
webmaster@iseehistory.com
ได้เคยนำภาพยนตร์เรื่อง Cast a Giant Shadow เรื่องราวของนายทหารอเมริกันเชื้อสายยิวที่ไปเป็นที่ปรึกษาทางทหารให้กับชาวยิวในช่วงก่อตั้งประเทศอิสราเอล มาเขียนแนะนำพูดคุยกันมาครั้งหนึ่ง ทั้งที่จริงภาพยนตร์เกี่ยวกับยิวและประเทศอิสราเอลที่เป็นอมตะในโลกภาพยนตร์นั้นคงไม่พ้นเรื่อง Exodus ที่ออกฉายในปี 1960/พ.ศ.2503 ที่กำลังนำมาพูดถึงในวันนี้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการนำชนชาติยิวที่เหลือรอดจากการสังหารหมู่ของนาซีมายังดินแดนปาเลสไตน์ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นบ้านเกิดและดินแดนตามพันธสัญญาของพระเจ้า การอพยพกลับมาครั้งนี้ถูกนำไปเปรียบเปรยกับเมื่อครั้งที่โมเสสนำผู้คนหลบหนีออกจากอิยิปต์ในสมัยโบราณกาลตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาเก่า (Old Testament) อันมีชื่อตอนว่า "Exodus"
บน Katherine "Kitty" Fremont และ Ari Ben Canaan
ล่าง Karen กับ Dov Landau

คิตตี้ กับ นายพลซูเธอร์แลนด์
ภาพยนตร์เริ่มเรื่องในราวปี 1947/พ.ศ.2590 เมื่อนาง Katherine "Kitty" Fremont (ต่อไปขอเรียกเธอสั้นๆ ว่า "คิตตี้") นางพยาบาลหม้ายสาวชาวอเมริกัน มาเยือนเกาะไซปรัสเพื่อมาพบซูเธอร์แลนด์นายพลอังกฤษเพื่อนของสามีเธอซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสงครามที่พึ่งเสียชีวิตจากการวางระเบิดรถทหารอังกฤษของพวกยิวใต้ดิน และตัวเธอก็พึ่งแท้งบุตรระหว่างการเดินทาง ณ ที่นี้เป็นที่ตั้งของแคมป์ผู้อพยพชาวยิวที่รอดจากการสังหารหมู่ในยุโรป ซึ่งมีชาวยิวหลั่งไหลเข้ามาตลอด คิตตี้ได้ขออาสาเป็นพยาบาลในค่ายผู้อพยพดังกล่าวสัก 2-3 วัน อีกด้านหนึ่ง Ari Ben Canaan สมาชิกกลุ่มยิว Haganah อดีตนายร้อยเอกกองกำลังยิวในกองทัพอังกฤษ ได้มายังเกาะไซปรัสเพื่อเตรียมแผนการอพยพชาวยิวจากค่ายผู้ลี้ภัยในไปยังปาเลสไตน์ ณ ค่ายผู้อพยพ คิตตี้ได้รู้จักกับ Karen Hansen สาวยิวจากเดนมาร์ก และ Dov Landau หนุ่มยิวจากค่ายเอาชวิตซ์ (Auschwitz) คิตตี้เริ่มรู้สึกเอ็นดูคาเร็นจนอยากพาเธอไปอุปการะที่อเมริกา แต่คาเร็นยังปรารถนาที่จะไปพบพ่อที่รอดชีวิตจากช่วงสงครามและอยู่ที่ปาเลสไตน์ ทางด้านอารีในชื่อปลอมว่าผู้กองโบนได้ดำเนินการตามแผนในการลักลอบนำผู้อพยพจำนวน 611 คนจากค่ายไปลงเรือโอลิมเปียหรือที่ตัวเขาเองเรียกว่า "เอ็กโซดัส" เพื่อเตรียมเดินทางไปยังปาเลสไตน์ แต่อ้างกับนายทหารอังกฤษที่ดูแลว่าจะนำไปยัง Hamburg เยอรมัน นายพลซูเธอร์แลนด์ได้ทราบเรื่องจากคิตตี้ที่กำลังจะไปรับตัวคาเร็นแล้วไม่พบจึงสั่งให้เรือรบมาขวางไม่ให้เรือออกเดินทางได้ อารีขู่ที่จะวางระเบิดเรือหากทหารอังกฤษก้าวขึ้นมาบนเรือ คิตตี้ขึ้นมาบนเรือเพื่อตามหาคาเร็น และเกิดการโต้คารมกับอารีเล็กน้อย คิตตี้ได้พบกับคาเร็น ๆ ยืนยันที่จะอยู่ในเรือเพื่อจะไปปาเลสไตน์ อารีกับพวกยอมส่งคนบนเรือ 23 คนกลับเข้าค่าย ที่เหลือได้อดข้าวประท้วง จนมีผู้เสียชีวิตเป็นหมอชราผู้หนึ่ง นายพลซูเธอร์แลนด์จึงได้เดินทางไปลอนดอนเพื่อยื่นคำร้องต่อรัฐบาลอังกฤษจนทบวงเมืองขึ้นยินยอมให้เรือออกเดินทางไปยังปาเลสไตน์ได้ โดยคิตตี้ได้ร่วมเดินทางมาจนถึงท่าเรือไฮฟา เขตปาเลสไตน์ด้วย

คิตตี้ประทับใจในคาเร็นจนอยากนำไปอุปการะที่อเมริกา

อารี (กลาง) นำเอกสารปลอมมาขอนำผู้อพยพชาวยิวไปขึ้นเรือ

คิตตี้ขึ้นมาบนเรือ Exodus เพื่อตามหาคาเร็น และปะทะคารมกับอารีเล็กน้อย
เมื่อถึงปาเลสไตน์ ชาวยิวจากเรือ Exodus ได้เดินทางไปอยู่นิคมยิวที่ Gan Dafna นอกจาก ดอฟ ที่ได้แอบปลีกตัวออกไปสมัครเป็นสมาชิกของกลุ่มยิวหัวรุนแรงที่ชื่อว่าเออร์กุน (Irgun) แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะต้องถูกทหารอังกฤษจับตัวไปหนหนึ่ง แล้วถูกปล่อยตัวไปจนพบกลุ่มเออร์กุนตัวจริง ที่นี่เขาได้อาสาที่จะวางระเบิดโดยใช้ประสบการณ์จากการต่อสู้กับทหารเยอรมันในระหว่างสงคราม แต่หัวหน้ากลุ่มเออร์กุนชื่อว่า Akiva ซึ่งเป็นลุงหรืออาของอารีได้ถามหลอกล่อจนรีดความจริงได้ว่า ที่จริงแล้วดอฟได้ความรู้ในการใช้ระเบิด และรอดชีวิตอยู่ในค่ายเอาชวิตซ์ได้ด้วยการทำหน้าที่วางระเบิดสร้างหลุมฝังศพขนาดใหญ่สำหรับฝังศพชาวยิวที่ถูกฆ่าแล้วเผาไม่ทัน และเขายังถูกใช้เป็นเหยื่อบำเรอกามของทหารนาซีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กลุ่มเออร์กุนก็ยอมรับเขาเข้าเป็นสมาชิก

กลุ่มเออร์กุนรับดอฟ แลนเดา เข้าเป็นสมาชิกเพื่อเตรียมแผนการก่อการร้าย

อารีพาคิตตี้มารับประทานอาหารกับครอบครัวก่อน "วงแตก"

ภาพเหตุการณ์วางระเบิดที่โรงแรมคิงเดวิดที่อารี คิตตี้ และคาเร็นเห็นจากโรงพยาบาล
ด้านอารีและคิตตี้ได้หลงรักต่อกันและกัน อารีพาเธอมารู้จักกับครอบครัว แต่ระหว่างที่กินข้าวด้วยกันก็เกิดวงแตกเนื่องจาก Barak พ่อของอารีไม่พอใจที่มีการเอ่ยถึง Akiva และกลุ่มเออร์กุนที่บารัครังเกียจว่าชอบใช้ความรุนแรงอันแตกต่างจากแนวทางของกลุ่มฮากานาที่ครอบครัวนี้เป็นสมาชิก ต่อมาอารีกับคิตตี้ได้พาคาเร็นมาพบพ่อของเธอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าพ่อของเธอไม่อยู่ในสภาพที่จะจำเธอได้แล้ว พออารี คิตตี้ และคาเร็นกำลังออกจากโรงพยาบาล ก็เห็นการระเบิดที่โรงแรมคิงเดวิด ซึ่งทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากมาย ซึ่งเป็นฝีมือของดอฟตามคำบงการของกลุ่มเออร์กุนนั่นเอง หลังเกิดเหตุดอฟหลบหนีไปได้ แต่อาคิวากับพวกถูกจับตัวและถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ระหว่างรอการลงโทษ บารัคกับอารีได้มาเยี่ยมอาคิวา ต่อมาอารีได้ไปติดต่อกับกลุ่มเออร์กุนเพื่อวางแผนการช่วยเหลืออาคิวาออกจากเรือนจำ ซึ่งวิธีการค่อนข้างจะซับซ้อน มีทั้งสายที่เป็นนักโทษอยู่ภายในจำนวนหนึ่ง ทั้งการแอบลักลอบนำสิ่งของจดหมายต่างๆ เข้าไปให้สายเหล่านั้น เรียกว่าใช้กลอุบายทั้งบุ๋นทั้งบู๊กันสารพัด แต่สุดท้ายรถที่พาอารีและอาคิวาหนีถูกทหารอังกฤษระดมยิง อาคิวาได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตในที่สุด ส่วนอารีนั้นอุตส่าซมซานไปจนถึงโรงพยาบาลในนิคมชาวยิวที่กานดาฟนา และเพื่อหลบหนีการจับกุมของทหารอังกฤษ คิตตี้จึงนำเขาไปรักษาที่หมู่บ้านอาหรับซึ่งเพื่อนรักของอารีชื่อ Taha เป็นมุกตาร์อยู่ที่นั่น

ปฏิบัติการช่วยเหลืออาคิวาที่เกือบสำเร็จ

บารัก พ่อของอารี กล่าวสุนทรพจน์กับฝูงชนเมื่อทราบข่าวการลงมติของสหประชาชาติ
ต่อมา สหประชาชาติก็ได้ลงมติให้มีการก่อตั้งรัฐอิสราเอลอิสระและอังกฤษจะต้องถอนทหารออกไปภายใน 5 เดือน (ตามประวัติศาสตร์วันที่ลงมติคือวันที่ 22 พฤศจิกายน 1947/พ.ศ.2490 และจะมีผลให้อังกฤษถอนทหารออกจากปาเลสไตน์ในวันที่ 15 พฤษภาคม ปีถัดไป) แต่ไม่ทันไรรัฐยิวก็เริ่มเผชิญการคุกคามจากเพื่อนบ้าน ทาฮาถูกกดดันจากพวกอาหรับหัวรุนแรงให้ส่งคนไปร่วมเป็นทหารและพวกอาหรับประกาศจะโจมตีกานดาฟนา ทาฮาจึงแจ้งให้อารีกับคิตตี้กลับไปอพยพคนที่กานดาฟนา อารีได้สั่งให้มีการอพยพเด็กๆ ออกไปยังที่ปลอดภัย และเตรียมการป้องกันหมู่บ้าน ขณะที่ดอฟกำลังเฝ้ายามระวังเหตุ คาเร็นได้มาส่งข่าวว่ามีกำลังเสริมมาช่วยป้องกันหมู่บ้าน และขอความรักจากเขา ดอฟสัญญาจะแต่งงานกับคาเร็นและขอให้เธอกลับไปก่อน แต่ระหว่างทางคาเร็นถูกอาหรับลอบฆ่าตาย รุ่งเช้าอารีพบศพของทาฮาถูกฆ่าแขวนคอ ส่วนดอฟก็พบศพของคาเร็น ภาพยนตร์จบลงโดยอารี คิตตี้ ดอฟ และพรรคพวกจัดการฝังศพคนทั้งสองไว้ด้วยกันอย่างเศร้าสร้อย แล้วพากันขึ้นรถบรรทุกออกเดินทางไปสู่สนามรบ
ข้อสังเกตประการแรก คือ ภาพยนตร์ฉบับเต็มนั้น มีความยาวถึง 208 นาที หรือเกือบ 3 ชั่วโมงครึ่ง แต่ในเวอร์ชันพากย์ไทยที่จัดจำหน่ายในเวลานี้ มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง (2 แผ่น VCD คงแผ่นละประมาณ 80 นาที) ซึ่งยากจะคาดเดาได้ว่าฉากที่ถูกตัดไปนั้นสำคัญมากน้อยแค่ไหน เท่าที่ตรวจสอบกับเรื่องย่อภาษาอังกฤษในวิกิพีเดียดูราวกับว่าใจความสำคัญยังอยู่ครบ ไม่ว่าอย่างไรการพูดคุยกันในที่นี้จึงต้องอยู่บนพื้นฐานของภาพยนตร์เท่าที่เหลือรอดมาจากการตัดต่อที่ว่า

อารีกล่าวไว้อาลัยที่หลุมฝังศพของคาเร็นและทาฮา
ด้านประวัติศาสตร์เบื้องหลังนั้น เนื่องจากได้เคยค้นคว้ามาเขียนไว้ในตอนที่แนะนำภาพยนตร์เรื่อง Cast a Giant Shadow มาแล้ว จึงขอสรุปสั้นๆ เท่าที่เห็นจากภาพยนตร์ว่า ในกลุ่มชาวยิวที่มุ่งหวังจะก่อตั้งรัฐอิสระของชาวยิวนั้น ยังมีความแตกต่างทางความคิดอย่างน้อยก็ระหว่างฝ่ายที่หัวรุนแรงอย่าง Irkun กับอีกฝ่ายคือ Hakana แต่ยังไม่ถึงขั้นยกพวกตีกันเองอย่างที่มีพระเอกเรื่อง Cast a Giant Shadow บ่นเอาไว้ ในส่วนที่เกี่ยวกับความเลวร้ายของอาณานิคมอังกฤษและพวกอาหรับหัวรุนแรงนั้น เป็นธรรมดาของเรื่องจากมุมมองฝ่ายยิว และจะว่าไปก็ยังเห็นไม่ค่อยชัดนัก
ในด้านการต่อสู้ของชนชาติยิวเพื่อให้ได้เอกราชจนสามารถก่อตั้งประเทศอิสราเอลในประเทศปาเลสไตน์นั้น ดูเหมือนเราจะต้องเข้าใจอยู่ก่อนแล้วว่าการเป็นอาณานิคมของอังกฤษเป็นเรื่องเลวร้าย แต่สำหรับคนไทยที่หลงตนเองว่ารอดปากเหยี่ยวปากกามาได้นั้น จะรังเกียจ(ลัทธิอาณานิคมของ) "ฝรั่งเศส" มากกว่า ในภาพยนตร์เท่าที่เหลือจากการตัดต่อแทนที่จะเห็นความเลวร้ายใดๆ ของอังกฤษ กลับกลายเป็นว่า "ยิว" ต่างหาก (อย่างน้อยก็คือกลุ่ม Irkun) ที่ก่อการร้ายใช้ความรุนแรง แค่เริ่มเรื่องมาเหตุที่นางเอกต้องไปพบนายพลซูเธอร์แลนด์ไซปรัสก็เพื่อสอบถามการตายของสามีที่เป็นผู้สื่อข่าวที่อยู่ในรถทหารอังกฤษที่ถูกพวกยิววางระเบิด เมื่อเรือ Exodus จะออกจากท่าแล้วถูกเรือรบอังกฤษขวาง พระเอกก็ขู่จะระเบิดเรือหากทหารอังกฤษขึ้นมาบนเรือ ซึ่งนายพลซูเธอร์แลนด์ต้องยอมอ่อนข้อเพราะเคยมีเรือผู้อพยพยิวทำเช่นนั้นมาแล้ว การที่กลุ่ม Irkun ยอมรับดอฟซึ่งเคยรับใช้นาซีมาก่อน (แม้จะด้วยภาวะจำยอม) เพื่อก่อการร้ายด้วยการวางระเบิดฆ่าคนบริสุทธิ์จำนวนมาก
เทียบกับ Cast a Giant Shadow แล้ว คนละเรื่องกันเลยครับ เอ่อ...มันก็คนละเรื่องอยู่แล้วนี่นะ คือ Cast a Giant Shadow มันเป็นการต่อสู้อย่างชายชาติทหาร (ที่จริงกองทัพยิวก็มีทหารหญิงด้วย) ซึ่งต่างจากการวางระเบิดฆ่าคนบริสุทธิ์ที่โรงแรมคิงเดวิดอย่างมาก พอตัวการใหญ่โดนจับได้ยังต้องวางแผนไปแหกคุกช่วยกันออกมาอีก ยังดีหน่อยที่ลุงอาคิวาแกไม่รอดถูกยิงตายระหว่างหลบหนี คล้ายกับว่าเจ้าของบทประพันธ์ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความรุนแรงซักเท่าไหร่ ดูแล้วถ้าจะให้เห็นใจยิวละก็ คงต้องสงสารหรือสมเพชที่มีบางคนบางกลุ่มใช้วิธีการผิดๆ ซะมากกว่า

คิตตี้กับอารีขณะความรักกำลังหวานชื่น
สิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นหลักของเรื่อง แต่ดูเหมือนไม่ได้รับการเน้นเท่าที่ควร น่าจะเป็นเรื่องความแตกต่างทางความคิดระหว่าง "คิตตี้" กับตัวละครอื่นที่เป็นยิว โดยเธอเป็นผู้เริ่มเรื่องด้วยการมาที่ไซปรัสเพื่อถามข่าวสามีที่พึ่งเสียชีวิต ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ทำให้เธอต้องแท้งลูก เรียกว่าเริ่มเรื่องด้วยการสูญเสีย "ครอบครัว" ของเธอ และเมื่อเธอพบคาเร็นในค่ายผู้อพยพ สิ่งที่เธอคาดหวังมาตลอดคือการนำสาวน้อยยิวผู้นี้ไปอุปการะที่อเมริกาบ้านเกิดของเธอเพื่อชดเชยการสูญเสีย "ครอบครัว" ดังกล่าว ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่าคาเร็นกับเพื่อนร่วมชาติชาวยิวกำลังดิ้นรนขวนขวายที่จะก่อตั้งประเทศของเธอขึ้นมา การที่เธอไปปิ๊งกับนายอารีพระเอกหนุ่มของเราแม้จะไม่ได้ลดทอนความต้องการแต่แรกของเธอ แต่กลับลดทอนความสำคัญของมันในสายตาผู้ชมไปไม่น้อย หากความปัญหาระหว่างความต้องการดังกล่าวของเธอกับความต้องการสร้างชาติของบรรดาตัวละครยิวจะปะทุเป็นความขัดแย้งจนถึงโต้คารมกันบ้างน่าจะทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นมาบ้าง อย่างไรก็ตาม การตายของคาเร็นในตอนท้ายเรื่องนอกจากจะดับความหวังของคิตตี้ผู้หวังจะอุปการะเธอและความหวังของดอฟผู้เป็นแฟนแล้ว ยังเป็นการดับความหวังที่ชาวยิวจะอยู่ร่วมกับชาวอาหรับอย่างสันติสุขได้ แม้จะมีชาวอาหรับบางส่วนที่ไม่ต้องการความรุนแรงดังเช่นทาฮาที่ถูกฝังอยู่เคียงข้างเธอ

ทาฮา เพื่อนอาหรับผู้รักสันติของอารีที่ต้องสังเวยชีวิตในคืนเดียวกับคาเร็น
พูดถึงทาฮา มุกตาร์ผู้รักสันติและเพื่อนรักของอารีแล้ว การที่ตะแกพึ่งจะโผล่มาในตอนหลังๆ ไม่กี่ตอนแล้วมาตายลง ได้ลดความรู้สึกว่ายิวกับอาหรับควรจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ลงไปไม่น้อย คาดว่าในหนังฉบับเต็มหรือในนวนิยายตะแกน่าจะมีบทบาทอะไรมากกว่านี้มาแต่ต้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะว่าเข้าใจยากก็ไม่เชิง เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ที่เน้นไปในแนวดรามาที่ต้องใช้สมาธิในการดูพอสมควรแล้ว บริบททางประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องที่คนไทยไม่ค่อยคุ้น แล้วไม่ทราบว่าการที่ภาพยนตร์ถูกตัดให้พอดีกับ VCD 2 แผ่นมีผลอะไรแค่ไหน คงต้องคอยติดตามว่าหากมีเวอร์ชันเต็มใน DVD แล้วจะมีความแตกต่างจากเวอร์ชัน VCD นี้อย่างไรบ้าง
คำคมชวนคิด
- "ผู้ชายอย่างทอม (สามีคิตตี้) เป็นคนประเภทชอบเก็บสิ่งที่พิเศษที่สุดไว้ใกล้หัวใจเขา" นายพลซูเธอร์แลนด์กล่าวกับคิตตี้
- "อย่าคาดหวังว่าผมจะมีชื่อในประวัติศาสตร์เพราะเด็กยิวคนเดียว คุณก็เหมือนกันนะ สายไป คุณช้าไปสิบปี เด็กยิวเกือบสองล้านคนถูกผลักไสเหมือนกับสัตว์ ไม่มีใครต้องการ ไม่มีประเทศไหนต้องการรวมถึงประเทศคุณ ไม่มีใครอยากให้เรารอดตาย ชีวิตคนยิวถูกมาก มันถูกกว่าเนื้อวัวหรือถูกยิ่งกว่าปลาเฮอริ่งซะอีก" อารีกล่าวกับคิตตี้
- "ถ้า(ผม)เป็นยิวผมจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นกับยิวได้ยังไง ไม่ว่าใครก็ตามปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ยิว คริสเตียม พุทธ และอิสลาม ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม" นายพลซูเธอร์แลนด์กล่าวกับคิตตี้ก่อนตัดสินใจไปลอนดอนเพื่อขอให้รัฐบาลอังกฤษปล่อยเรือโอลิมเปีย(เอ็กโซดัส)เดินทางไปยังปาเลสไตน์
- "เสรีภาพมันเจ็บปวด เราได้ครอบครองปาเลสไตน์ ... เรามีจุดหมายเดียวกัน หลานเป็นฮากานา วิธีการต่างจากเออร์กุน แต่หัวใจเราคืออิสราเอล" อาคิวากล่าวกับอารีก่อนสิ้นลมหายใจ
- "สักวันอาหรับและยิวจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติเช่นเดียวกับผืนดินที่เขาได้อยู่ร่วมกันเมื่อตาย" คำกล่าวของอารีในพิธีฝังศพคาเร็นและทาฮา
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Exodus
ชื่อภาษาไทย : ชนวนไฟสงคราม
เรื่องเดิม : นวนิยายจากการประพันธ์ของ Leon Uris
ผู้กำกำกับ : Otto Preminger
ผู้สร้าง : Otto Preminger
ผู้เขียนบท : Dalton Trumbo
ผู้แสดง :
- Paul Newman ... Ari Ben Canaan
- Eva Marie Saint ... Katherine "Kitty" Fremont
- Ralph Richardson ... Gen. Sutherland
- Peter Lawford ... Maj. Caldwell
- Lee J. Cobb ... Barak Ben Canaan
- Sal Mineo ... Dov Landau
- John Derek ... Taha
- Hugh Griffith ... Mandria
- Gregory Ratoff ... Lakavitch
- Felix Aylmer ... Dr. Lieberman
- David Opatoshu ... Akiva Ben Canaan
- Jill Haworth ... Karen
- Marius Goring ... Von Storch
- Alexandra Stewart ... Jordana Ben Canaan
- Michael Wager ... David Ben Ami
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์