล่าปี่ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์มีศักเป็นพระเจ้าอาของจักรพรรดิและเป็นอริคนหนึ่งของโจโฉอาศัยอยู่
เมื่อยกทัพมาถึงเกงจิ๋ว หลังจากที่เล่าเปียวเจ้าแคว้นถึงแก่กรรมได้ไม่นาน ทั้งชัวมอและเตียวอุ๋น แม่ทัพใหญ่ได้เข้าสวามิภักดิ์ ทำให้เล่าปี่ต้องอพยพราษฎรหลบหนีออกจากเมืองซินเอี๋ย พร้อมด้วย กวนอู เตียวหุย น้องชายร่วมสาบานของเล่าปี่และนายทหารคนสนิทจูล่ง ได้ช่วยกันคุ้มกันราษฎรและกองทหารจากการตามโจมตีของโจโฉ จนภรรยาคนหนึ่งของเล่าปี่ คือ บิฮูหยินต้องเสียชีวิตไป แต่ได้จูล่งช่วยนำอาเต๊าบุตรชายแรกเกิดของเล่าปี่ใส่ไว้ในชุดเกราะแล้วควบม้าฝ่ากองทัพของโจโฉนำบุตรชายไปส่งคืนให้เล่าปี่
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/01.jpg)
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/02.jpg)
จิวยี่ ขงเบ้ง
หลังจากยืดหยัดต่อสู้กับโจโฉเยี่ยงวีรบุรุษ กวนอู, เตียวหุย และกองทหารก็ลี้ภัยตามเล่าปี่ไปพร้อมประชาชนที่เหลือ บัดนี้แม่น้ำแยงซีเกียงเป็นปราการธรรมชาติเพียงอย่างเดียวที่ป้องกันไม่ให้กองทัพขนาดมหึมาของโจโฉเคลื่อนตามมาได้ พวกเขารู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็ว กองกำลังของโจโฉต้องตามมาและฆ่าทุกคนอย่างแน่นอน จึงไม่มีทางอื่นนอกจากส่งขงเบ้ง ไปเป็นตัวแทนเจรจากับง่อก๊กเพื่อสร้างกองทัพพันธมิตรทำสงครามกับโจโฉ
เมื่อเดินทางมาถึงแคว้นกังตั๋ง อาณาจักรอันเฟื่องฟูของง่อก๊ก ปรากฎว่าข้อเสนอของขงเบ้งถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยจากเจ้าแคว้นวัย 26 ปี ซุนกวน และสภาที่ปรึกษาของเขา แต่โลซก ที่ปรึกษาคนหนึ่งของซุนกวนบอกขงเบ้งว่า ถ้าจะให้ซุนกวนยินยอม ต้องโน้มน้าวจิวยี่ ขุนพลคนสำคัญของเขาให้เห็นด้วยก่อน ขงเบ้งจึงเดินทางไปหาจิวยี่ที่สนามซ้อมรบในผาแดง ซึ่งจิวยี่กำลังฝึกกองทหารชั้นเลิศของเขาอยู่กับกำเหลง คืนนั้น จิวยี่กับขงเบ้งแสดงฝีมือการดีดพิณร่วมกัน และปรึกษากันเรื่องสงคราม นอกจากนี้ ขงเบ้งยังได้พบกับเสี่ยวเกี้ยว ภรรยาของจิวยี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่สวยที่สุดในประเทศจีน ซึ่งบิดาของเสี่ยวเกี้ยวนั้นมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับโจโฉมาเป็นเวลานานหลายปี
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/03.jpg)
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/04.jpg)
ซุนกวน โจโฉ
หลังจากผูกมิตรกันในคืนนั้น จิวยี่และขงเบ้งก็กลับไปหาซุนกวนอีกครั้ง และโน้มน้าวให้เขายอมร่วมมือกับเล่าปี่ เพื่อประโยชน์ของอาณาจักร ประกอบกับเวลานั้น โจโฉได้ส่งสารถึงซุนกวนขอให้เขายอมแพ้อย่างเป็นทางการ ซุนกวนจึงตกลงเปิดสงครามกับโจโฉด้วยความโมโห
โจโฉซึ่งกำลังกระหายศึก ส่งทหารเอก แฮหัวเอี๋ยน พร้อมด้วยกำลังทหารไปโจมตีง่อก๊ก แต่จิวยี่และขงเบ้งคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว และเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่ แฮหัวเอี๋ยนถูกจู่โจมโดย ซุนซ่างเสียง น้องสาวทอมบอยของซุนกวนก่อน และเกิดความโมโห จึงควบม้าไล่ตามเธอไปจนติดกับ จากนั้นฝ่ายง่อก๊กและเล่าปี่ก็ใช้กลศึกอันแยบยลจัดการกับเหล่าทหารของแฮหัวเอี๋ยนจนพ่ายแพ้ ตัวแฮหัวเอี๋ยนนั้นได้รับการไว้ชีวิต และเดินทางกลับค่ายด้วยความอับอาย จิวยี่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการต่อสู้อย่างองอาจครั้งนี้ ซึ่งเขาได้ช่วยชีวิตจูล่งไว้ด้วย
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/05.jpg)
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/06.jpg)
ซุนซ่างเสียง เสียวเกี้ยว
กองทัพง่อก๊กที่ยังคงฮึกเหิมกับชัยชนะ ตั้งค่ายอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียงทางตอนใต้ ใกล้บริเวณหุบเขาสูงชันที่เรียกว่า “ผาแดง” ส่วนทางตอนเหนือของแม่น้ำ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันพอดี โจโฉได้สร้างป้อมปราการสูงชันที่กลางค่ายอย่างโออ่า ในบริเวณที่เรียกว่า “ป่าอีกา” พร้อมกับล้อมรั้วตั้งค่ายเรือรบจำนวนกว่า 2 พันลำ แต่ขณะที่ทหารกำลังเตรียมพร้อมรับศึกอยู่นั้น โจโฉกลับบอกให้ทหารของเขาเล่น “ฉูจู้” (กีฬาโบราณลักษณะคล้ายฟุตบอล)
ซุนซ่างเสียง น้องสาวของซุนกวนผู้มีนิสัยกล้าหาญเยี่ยงนักรบ ได้ออกเดินทางข้ามแม่น้ำและปลอมตัวเป็นทหารของโจโฉเพื่อสอดแนมและสืบข่าว โดยผูกมิตรกับทหารหนุ่มชื่อซุนซูฉาย จนได้ร่วมเล่นในทีมฉูจู้ด้วย
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/07.jpg)
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/08.jpg)
จูล่ง เล่าปี่
ภาค 2
โจโฉประสบปัญหา เมื่อทหารหลายนายของเขาที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมทางตอนใต้ ล้มป่วยจากโรคระบาดร้ายแรง คือ โรคไข้รากสาดน้อย เมื่อเห็นว่าโรคระบาดทำให้กองทหารของเขาล้มตายจำนวนมาก โจโฉก็ส่งศพติดเชื้อลอยไปทางฝั่งตรงข้ามหวังให้ทหารง่อก๊กและเล่าปี่ติดโรคระบาดจนล้มป่วย แม้จิวยี่กับขงเบ้งจะรีบลงมือแก้ไขอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีทหารจำนวนมากติดเชื้อและล้มป่วย ส่วนทหารที่เหลือก็เสียขวัญและกำลังใจอย่างหนัก เล่าปี่ขี่ม้าออกจากค่ายไปพร้อมกับ กวนอู, เตียวหุย และจูล่ง เหมือนกับจะละทิ้งฝ่ายง่อก๊ก
ต่อมา ขงเบ้งและจิวยี่ได้ท้าทายกันแต่งกลอุบาย คือ ขงเบ้งอาสาทำธนู 1 แสนดอกให้ได้ภายใน 3 วัน ส่วนจิวยี่จะสังหารชัวมอและเตียวอุ๋นให้ได้ ขงเบ้งคิดแผนอันแยบยลโดยล่องเรือเบาบรรทุกหุ่นฟางออกไปยังค่ายเรือรบของโจโฉช่วงเช้ามืดท่ามกลางหมอกหนาทึบ เป็นเหตุให้ชัวมอและเตียวอุ๋นสั่งทหารยิงธนูกว่าแสนดอกใส่เรือเปล่าของขงเบ้ง จึงกลายเป็นว่าสองแม่ทัพเรือระดับสูงของโจโฉมอบลูกธนูให้ฝ่ายศัตรูเป็นของกำนัล ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจดหมายปลอมที่จิวยี่เขียนขึ้นโดยปลอมลายมือของทั้ง 2 คนและถูกขโมยโดยเจียวก้าน (เป็นไปตามอุบายของจิวยี่) ซึ่งโจโฉใช้ให้ไปเจรจากับจิวยี่ บอกเล่าว่าจะทำการสังหารโจโฉ โจโฉโกรธมากและสั่งประหารแม่ทัพทั้งสองทันที แต่มาฉุกคิดได้เมื่อช้าไปแล้วว่าถูกหลอก แม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โจโฉก็ยังวางแผนจะบุกโจมตีฝ่ายง่อก๊กในเร็ววัน โดยออกมากล่าวคำปราศรัยกับทหารเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจของกองทัพคืนมา
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/09.JPG)
กองทัพเรืออันเกรียงไกรของโจโฉ
ที่ผาแดง จิวยี่ ขุนพลแห่งง่อก๊ก คิดแผนโจมตีกองทัพโจโฉด้วยไฟ ยุทธวิธีนี้แข็งแกร่งในทางทฤษฎี เพราะเรือรบของโจโฉถูกผูกติดกันเป็นแพ แต่ทิศทางลมตอนนี้มาจากตอนเหนือ ถ้าใช้ไฟ ลมก็จะพัดกลับมาเผาเรือของง่อก๊ก ส่วนซุนซ่างเสียง เมื่อล้วงข้อมูลและแผนที่ที่เป็นประโยชน์มาได้มากพอจึงหนีออกมาจากค่ายของโจโฉเดินทางกลับมาง่อก๊ก ซึ่งความลับและแผนที่นี้เป็นประโยชน์มากในการวางแผนโจมตีโจโฉ
เสียวเกี้ยวได้หลบหนีไปพบโจโฉเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาถอยทัพกลับ หรืออย่างน้อยก็ถ่วงเวลาเขาไว้สักพัก ทั้ง ๆ ที่นางตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว โจโฉที่เอ็นดูเสียวเกี้ยวมาตั้งแต่เด็ก ตกหลุมรักความงามของเธอทันที (มีข่าวลือว่าแรงจูงใจที่โจโฉยกทัพมาครั้งนี้คือการชิงตัวเสี่ยวเกี้ยว)
ขงเบ้งกลับมาหาจิวยี่และแจ้งว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันที่หนาวที่สุด และทิศทางลมจะเปลี่ยน ดังนั้นยุทธวิธีไฟจะใช้ได้ผล กองทัพง่อก๊กจึงเตรียมพร้อมจู่โจม โดยเข้าล้อมค่ายโจโฉอย่างเงียบๆ และซุ่มลอยเรืออยู่บริเวณผาแดงเพื่อรอเวลาลมเปลี่ยนทิศ ขณะนั้นเสียวเกี้ยวรับหน้าที่พูดคุยกับโจโฉเพื่อถ่วงเวลาและดึงความสนใจจากเขา
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/10.JPG)
จูล่งในสมรภูมิเตียงปัน
ในที่สุดลมก็เปลี่ยนทิศทางและกองทัพง่อก๊กก็บุกเข้าโจมตี เรือหลายลำถูกจุดไฟเผาแล้วส่งไปพุ่งชนกองเรือของโจโฉจนไฟลุกโชนทั้งค่าย จากนั้นทหารของจิวยี่ก็บุกเข้าโจมตีค่ายบนบกของโจโฉซ้ำ
การจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้โจโฉและทหารตกใจ แต่กองทหารม้าที่แข็งแกร่งของโจโฉก็เปลี่ยนกระดานศึกโดยต้อนทัพของง่อก๊กกลับไปยังแม่น้ำหวังกำจัดให้ราบคาบ ทันใดนั้น เล่าปี่และทหารก็ปรากฎตัวขึ้นมาช่วยตีทัพของโจโฉจนถอยร่นไปอีก จากนั้นกองกำลังสองก๊กก็ร่วมมือกันโจมตีป้อมปราการของโจโฉ ส่วนจิวยี่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากจูล่งจนเข้าไปช่วยชีวิตเสี่ยวเกี้ยวได้สำเร็จจากป้อมปราการที่กำลังลุกไหม้ ตัวโจโฉนั้นแทบเอาชีวิตไม่รอด และสงครามครั้งมหึมานี้ก็จบลงที่ชัยชนะของซุนกวนแห่งง่อก๊กและเล่าปี่แห่งจ๊กก๊ก ทั้งง่อก๊กและเล่าปี่กับพวกพ้องไม่ได้เอาชีวิตโจโฉ แต่กลับปล่อยโจโฉกลับไปพบองค์จักพรรดิด้วยความพ่ายแพ้
ขงเบ้งได้บอกลาจิวยี่และเสียวเกี้ยว ในตอนท้าย จิวยี่ได้กล่าวว่า สภาวะสามก๊กจะต้องเกิดขึ้นในที่สุด ซึ่งทั้งสองฝ่ายอาจต้องเป็นศัตรูกันสักวันหนึ่ง
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/11.JPG)
โจโฉตั้งทัพเรือที่ริมฝั่งป่าอีกา
-----------------------------
สามก๊กตอนยุทธนาวีที่ผาแดงนี้สร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือการกำกับของจอห์น วู โดยเอาเนื้อเรื่องสามก๊กฉบับนวนิยาย (ซานกว๋อเหยี่ยนอี้ sanguo yanyì) อันเลื่องชื่อ แต่งโดยหลอกว้านจง นักปราชญ์ในยุคราชวงศ์หมิง แล้วดังกระฉ่อนไปทั่วจากการแก้ไขแต่งเติมเรื่องราวและบทบาทของเหมาหลุนและเหมาจงกังในสมัยราวงศ์ชิงของแมนจู ซึ่งสามก๊กฉบับนวนิยายนี้เองได้ดัดแปลงจากสามก๊กฉบับประวัติศาสตร์เขียนโดยตันซิ่ว (เฉินโซ่ว) อาลักษณ์คนสำคัญของแคว้นเสฉวนซึ่งได้เขียนเหตุการณ์สามก๊กเป็นจดหมายเหตุ (ซานกว๋อจื้อ)จากเหตุการณ์จริง โดยบรรยายเป็นลักษณะและเหตุการณ์ของบุคคลเป็นคนๆไป ไม่ได้ผูกเป็นเนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องจับความตั้งแต่ตอนที่ 37 จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊าจนถึงตอนที่ 42 โจโฉแตกทัพเรือ ซึ่งได้มีการดัดแปลงและแต่งเติมเนื้อหาให้มีความแตกต่างไปจากสามก๊กฉบับนวนิยายและฉบับประวัติศาสตร์ไปเป็นอันมากพอสมควร ซึ่งผมขออธิบายเปรียบเทียบให้ท่านได้พิจารณากันดังต่อไปนี้นะครับ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/12.jpg)
ขงเบ้งกับโลซกในเรือหุ่นฟางออกไปเอาธนูจากโจโฉ
กรณีน้องสาวของซุนกวน ในภาพยนตร์ เธอมีความสามารถในเชิงยุทธ์ที่เก่งกาจและยังเป็นสายลับเข้าไปสืบข้อมูลในกองทัพของโจโฉ แต่ทั้งในฉบับประวัติศาสตร์และฉบับนิยายต่างก็ได้บอกว่า เธอเป็นผู้หญิงที่นิยมการต่อสู้ เช่นเดียวกับในภาพยนตร์ แต่ไม่ได้มีตำแหน่งหรือบทบาทแต่อย่างใดทั้งในการสู้รบที่ผาแดง รวมทั้งการบริหารแผ่นดินด้วยครับ
กรณีความสัมพันธ์ระหว่างง่อก๊กกับเล่าปี่ ในขณะที่ฉบับภาพยนตร์เป็นไปอย่างสนิทสนมและร่วมใจกันต่อสู้ศัตรูคือ โจโฉ แต่ในฉบับนวนิยายกลับเป็นไปอย่างชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยม ซ่อนดาบในรอยยิ้มและทำการแบบ ลับ ลวง พราง อยู่ตลอดเวลา ทั้งซุนกวนและจิวยี่รวมทั้งทหารคนอื่น ๆ ต่างไม่ชอบหน้าเล่าปี่ ขงเบ้ง และหาทางกำจัด ส่วนฉบับประวัติศาสตร์นั้น บทบาทในการรบที่เป็นหลักจริง ๆ อยู่ที่กองกำลังของง่อก๊ก กองกำลังของเล่าปี่และพรรคพวกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
กรณีนางเสียวเกี้ยว ภรรยาของจิวยี่ ในภาพยนตร์ เธอจะมีบทบาทต่อชีวิตและความคิดของจิวยี่เป็นอย่างมาก และเธอก็ได้มีบทบาทเล็ก ๆ ที่สำคัญในการไปพบกับโจโฉและหน่วงเหนี่ยวการสั่งการรบของโจโฉในตอนท้ายเรื่อง ในขณะที่ฉบับนวนิยายเธอไม่ได้มีบทบาทมากกว่าการถูกกล่าวอ้างโดยขงเบ้งเพื่อยั่วยุให้จิวยี่โกรธเพื่อทำศึกกับโจโฉฐานหมายปองนาง ส่วนฉบับประวัติศาสตร์ไม่ได้กล่าวถึงมากไปกว่าการที่เธอเป็นภรรยาของจิวยี่
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/13.jpg)
จิวยี่วางแผนเผาทัพเรือโจโฉ
กรณีการล่ามโซ่เรือของกองทัพเรือโจโฉให้ติดกัน ในภาพยนตร์เกิดจากแนวคิดของชัวมอและเตียวอุ๋นเพื่อไม่ให้เรือโคลงและทหารจะเมาคลื่นได้ ส่วนในฉบับนวนิยาย เป็นอุบายของบังทองศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับขงเบ้งหลอกให้โจโฉทำเพื่อให้เรือของโจโฉถูกเผาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจอห์น วูได้ตัดบทของบังทองออกไป สำหรับในประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้กล่าวถึงการล่ามโซ่เรือแต่อย่างใด
กรณีความพ่ายแพ้ของโจโฉ ในภาพยนตร์ เมื่อโจโฉสูญเสียกองกำลังทั้งหมดแล้ว และถูกล้อมไว้โดยทั้งง่อก๊กและเล่าปี่ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเห็นพ้องกันปล่อยตัวโจโฉไปอย่างง่ายดายโดยไม่มีรายละเอียดอะไร ส่วนนวนิยาย คงทราบกันดีว่า โจโฉถูกไล่ล่ากระเซอะกระเซิงจนเจอกับกวนอูในด่านสุดท้าย แล้วกวนอูก็ปล่อยให้โจโฉหนีไปเพื่อตอบแทนบุญคุณในอดีต ส่วนในประวัติศาสตร์นั้น โจโฉถอยทัพกลับเองหลังจากเกิดโรคระบาดที่ผาแดง
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/14.JPG)
ทัพเรือของซุนกวนพุ่งเข้าเผาทัพเรือของโจโฉ
กรณีอื่น ๆ เช่น ขงเบ้งช่วยเสียวเกี้ยวทำคลอดม้า เจียวก้านถูกวางยาพิษโดยโจโฉ กำเหลงพลีชีพในการรบที่ผาแดง หรือตอนที่กวนอู เตียวหุย และจูล่งร่วมกับจิวยี่รบกับแฮหัวเอี๋ยน ไม่มีในนวนิยายและประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน หรือในฉบับนวนิยาย การหลอกเจียวก้านให้ไปส่งข่าวลวงโจโฉเพื่อฆ่าชัวมอและเตียวอุ๋นเกิดขึ้นก่อนที่ขงเบ้งจะรับอาสาทำอุบายหลอกเอาธนูแสนดอกจากกองทัพของโจโฉ ส่วนในภาพยนตร์การออกอุบายทั้ง 2 ด้านเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน และยังมีกรณีอื่น ๆ อีมากครับ
สำหรับคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ คงต้องการสร้างภาพและสะท้อนมุมมองของเหตุการณ์และสถานการณ์ที่น่าจะเป็นในยุทธนาวีที่ผาแดงตามทัศนะของจอห์น วู ซึ่งต้องการตีความให้บุคลิกลักษณะของจิวยี่เป็นมหาบุรุษคนหนึ่งของสามก๊กที่เปี่ยมไปด้วยความห้าวหาญ จงรักภักดี คุณธรรมน้ำมิตร ในขณะที่ฉบับนวนิยายได้สร้างให้จิวยี่เป็นนางอิจฉามารศรีขงเบ้งจนต้องกระอักเลือดตาย และสร้างให้ทั้งฝ่ายง่อก๊กกับเล่าปี่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันแทนการซ่อนดาบในรอยยิ้ม และต้องดำเนินการแบบ ลับ ลวง พราง อย่างในนวนิยาย ส่วนโจโฉนั้นยังคงเป็นผู้ร้ายตลอดกาลในทุกเวอร์ชั่น แต่จอห์น วู ได้สร้างมิติของภาวะผู้นำและความเป็นนักการทหารผู้เข้มแข็ง ทระนง และยึดมั่นในอุดมการณ์ไว้ในบทบาทของเขาด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่จอห์น วู ตีความไว้ก็คือตัวของขงเบ้ง หรือจูกัดเหลียง ที่ฉบับนวนิยายได้สร้างภาพให้เป็นแบบกึ่งคนกึ่งเทพ มีความสามารถและเวทมนต์ ให้กลายเป็นเพียงนักการทหารที่มีความสามารถแบบธรรมดาพอ ๆ กันกับจิวยี่
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/15.JPG)
ความพินาศของกองทัพเรือโจโฉ
และสำคัญที่สุดครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สะท้อนภาพอันยิ่งใหญ่ของยุทธนาวีที่ผาแดง หรือเรียกกันอีกชื่อว่า ศึกเซ็กเพ็ก (ชือปี้ chibi) อันเป็น 1 ใน 3 สมรภูมิสำคัญที่กำหนดความเป็นไปในประวัติศาสตร์สามก๊กอย่างแท้จริง คือ สมรภูมิกวนตู้ ซึ่งกองทัพเล็กของโจโฉเอาชนะกองทัพใหญ่ของ อ้วนเสี้ยว (หยวนส้าว) ได้ในปี ค.ศ. 200 (ศักราชเจี้ยนอัน ศกที่ 5) แล้วสร้างตัวเองขึ้นมาได้ สงครามหยีหลิง ซึ่งลกซุนแห่งกังตั๋งพิชิตกองทัพเสฉวนอันยิ่งใหญ่ของเล่าปี่ได้ ในปี ค.ศ. 221 เล่าปี่จึงต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป และหนีกระเซอะกระเซิงมาตรอมใจตายที่เมืองไป่ตี้ในปี ค.ศ. 223 และสมรภูมิผาแดงที่โจโฉต้องพ่ายแพ้และไม่สามารถขยายตัวลงใต้เพื่อรวบรวมแผ่นดินได้อีก และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกแผ่นดินในทางปฏิบัติออกเป็น 3 ก๊กที่ต้องใช้เวลาอีกพอสมควรจึงจะปรากฎเป็นรูปร่างที่ชัดเจน และใช้เวลาอีกยาวนานในการรวบรวมแผ่นดิน
อีกประการหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นการแต่งเติมสามก๊กจากนวนิยายและประวัติศาสตร์ให้เกิดเป็นเรื่องราวที่สนุกสนานมากขึ้น เช่น การสร้างพล็อตเรื่องแบบการผจญภัยของซุนซ่างเสียงโดยการลอบเข้าไปเป็นสายลับในกองทัพของโจโฉ การเพิ่มบทบาทของเสียวเกี้ยวในยุทธนาวีที่ผาแดง และเพิ่มมิติให้กับตัวละครที่ถูกละเลยไปในนวนิยาย เช่น ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของจิวยี่ต่อภรรยาสุดที่รัก ความเข้มแข็งในการนำทัพของโจโฉ และตบท้ายด้วยฉากไคลแม็กซ์ตอนท้ายเรื่องตามสูตรฮ่องกงผสมฮอลลีวู้ด แต่ ก็ยังมีจุดอ่อนตรงตอนจบครับว่า ทั้ง ๆ ที่ขับเคี่ยวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียชีวิตไพร่พลไปมากมาย แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องละเว้นชีวิต แต่ทั้ง จิวยี่ ขงเบ้ง ซุนกวน ก็ปล่อยให้โจโฉรอดชีวิตแบบดื้อ ๆ ซะงั้น ถึงแม้ว่าจะต้องให้โจโฉรอดไปตามเนื้อเรื่องในนวนิยายครับ ก็น่าจะสร้างบทให้มีเหตุผลในการปล่อยโจโฉให้รอดชีวิตไปได้ครับ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/16.JPG)
ความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของโจโฉ
สำหรับโปรดักชั่นของ ภาพยนตร์ก็ครบเครื่องตามแบบของภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ครับ ทุกฉากเต็มไปด้วยความอลังการของสิ่งที่สร้างขึ้นและสร้างสรรค์ด้วย คอมพิวเตอร์กราฟฟิก รวมทั้งการทำการบ้านในเรื่องของชุดทหาร อาวุธยุทธภัณฑ์ และอื่น ๆ เป็นอย่างดี เหลียงเฉาเหว่ยในวัยนี้สามารถสร้างสรรค์บทบาทของจิวยี่ได้อย่างมีสีสันและมิติความหลากหลาย ทาเคชิ คาเนชิโร่ ที่ยังเข้าไม่ถึงบุคลิกของขงเบ้งอย่างลุ่มลึก (หรือจอห์น วู อาจต้องการให้ขงเบ้งในเวอร์ชั่นนี้ด้อยกว่าจิวยี่ก็ได้ครับ) เจ้าเหว่ยในบทซุนซ่างเสียงที่ไม่ได้ดูดุหรือเหี้ยมหาญอย่างเดียว แต่แฝงความซนและความเป็นเด็กเอาไว้ด้วย หลินจือหลิง ผู้ช่วยเสริมบทและบุคลิกในด้านอ่อนโยนของจิวยี่ได้ดี แต่ที่ผมสนใจมากก็คือ จางเฟิงอี้ที่ทำบทบาทของโจโฉให้ดูเป็นผู้ร้ายที่ยิ่งยงและหยิ่งทรนงในศักดิ์ศรี แม้ว่าจะเสียเปรียบจนเข้ามุมอับก็ยังทะนงตนว่าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน สั่งให้ทุก ๆ คนยอมจำนนต่อเขา ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทำบทบาทตัวเองได้ดีตามหน้าที่ โดยเฉพาะจูล่งที่แสดงโดยฮูจุน แม้จะดูหน้าตาด้อยไปหน่อย แต่บทบาทก็เด่นไม่น้อยครับ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/17.JPG)
ความเสียหายย่อยยับจากสงคราม
สิ่งที่น่าสังเกตครับ ยุทธวิธีการแปรขบวนและเคลื่อนทัพเพื่อจู่โจมและรับมือข้าศึกหลาย ๆ ฉาก มีการประสานโล่เป็นวงล้อมป้องกันตัวเอง คล้าย ๆ กับกองทหารของสปาร์ต้าในหนังเรื่องทรอยจังครับ การแปรขบวนก็รวดเร็วและแม่นยำราวกับทรานสฟอร์เมอร์ ไม่แน่ใจว่ายุทธวิธีนี้มีใช้ในการสงครามจริงของจีนในยุคโบราณหรือไม่ครับ
อาจกล่าวได้ว่า สามก๊ก ตอน โจโฉแตกทัพเรือ คือ มหากาพย์ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์สามก๊กเพื่อความสนุกสนาน บันเทิงและสาระที่น่าสนใจชมและศึกษา โดยเฉพาะวิธีการนำเรื่องราวจากประวัติศาสตร์มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ให้เกิดความน่าสนใจ และบันเทิงอีกเรื่องครับ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1251817706/18.JPG)
ขงเบ้งและจิวยี่อำลากัน
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ผู้กำกับ จอห์น วู
อำนวยการสร้าง เทอเรนซ์ ชาง, ไลอ้อน ร็อก เอ็นเตอร์เทนเมนต์
บทภาพยนตร์ ดัดแปลงจากวรรณคดี สามก๊ก
นักแสดงนำ
- เหลียง เฉาเหว่ย เป็น จิวยี่
- ทาเคชิ คาเนชิโร่ เป็น ขงเบ้ง
- จางเฟิงอี้ เป็น โจโฉ
- ฉางเฉิน เป็น ซุนกวน
- ยู่หยาง เป็น เล่า ปี่
- ชิโด นากามูระ เป็น กำเหลง
- ฮูจุน เป็น จูล่ง
- จ้าวเหว่ย เป็น ซุนซ่างเสียง (น้องสาวของซุนกวน)
- หลินจื้อหลิง เป็น เสียวเกี้ยว
- ป๋าเซิ่นซับ เป็น กวนอู
- ซางจินเฉิง เป็น เตียวหุย
- จางชาน เป็น อุยกาย
- ฮูหยง เป็น โลซก
เพลงประกอบ ทาโร่ อิวาชิโร่
จัดจำหน่าย ซัมมิท เอ็นเตอร์เทนเมนต์, สหมงคลฟิล์ม (ในประเทศไทย)
วันที่เข้าฉาย 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 (ภาคหนึ่ง), 22 มกราคม พ.ศ. 2552 (ภาคสอง)
ประเทศ จีน
ภาษา จีนกลาง
งบประมาณ 80 ล้านเหรียญสหรัฐ
คำพูดจากภาพยนตร์
- “คนเหล่านี้ (ราษฎรของเมืองซินเอี๋ย) ภักดีต่ออาณาจักรฮั่น พวกเขาหนีตามเรามาจากโจโฉ ถ้าเราไม่ปกป้องพวกเขา สงครามครั้งนี้จะมีประโยชน์อันใด”
เล่าปี่บอกแก่ขงเบ้งเมื่อได้รับคำแนะนำให้ละทิ้งประชาชนหนีเอาตัวรอดจากทัพของโจโฉ
- “ทุกคนต้องเข้มแข็งเอาไว้ ข้าเองก็จะต้องเข้มแข็งเช่นกันเพราะว่าข้าจะต้องนำพวกเจ้าทุกคนกลับบ้านให้ได้”
โจโฉกล่าวให้กำลังใจกับทหารในบังคับบัญชาที่กำลังขวัญเสีย
- “ข้าเป็นถึงสมุหนายก แม้โทษตายยังดีเกินไปสำหรับกบฏเช่นพวกเจ้า”
โจโฉกล่าวอย่างทระนง แม้จะอยู่ในวงล้อมของซุนกวนและพวก
- “สงครามไร้ซึ่งมิตรสหาย วันพรุ่ง พวกมัน (พวกเล่าปี่) ก็กลายเป็นศัตรูเจ้า”
โจโฉพูดเกลี้ยกล่อมจิวยี่ในการเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย
- “ที่นี่ (ยุทธนาวีผาแดง) ไม่มีใครชนะ”
จิวยี่รำพันหลังเสร็จศึกเซ็กเพ็กแล้ว
- “โลกเต็มไปด้วยวีรบุรุษ แต่ท่านคือ วีรบุรุษที่ข้าเกรงกลัวที่สุด”
ขงเบ้งกล่าวแก่จิวยี่เมื่อต้องจากลากัน
- “ภายภาคหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประสบการณ์นี้ (การร่วมรบในศึกเซ็กเพ็ก) จะฝังใจข้า”
จิวยี่กล่าวแก่ขงเบ้งก่อนจากลา
อ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์