4 พี่น้อง Bielski แถวบน Tuvia (Daniel Craig) กับ Alexander Zeisal 'Zus' (Liev Schreiber),
แถวล่าง Asael (Jamie Bell) และ Aron (George MacKay)
webmaster@iseehistory.com
สงครามโลกในยุโรปจบไปหลายสิบปี แต่สิ่งที่ยังเล่าขานกันไม่จบไม่สิ้นคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวของพวกนาซี ที่สร้างเป็นภาพยนตร์กันมาแทบจะนับไม่ถ้วน ณ เวลาที่เขียนเรื่องนี้ผมยังค้างการเขียนแนะนำภาพยนตร์เกี่ยวกับการกวาดล้างยิวอยู่อีกหลายเรื่อง ก็คงต้องทยอยๆ กันไปครับ วันนี้ขอเชิญชวนมาพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องที่ค่อนข้างใหม่สักนิด คือ Defiance ที่เริ่มฉายเมื่อปี 2008/พ.ศ.2551 เรื่องราวของ 4 พี่น้องตระกูล Bielski อันได้แก่ Tuvia, Zus, Asael และ Aron ในดินแดนเบลารุสที่อยู่ระหว่างประเทศโปแลนด์กับรัสเซีย (ปัจจุบันเป็นประเทศเอกราช) ที่ได้รวบรวมชาวยิวที่หลบรอดจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นาซีมาตั้งเป็นชุมชนต่อสู้กับกองทัพนาซีเพื่อการอยู่รอดของพวกตนมาได้นับพันคน
ภาพยนตร์เริ่มเรื่องในราวเดือนสิงหาคม ปี 1941/พ.ศ.2484 เมื่อกองทัพนาซีเข้ายึดครองเบลารุส การกวาดล้างชาวยิวโดยพวกเอสเอสกับตำรวจท้องถิ่นก็เริ่มต้นขึ้น รวมถึงหมู่บ้านในเมือง Navahrudak อันเป็นที่อยู่ของ 4 พี่น้องของเรานี้ ซึ่งซุสกับอาซอลได้แต่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ พอกลับไปบ้านก็พบว่าพ่อแม่ของตนถูกสังหารไปแล้ว ลูกเมียถูกจับตัวไปหมด เหลือรอดแต่อารอนน้องคนเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นห้องในบ้าน ทั้งสามพากันเข้าป่าไลปิคแซนสก้า (Lipiczanska Forest) ไปจนพบกับพี่ใหญ่คือทูเวีย ต่อมา ทั้งสี่เริ่มพบกับชาวยิวอื่นๆ ที่รอดพ้นจากการจับกุมและสังหารหมู่ อันเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางความคิดระหว่างทูเวียที่ต้องการจะช่วยเหลือเพื่อนชาวยิวด้วยกันแม้จะค่อนข้างจำใจอยู่บ้าง กับซุสที่ต้องการแก้แค้นพวกเยอรมันกับบรรดาผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหลาย
ทีแรกก็แค่เพิงเล็กๆ ดังข้างบน พอคนมากเข้าก็ต้องสร้างแคมป์กันดังข้างล่าง
ซุสแนะนำให้ทูเวียไปขอยืมปืนจากคอสซิกซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเพื่อนำไปแก้แค้นเบอร์นิคซี่ตำรวจท้องถิ่นที่นำพวกเยอรมันไปกวาดล้างครอบครัว แต่ต้องแลกกับการรับชาวยิวอีกจำนวนหนึ่งมาด้วย และทูเวียจำต้องฆ่าลูกชายของเบอร์นิคซี่อีก 2 คน ด้วย แล้วก็กลับมาอย่างไม่สบายใจ ในเดือนตุลาคม ขณะที่พี่น้องบีลสกี้กับบรรดาชาวยิวเริ่มสร้างที่อยู่อาศัย ก็ได้รับข่าวจากชาวยิวที่มาใหม่ 2 คนจากโฮโรดิสซี่ชื่อเปเรตซ์กับยาคอฟว่าภรรยาและลูกของซุสตายแล้ว ซุสจึงชวนทูเวีย กับอาซอล และสมาชิกใหม่ทั้ง 2 ออกไปปฏิบัติการล้างแค้น โดยเริ่มจากบรรดาคนที่ให้ความช่วยเหลือพวกเยอรมัน แล้วออกมาที่ท้องถนน สังหารทหารเยอรมันที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาเดี่ยว กับนายทหาร 3 คน ในรถยนต์อีกคันที่ตามมา พอต้องเจอกับทหารเยอรมันอีก 1 คันรถบรรทุก ก็เกิดการปะทะกันอย่างหนัก เปเรตซ์กับยาคอฟถูกยิงตาย อาซอลเตลิดหนีไปคนละทางกับทูเวียและซุส โชคยังดีที่ภายหลังไปพบกันที่บ้านของคอสซิก แต่ข่าวร้ายคือคอสซิกถูกจับแขวนคอตายไปแล้ว และยังต้องรับหญิงชาวยิวกลับไปอีก 2 คน คือ เบลล่า กับ ไฮย่า ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นแฟนกับซุสและอาซอล ตามลำดับ
วันหนึ่งซุสพาพวกไปปล้นนมและไข่จากชายแก่คนหนึ่งที่กำลังนำไปให้เยอรมัน ทำให้ตะแกไม่พอใจแล้วนำกำลังทหารมาตามล่า พี่น้องบีลสกีจึงต้องอพยพคนหลบเข้าไปตั้งค่ายในที่แห่งใหม่ ทราบภายหลังว่าเป็นป่าชื่อเนไลบ็อคก้า (Nalibocka Forest) จากนั้น ทูเวียกับซุสไปติดต่อกับทหารรัสเซีย ซึ่งมี วิคเตอร์ แพนเชนโก้ เป็นผู้บัญชาการ วิคเตอร์ขอให้พี่น้องบีลสกี้ส่งนักรบไปร่วมกับพวกตน ซึ่งทั้งสองยังไม่ทันได้ให้คำตอบ พอกลับมายังที่พัก มีชาวยิวอีกกลุ่มหนีมาจากชุมชนในบาราโนวิคซ์ และขอให้ทูเวียไปช่วยพวกตนที่เหลือ ไฮย่าซึ่งมีพ่อแม่อยู่ที่นั่นขอให้อาซอลช่วยเหลือ ขณะที่ทูเวียกับซุสทะเลาะถึงขั้นชกต่อยกัน ซุสจึงพาเพื่อนจำนวนหนึ่งไปอยู่กับทหารรัสเซีย ส่วนทูเวียกับอาซอลไปช่วยชาวยิวที่บาราโนวิคซ์หนีออกมาได้สำเร็จ ย่างเข้าฤดูหนาว อาซอลแต่งงานกับไฮย่า ขณะที่ซุสไม่ได้มาร่วมงานเพราะมัวแต่ออกปฏิบัติการร่วมกับทหารรัสเซีย นับแต่เดือนธันวาคม 1941 ภายในแคมป์เริ่มขาดแคลนอาหาร และเกิดโรคระบาดสำคัญคือไข้รากสาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้เพนนิซิลิน ทูเวียไปขอยาจากวิคเตอร์ ๆ ไม่ให้ ซุสจึงอาสาพาทูเวียกับพวกไปยังสถานีตำรวจแห่งหนึ่งซึ่งมีทั้งเครื่องวิทยุที่ใช้ส่งข่าวให้ทหารเยอรมันและยาแก้ไข้รากสาด เสร็จภารกิจแล้วซุสก็ยังไม่ยอมกลับไปอยู่กับทูเวีย แต่ก็เริ่มไม่พอใจทางฝ่ายรัสเซียจากกรณีที่เพื่อนคนหนึ่งถูกทำร้ายเพราะไปใช้ส้วมของนายทหารรัสเซียเข้า ด้านทูเวียที่กำลังป่วยหนักก็จำต้องแก้ปัญหาในค่ายด้วยการยิงทิ้งเจ้าตัวหัวโจกที่คอยป่วนค่ายอยู่ตลอด
"ขอ" อาหารจากชาวบ้าน
สหายวิคเตอร์ ผบ.ทหารรัสเซีย
หมดฤดูหนาว ย่างเข้าเดือนเมษายน 1942/พ.ศ.2485 ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อทามาร่าที่เคยถูกเยอรมันข่มขืนและปิดบังว่าท้องได้คลอดลูก ทีแรกทูเวียไม่พอใจแต่ลิลก้า นางเอกสาวจากชุมชนบาราโนวิคซ์ที่ปิ๊งกับทูเวียมานานช่วยเคลียร์ไว้ได้ วันต่อมาทางแคมป์จับทหารเยอรมันได้ 1 นาย ทำให้รู้ว่าเยอรมันกำลังจะบุกมาที่ค่าย ชาวค่ายยหลายคนที่สะสมความแค้นมานานได้รุมทำร้ายทหารเยอรมันผู้นั้นจนเสียชีวิต ทำให้ทูเวียกับอาซอลและอารอนรู้สึกเศร้าใจ รุ่งขึ้นทางซุสทราบว่าทหารรัสเซียจะถอนกำลังไป ซึ่งจะทำให้แคมป์ของพี่น้องตนไม่ปลอดภัย ซึ่งก็เป็นดังคาด ทางแคมป์ถูกโจมตีโดยเริ่มจากมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ตามด้วยกำลังทหารทางบก ทูเวียพาชาวแคมป์หนีมาพบบึงขนาดใหญ่ขวางหน้าทำเอาถอดใจ พอดีอาซอลซึ่งคุมคนปะทะอยู่ข้างหลังแตกหนีตามมาพบเข้า จึงเสนอให้เดินข้ามบึงโดยนำเข็มขัดของแต่ละคนมาต่อกันเป็นเชือกขนาดยาว ทำให้ทุกคนสามารถข้ามบึงไปได้สำเร็จแม้จะทุลักทุเลบ้าง ขึ้นบกได้ไม่ทันไรก็พบกับกองทหารเยอรมันจำนวนหนึ่งกับรถถังตั้ง 1 คันขวางหน้าเข้าให้อีก ขณะที่สถานการณ์กำลังย่ำแย่ ซุสกับพวก็โผล่มาช่วยตีกระหนาบหลังทหารเยอรมันและทำลายรถถังได้สำเร็จ จากนั้นพี่น้องบีลสกี้ทั้งหมดก็พาชาวยิวเข้าไปตั้งแคมป์ใหม่ในป่าลึกเข้าไปอีก เมื่อจบเรื่องก็เป็นธรรมเนียมที่จะมีคำบรรยายว่าเรื่องจริงต่อจากในหนังเป็นอย่างไร บีลสกี้กับพวกตั้งแคมป์อยู่กันป่ากันอีก 2 ปี โดยมีคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงหลังสงคราม พวกเขาช่วยคนไว้ได้ราว 1,200 คน อาซอลได้เข้าร่วมกับกองทัพรัสเซียและเสียชีวิตในการรบ ส่วนทูเวียกับซุสได้ไปตั้งรกรากในอเมริกา แต่ไม่ยักกล่าวถึงอารอนที่ตอนหลังตามไปอยู่อเมริกาเช่นกัน
อะซอลแต่งงานกับไฮยาตอนต้นฤดูหนาว
ใจดีมากๆ ไม่ไหวก็ต้องใช้ไม้เด็ดกับตัวป่วนบ้างเหมือนกัน
คำถามสำคัญคงเป็นเช่นเดียวกับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เรื่องอื่นๆ ว่า เรื่องราวในภาพยนตร์เป็นเรื่องจริงแค่ไหน?
ประการแรก กลุ่มชาวยิวของพี่น้องบีลสกี้นั้นเก่งกว่าในภาพยนตร์เยอะเลยครับ แต่ไม่ได้เน้นในเรื่องสู้รบปรบมือกับเยอรมันซึ่งก็เก่งอยู่ไม่น้อย จนพวกเขาถูกเรียกว่า Partisans ที่เก่งอย่างมากคือพวกเขาสามารถหลบซ่อนย้ายที่ตั้งไปมาอยู่ในป่าได้โดยที่กองทัพนาซีไม่สามารถจะพบได้ทั้งที่หากันพลิกแผ่นดิน และมีการตั้งค่าหัวทูเวียไว้ถึงแสนมาร์ค Nechama Tec ผู้เขียนหนังสือ Defiance: The Bielski Partisans.เองได้ยืนยันว่าฉากการรบในหนังนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะพวกเขาจะเน้นการเอาชีวิตรอดมากกว่าที่จะเข้าไปปะทะ ถ้าสังเกตจะเห็นว่าฉากรบในหนังนั้น โดยเฉพาะตอนท้ายเรื่องที่พึ่งโดนทิ้งบอมบ์อย่างหนักมาแท้ๆ พวกที่ตายก็ตายไปเลย ที่รอดก็ไม่เห็นมีใครบาดเจ็บหนักๆ หรือพิการให้ต้องแบกต้องหามหรือต้องพยุงข้ามหนองน้ำกันเลย ซึ่งเป็นปกติของหนังที่เน้นการต่อสู้แต่ไม่เน้นความสยดสยอง
ฉากพากันข้ามหนองน้ำหนีทัพนาซี ช่างจงใจเปรียบเทียบพระเอกกับโมเสสซะจริง
ด้านพฤติกรรมความเป็นอยู่ของบีลสกี้กับพวกนั้น ก็ใช่ว่าจะใสซื่อซะทีเดียว พูดไปแล้วจะกลายเป็นการแย้งหนังให้ตัวเอกเสียภาพลักษณ์เกินไปหรือเปล่าไม่ทราบ คือการรวมกลุ่มกันของพวกเขานั้น ย่อมจะอยู่กันแบบพวกนอกกฎหมาย เช่น อาหารการกินก็ต้องไปเอามาจากชาวบ้านทั้งที่เต็มใจและไม่เต็มใจเช่นเดียวกับที่กองทัพเยอรมันและรัสเซีย การปกครองกันเองหรือสังคมของพวกเขาก็ย่อมจะต่างจากสังคมในเวลาปกติทั้งด้านดีและด้านร้าย ซึ่งในรายละเอียดคงต้องให้ไปหาอ่านจากบทความที่เกี่ยวข้องกันเอาเอง ไม่ว่าอย่างไรบทสรุปของพวกเขาย่อมเป็นด้านดีดังบทบรรยายท้ายเรื่องที่ว่าพวกเขาสามารถรอดชีวิตมาได้ถึงพันกว่าคน
กรณีความขัดแย้งระหว่างทูเวียกับซุสนั้น ผมก็รู้สึกว่าเป็นเหมือนการแต่งเติมขึ้นมาเพียงเพื่อให้เห็นความขัดแย้งในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ระหว่างสองแนวคิดแบบที่ทางการเมืองเรียกว่า "สายพิราบ" กับ "สายเหยี่ยว" ตอนดูครั้งแรกเมื่อถึงตอนจบที่เล่าว่าภายหลังอาซอลไปร่วมรบกับกองทัพรัสเซียจนเสียชีวิตนั้น ผมแปลกใจมากว่าในเมื่ออีตาซุสแกไปอยู่กับทหารรัสเซียจนเข็ดออกอย่างนั้นแล้ว ไหงเจ้าน้องยังอุตส่าไปอาสาช่วยเขารบอีก เท่าที่ได้อ่านข้อมูลประกอบ พวกเขาได้มีการแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ Ordzhonikidze นำโดยซุส และ Kalinin นำโดยทูเวีย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของความแตกแยกแต่อย่างใด เกือบลืมไปว่า ที่จริงแล้วในสี่พี่น้องนี้ อาซอลต่างหากครับที่เป็นพี่รองซึ่งอายุขณะนั้น 33 ปีแล้ว ส่วนนายซุสซึ่งมีชื่อจริงเต็มๆ ว่า Alexander Zeisal Bielski น่ะเป็นน้องสามขณะนั้นอายุ 29 ครับ การที่ซุสถูกยกขึ้นมาเป็นพี่รองอาจจะด้วยเหตุว่าในประวัติศาสตร์จริงเขามีบทบาทมากกว่าอาซอล และทำให้เขาเป็นตัวแทนแนวทางสายเหยี่ยวที่จะงัดข้อกับพี่ใหญ่ได้อย่างเข้มข้นชัดเจนขึ้น
ส่งท้ายด้วยการสู้กับรถถังอย่างดุเดือด โดยได้ซุสกลับมาช่วย
พูดถึงเรื่องข้อเท็จจริงที่ดูเป็นการแย้งกับภาพยนตร์แล้ว ลองมาดูเรื่องที่จะเสริมความรู้ความเข้าใจกันอีกสักนิดครับ
อันเรื่องราวความเป็นมาของดินแดนเบลารุสอันเป็นที่เกิดเหตุในเรื่องนั้น เป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างโปแลนด์กับสหภาพโซเวียตที่มีประวัติความเป็น มาของตนเองอย่างยาวนาน เคยมีอาณาจักรของตนเองชื่อ ราชอาณาจักรโปตอตสด์ ซึ่งสวามิภักดิ์ต่อราชอาณาจักรเคียฟ แล้วถูกลิธัวเนียปกครองอยู่ 400 ปี จึงมาอยู่ในปกครองของโปแลนด์และรัสเซียตามลำดับ ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อเกิดการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟในรัสเซีย กลุ่มผู้รักชาติชาวเบลารุสประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนเบโลรัสเซียเมื่อ ปี1916/พ.ศ. 2459 แต่เมื่อพรรคบอลเชวิกขึ้นมามีอำนาจในรัสเซีย ได้ส่งกองทัพแดงเข้ายึดครองเบลารุส จนกระทั่งรัสเซียถอนตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ดินแดนเบลารุสส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การยึดครองของเยอรมันจนสิ้นสุดสงคราม เบลารุสจึงประกาศเอกราชเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2460 แต่ต่อมาก็ถูกสหภาพโซเวียตยึดครองอีก เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2461 เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐในสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต ในอีก 1 เดือนต่อมา เบลารุสรวมกับลิทัวเนียเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตลิทัวเนีย-เบโลรัสเซีย ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2462 เกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับโปแลนด์ เป็นผลให้ทัวเนียสามารถแยกตัวเป็นเอกราช ส่วนเบลารุสนั้นถูกแบ่งแยกโดย ทางด้านตะวันตกเป็นของโปแลนด์ ส่วนเบลารุสตะวันออกเป็นของรัสเซีย ในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 รัสเซียได้เข้ายึดครองเบลารุสตะวันตกของโปแลนด์จนกระทั่งเยอรมันตัดสินใจบุกรัสเซียเมื่อ 22 มิถุนายน 1941/2484 โดยผ่านทางเบลารุส ทำให้เกิดการกวาดล้างยิวดังเหตุการณ์ในภาพยนตร์ จนกระทั่งปี 1944/พ.ศ.2487 รัสเซียจึงกลับมาครอบครองเบลารุส กว่าเบลารุสจะได้เอกราชโดยสมบูรณ์ต้องรอจนจักรวรรดิโซเวียตล่มสลาย จึงได้ประกาศเอกราชเมื่อ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2534 (1991) ปัจจุบันมีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐเบลารุส (Republic of Belarus) ครับ
จากเรื่องราวของเบลารุสที่เล่ามา มีประเด็นที่ควรทราบเกี่ยวกับ ทูเวีย บีลสกี้ อีกเล็กน้อย คือเมื่อเยอรมันครอบครองเบลารุสในสงครามโลกครั้งที่ 1 ตอนนั้นยังไม่มีเรื่องการกวาดล้างยิว ทูเวียซึ่งยังเด็กอยู่ได้มีโอกาสเข้าไปคลุกคลีกับทหารเยอรมันจนสามารถพูดภาษาเยอรมันได้ และในปี 1927/พ.ศ.2470 เขายังถูกเกณฑ์เป็นทหารในกองทัพโปแลนด์ ซึ่งประสบการณ์ทั้งสองย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อการช่วยตนเองและพวกพ้องชาวยิวให้รอดจากกองทัพนาซีในเวลาต่อมา
ก่อนจบต้องขอติติงเรื่องการพากย์ไทยสักนิด ตรงที่ผมรำคาญที่สุดคือการที่คนพากย์รายหนึ่งเอาแต่ล้อเลียนความเป็นปัญญาชนของไอแซคซึ่งเป็นตัวละครสำคัญตัวหนึ่งเกือบจะทุกครั้งที่ไอแซคมีบทพูด ทำให้เสียอารมณ์ในการดูเป็นอย่างมาก จึงขอแนะนำว่าควรชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเสียงซาวด์แทร็คครับ
ในภาพรวมของภาพยนตร์ ต้องสรุปว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ที่เน้นความบันเทิงเป็นหลัก ซึ่งในเชิงประวัติศาสตร์นั้นแทบจะเอาข้อเท็จจริงอะไรได้ไม่มาก แต่ในเชิงวรรณกรรมแล้ว ภาพยนตร์ได้ทิ้งปัญหาสำคัญให้ขบคิดกันต่อไปว่า ในการจะเอาชีวิตให้รอดจากความเลวร้ายนั้น จะต้องใช้ความเลวร้ายเข้าตอบโต้หรือไม่ หรือจะยังคงรักษาคุณธรรมของตนเองไว้ได้แค่ไหน
ย้อนไปตอนหมดหน้าหนาวใหม่ๆ มีการถ่ายรูปร่วมกันด้วย
คำคมชวนคิด
"เราแก้แค้นมันด้วยการมีชีวิตอยู่ ... เราไม่ใช่โจรหรือฆาตกร เราถูกล่าเหมือนสัตว์ แต่เราจะไม่กลายเป็นสัตว์ ... ถ้าเราจะต้องตายทั้งที่พยายามอยู่ต่อ อย่างน้อยเราก็ได้ตายแบบมนุษย์" Our Revenge is to live. ... We are not thieves or murderers. We may be hunted like animals, but we will not become animals. And if we should die trying to live then at least we die like human beings. ทูเวียกล่าวกับบรรดาชาวยิวเมื่อกลับจากการไปล้างแค้นจนต้องเสียสมาชิกไปสองคน และยังหาอาซอลไม่พบ
"ทีพวกนายไปเอาอาหารนายบอกพวกเขาช่วย ทีพวกเรานายบอกเราขโมย" When you take food it is support. When we do, it is stealing. ทูเวียพูดกับวิคเตอร์ แพนเชนโก้ ผบ.ทหารรัสเซีย
"แผ่นดินแม่ไม่เคยแบ่งแยกคนยิวกับพวกไม่ใช่ยิว" The Motherland doesn't distinguish between Jews and non-Jews. ทูเวียพูดกับวิคเตอร์ แพนเชนโก้ ผบ.ทหารรัสเซีย
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อันชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Defiance
ชื่อภาษาไทย : วีรบุรุษชาติพยัคฆ์
เรื่องเดิม : หนังสือของ Nechama Tec เรื่อง Defiance: The Bielski Partisans.
ผู้กำกำกับ : Edward Zwick
ผู้สร้าง : Edward Zwick, Pieter Jan Brugge
ผู้เขียนบท : Edward Zwick, Clayton Frohman
ผู้แสดง :
Daniel Craig ... Tuvia Bielski
Liev Schreiber ... Zus Bielski
Jamie Bell ... Asael Bielski
Alexa Davalos ... Lilka Ticktin
Allan Corduner ... Shimon Haretz
Mark Feuerstein ... Isaac Malbin
Tomas Arana ... Ben Zion Gulkowitz
Jodhi May ... Tamara Skidelsky
Kate Fahy ... Riva Reich
Iddo Goldberg ... Yitzhak Shulman
Iben Hjejle ... Bella
Martin Hancock ... Peretz Shorshaty
Ravil Isyanov ... Viktor Panchenko
Jacek Koman ... Konstanty 'Koscik' Kozlowski
George MacKay ... Aron Bielski
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์