dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



สปาร์ตาคัส เกิดอย่างทาส สู้อย่างทาส ตายอย่างทาส
วันที่ 19/05/2013   21:36:29


โปสเตอร์ภาพยนตร์

โดย "คนเล่าเรื่อง"

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในยุคที่โรมันเฟื่องฟูช่วง 200 ปีก่อนคริสตกาล  ยุคนั้นพวกทาสต้องทำงานหนัก อดอยาก ถูกเฆี่ยนโบยหากไม่เชื่อฟัง และถูกขายต่อไปให้กับใครก็ได้หากราคาเป็นที่พึงพอใจ  ผู้ชายใช้แรงงาน ผู้หญิงทำงานทุกอย่างที่ได้รับคำสั่ง และเมื่อมีลูก ลูกก็จะเป็นทาส และถูกขายออกไปเป็นทาสตลอดชั่วลูกชั่วหลาน สืบเช่นนี้ไปไม่มีสิ้น

สปาร์ตาคัสซึ่งได้เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาส และถูกขายต่อไปเป็นแรงงานในเหมืองแห่งหนึ่ง จากการทำงานหนักและช่วยเหลือเพื่อนทาสที่กำลังลำบาก สปาร์ตาคัสถูกลงโทษด้วยการมัดไว้กลางแดดจนกว่าจะตายไปเอง  ก่อนที่จะถูกขายต่อให้พ่อค้าทาสที่ชื่อบาเทียตัส และถูกนำตัวไปที่คาปัว
     
ที่คาปัว ทาสอย่างสปาตาคัสต้องเรียนรู้การต่อสู้อย่างหนักสำหรับการประลอง เพื่อความสนุกสนานของคนดู  ซึ่งเหล่านักสู้จะได้รับการดูแลอย่างดีทั้งปัจจัย 4 ตลอดจนหญิงสาวมาบำเรอ ซึ่งบาเทียตัสได้ส่งนางทาสเวริเนียให้  แต่บาเทียตัสและหัวหน้ากลับเฝ้ารอดูหนังสดจากเพดานห้องพัก สปาร์ตาคัสจึงไม่ยอมกลายเป็นดาราให้  แต่เขาได้หลงรักเวริเนียจากใจจริงและต้องทนกับการกลั่นแกล้งจากหัวหน้านักสู้ผู้ไม่ลงรอยกับเขาตลอดเวลา         


  การทำงานหนักของเหล่าทาส


  สปาร์ตาคัสซึ่งถูกลงโทษกำลังถูกต่อรองราคาซื้อขาย


  สปาร์ตาคัสถูกกลั่นแกล้งจากผู้คุมนักสู้

การต่อสู้ครั้งแรกเริ่มขึ้นเมื่อแครสซัสขุนนางโรมันพร้อมด้วยท่านผู้หญิงและนายทหารคนสนิทเดินทางมาเยือน  ที่นั้น แครสซัสได้แต่งตั้งนายทหารชื่อแกลบัสเป็นผู้บัญชากองกำลังทหารรักษากรุงโรม  ท่านผู้หญิงของแครสซัสต้องการชมการต่อสู้เพื่อความรื่นเริงแบบถึงพริกถึงขิงโดยผู้พ่ายแพ้ในการต่อสู้จะต้องตาย  ซึ่งต่างไปจากสิ่งที่พ่อค้าทาสเคยบอกพวกเขา  บาเทียตัสไม่ต้องการให้ทาสต่อสู้ถึงตาย เพราะนั่นหมายถึงขาดทุน แครสซัสจ่ายเงินอย่างงามให้แก่เขา  และแครสซัสได้หลงในความงามและความทรนงของเวอริเนียตั้งแต่แรกเห็นจึงได้เสนอแกมบังคับขอซื้อเธอไปด้วย

การต่อสู้เริ่มขึ้นในคู่แรก โดยสปาร์ตาคัสจะต่อสู้กับชายผิวดำร่างยักษ์เป็นคู่ที่สอง  และเมื่อการต่อสู้ในคู่แรกจบลงด้วยความตายของผู้พ่ายแพ้  การต่อสู้ของสปาร์ตาคัสจึงเริ่มขึ้น สปาร์ตาคัสพ่ายแพ้และจะต้องถูกฆ่าตามคำเรียกร้องของคนดู  แต่ชายผิวดำร่างยักษ์กลับปาอาวุธเข้าใส่อัฒจันทน์ฝั่งของแครสซัส  แล้วปีนเข้าหา แต่ยามได้ขว้างหอกแหลมพุ่งตรงปักลงกลางหลังเขา และแครสซัสปาดคอเขาให้ตาย  จากนั้น  ร่างของเขาได้ถูกนำไปแขวนไว้เป็นการลงโทษจนกว่าจะเน่าไปเอง
            
จิตใจของทาสที่เหลือรวมถึงสปาตาคัสไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อแครสซัสจากไปพร้อมกับนำเวริเนียไปด้วย สปาตาคัสหมดสิ้นความอดทน เขาโกรธเกรี้ยวและฆ่าหัวหน้าผู้คุม  เพื่อนทาสทั้งหมดต่างลุกฮือก่อการกบฏทำลายล้างสถานที่ฝึก ปลดปล่อยตนเองสู่อิสรภาพ  บาเทียตัสต้องรีบเผ่นหนีไปพร้อมกับเกวียนที่นำเวริเนียไปด้วย  สปาร์ตาคัสเริ่มต้นสร้างกองกำลังของตัวเอง และเข้าช่วยเหลือทาสที่ถูกกักขังใช้งานตามเมืองที่เขาเดินทางผ่าน  กองกำลังทาสของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะทางที่ไป ในระหว่างทางเขาพบกับเวริเนีย ที่ลอบหนีจากเกวียนที่นำเธอไป


  การประลองระหว่างสปาร์ตาคัสกับนักสู้ผิวสี


  นักสู้ผิวสีกำลังจะระบายความแค้นกับแครสซัส แต่ก็ถูกฆ่าตาย


  เหล่าทาสที่หมดความอดทนได้ต่อสู้เพื่ออิสระเสรี

ณ กรุงโรม เมื่อสภาสูงรับรู้ถึงการก่อกบฎของสปาตาคัสและทาส พวกเขาได้ส่งกองทหารไปปราบสปาร์ตาคัส  โดยแกร็คคัสคู่ปฏิปักษ์ทางการเมืองของแครสซัสได้แต่งตั้งแกลบรัสให้นำทหาร 6 กองไป  โดยแท้จริงแล้วเป็นการหมกเม็ดการสลายกำลังทหารในสังกัดของแครสซัสออกจากโรม

ที่คฤหาสน์ของแครสซัสซึ่งในห้องโถงมีเสา 4 ต้น  เขาได้รับการปรนนิบัติจากทาสหนุ่มสุดหล่อชื่อ แอนโทไนนัส  ระหว่างอาบน้ำ แครสซัสพูดเป็นนัย ๆ ว่าเขารับประทานได้ทั้งหอยนางรมและหอยทากซึ่งสื่อได้ถึงความเป็นยอดชายของเขา (ในสมัยกรีกจนถึงโรมัน ผู้ชายที่เป็นยอดชายจะต้องเป็นเสือใบ หรือพูดง่าย ๆ ว่าได้ทั้ง 2 อย่างครับ) แอนโทไนนัสจึงรีบเผ่นออกมา   ก่อนจะได้พิสูจน์ความเป็นยอดชายของแครสซัส  แล้วไปเข้ากับกองทัพทาสของสปาร์ตาคัส

จากนั้น  ด้วยความประมาทของแกลบรัส ทหาร 6 กองของโรมจึงพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้จากการลอบจู่โจมของกองทัพสปาร์ตาคัสในยามดึก  สปาร์ตาคัสยอมปล่อยตัวแกลบรัสไปเพื่อยืนยันว่าพวกเขาจะไม่สู้กับโรม แต่จะหนีออกจากอิตาลี่โดยทางทะเล  ซึ่งเขาได้ว่าจ้างเรือของพวกเซลีเซี่ยนที่เป็นศัตรูของโรมและจะเดินทางไปถึงชายฝั่งของเมืองบรันดูเซี่ยมใน 7 เดือนให้หลัง  ในสภา  แกลบรัสได้บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ และถูกลงโทษด้วยการเนรเทศ  สำหรับแครสซัสผู้ที่ให้การรับรองแกลบรัสได้ขอลาออกจากผู้บัญชาการสูงสุด 

 


  ชัยชนะของกองทัพทาสสปาร์ตาคัสเหนือทหาร 6 กองของโรมัน


  การเอาคืนของเลห่าทาสต่อพวกศักดินา


  การเดินทางฝ่าฟันภูมิอากาศที่ยากลำบากเพื่อไปสู่เสรีภาพ


  ความสูญเสียของเด็กทารกระหว่างการเดินทาง


  แครสซัสบอกกับแอนโทไนนัสถึงรสนิยมแท้ ๆ ของเขา

กองทัพทาสของสปาร์ตาคัสเดินทางรอนแรมไปและปล้นสะดมพวกคนร่ำรวยไปด้วยตามรายทาง ไปยังภาคใต้ของอิตาลี่ซึ่งต้องฟันผ่าและตรากตรำกับความยากลำบากนานับประการจากสภาพทางธรรมชาติจนต้องเสียชีวิตไปหลายคน  และสปาร์ตาคัสต้องดีใจมากที่ได้รู้ว่าเวริเนียได้ตั้งท้องลูกกับเขา

ที่สภาสูง  มีการเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนถึงความกำเริบเสิบสานของกองทัพทาส  กราซัสได้แต่งตั้งจูเลียต ซีซาร์ เป็นผู้บัญชาการกองทหารรักษาการ  และส่งทหาร 2 กองทัพไปปราบกองทัพทาสที่เมืองเมทาพอนทัม   แต่ที่เมืองเมทาพอนทัม  กองทัพทาสของสปาร์ตาคัสได้เอาชัยเหนือกองทัพโรมันอีกครั้ง ซึ่งกองทัพโรมันต้องเสียทหารไปถึง 19,000 นาย  และได้เข้าปล้นสะดมทรัพย์สินของมีค่าจากพวกมั่งมี และชนชั้นปกครองไปอีกเป็นจำนวนมาก

แครสซัสได้ลอบเข้าเจรจาต่อรองกับซีซาร์เพื่อดึงมาเป็นพวกในโรงอาบน้ำแห่งหนึ่ง  แต่ไม่สำเร็จ  อย่างไรก็ตาม แกร็คคัสได้เจรจาขอให้แครสซัสกลับเข้าบัญชาการกองทหารอีกครั้งเพื่อปราบปรามพวกทาส  แครสซัสได้เรียกร้องเอาอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จเหนือกองทัพ สภา และศาล  ซึ่งแกร็คคัสไม่สามารถอนุญาตให้ได้  แท้จริงแล้ว แกร็คคัสได้แอบตกลงกับพวกเซลีเซี่ยนอย่างลับ ๆ ให้นำพวกทาสและหนีออกทะเลไปได้ เพื่อที่จะไม่มีเหตุให้แครสซัสกลับมาครองอำนาจได้   ซึ่งซีซาร์ได้ทราบเรื่องนี้ด้วยความไม่พอใจ

ฝ่ายสปาร์ตาคัสและกองทัพของเขาเมื่อมาถึงบรันดูเซี่ยมแล้ว  ได้พบว่ากองเรือของพวกเซลีเซี่ยนได้หักหลังพวกเขา เพราะถูกแครสซัสซื้อไปเสียแล้ว  และมีกองทหารของโรมในสังกัดปอมเปย์ และลูคัลลัสรอตีขนาบเขาอยู่  ซึ่งทางหนีของเขา คือ มุ่งหน้าสู่โรมเพื่อสู้กับแครสซัส  และนี่จะเป็นการเปิดทางให้แครสซัสครองอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเหนือโรมได้อย่างสบาย  และที่โรม แครสซัสได้ครองอำนาจสูงสุดตามที่ตั้งใจไว้  แล้วจึงนำกองทัพใหญ่ออกจากโรมเพื่อร่วมทำศึกกับปอมเปย์และลูคัลลัส   โดยมีจุดมุ่งหมายไม่ใช่เพียงเอาชนะกองทัพทาส แต่ต้องการล้มล้างกิตติศัพท์ของสปาร์ตาคัสด้วย  และบาเทียตัสได้เข้าพบแครสซัสเพื่อเจรจาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายทาสที่เหลือรอดชีวิตจากการรบโดยแครสซัสมีเงื่อนไขว่าเขาจะต้องชี้ตัวสปาร์ตาคัสให้ได้


  แครสซัสกลับสู่อำนาจของโรม


  สปาร์ตาคัสปลุกกำลังใจกองทัพทาสให้ต่อสู้ เมื่อรู้ว่าไม่มีทางหนีออกทะเลได้


  กองทัพทาสเผชิญหน้ากับกองทัพโรมัน


  การโรมรันแบบโดนรุมขอกองทัพทาส


  การพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของกองทัพทาส

สำหรับกองทัพทาส  เมื่อไม่มีเรือให้หนี และไม่มีที่ให้ไป พวกเขาจึงต้องสู้ตายเท่านั้น  ในวันรุ่งขึ้น กองทัพขนาดมหึมาบุกเข้าหาสปาตาคัส  3 ทิศทาง ช่วงแรก การรบพุ่งระหว่างกองทัพทาสและกองทหารของแครสซัสเป็นไปอย่างดุเดือด และสูสี แต่แล้ว กองทัพของปอมเปย์และลูคัลลัสก็เข้ารุมกินโต๊ะ  กองทัพทาสของสปาร์ตาคัสจึงต้องพ่ายแพ้ยับเยิน  และต้องตายเป็นจำนวนมาก  รวมทั้งผู้หญิง  เด็ก และคนแก่

แครสซัสประกาศให้ทาสที่รอดชีวิตจะไม่ถูกลงโทษ แต่ต้องกลับไปเป็นทาสอย่างเดิม โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องหาตัวสปาร์ตาคัสให้ได้  หากใครชี้ตัวให้ได้ จะได้รับการยกเว้นบทลงโทษ   ในขณะนั้น สปาร์ตาคัสซึ่งรอดตายกำลังจะแสดงตัว  แต่ทาสที่รอดชีวิตทั้งหลายต่างเปล่งเสียงร้องไปทั่วว่า ตัวเองคือสปาร์ตาคัส

แครสซัสโกรธมากจึงสั่งให้จับทาสทุกคนไปตรึงกางเขนปักเรียงไปตลอดทางถนนสู่กรุงโรมโดยไม่สนใจในข้อตกลงกับบาเทียตัส  และเมื่อเขาได้พบว่าแอนโทไนนัสซึ่งเข้ามาร่วมกับกองทัพทาสและยังรอดชีวิตอยู่ข้าง ๆ สปาร์ตาคัส  เขาจึงสั่งให้ตรึงกางเขน 2 คนนี้เป็นรายสุดท้าย  
            
แครสซัสได้พบกับเวริเนียพร้อมกับลูกน้อยซึ่งรอดจากการรบ   เขากลับไม่รังเกียจที่จะนำนางไปรีไซเคิลเพื่อตกแต่งเป็นนางอนุด้วยความไม่เต็มใจของเวริเนีย  จากนั้น  จึงได้ไปคิดบัญชีพร้อมดอกเบี้ยกับแกร็คคัสจากการทรยศของจูเลียต ซีซาร์ ทหารคนสนิทของแกร็คคัสเอง ด้วยข้อหา ทรยศต่อสภาด้วยการแอบช่วยเหลือและสนับสนุนกองทัพทาส  บีบบังคับให้แกร็คคัสต้องถูกถอดจากตำแหน่งและถูกเนรเทศให้ต้องกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน  แกร็คคัสจึงลงมือล้างแค้นแครสซัสเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการสั่งให้ทหารแอบลักพาตัวเวริเนียพร้อมลูก  ปลดปล่อยให้พ้นจากความเป็นทาส และช่วยอำนวยความปลอดภัยให้หนีไปจากโรมพร้อมกับบาเทียตัส  และเขาได้ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองเพื่อหนีความอัปยศ


  กองทัพทาสที่เหลือพร้อมใจกันประกาศว่าตัวเองเป็นสปาร์ตาคัส


  ตรึงกางเขนทาสที่เหลือทั้งหมดตามรายทาง


  สปาร์ตาคัสจำใจฆ่าแอนโทไนนัสเพื่อไม่ให้แอนโทไนนัสต้องถูกตรึงกางเขน

ในที่สุด สปาร์ตาคัสไม่อาจรอดจากการตรวจสอบของแครสซัสไปได้ เมื่อแครสซัสรู้ตัวของสปาร์ตาคัส เขาจึงสั่งให้สปาร์ตาคัสสู้กับแอนโทไนนัสจนกว่าจะตาย คนที่รอดจะถูกตรึงกางเขนเป็นรายสุดท้าย  แอนโทไนนัสและสปาร์ตาคัสต่างต้องการฆ่ากันให้ตายเพื่อ ไม่ให้อีกฝ่ายต้องเผชิญความตายทรมาน  แอนโทไนนัสต้องพ่ายแพ้และตาย  สปาร์ตาคัสถูกจับไปตรึงกางเขน

รุ่งเช้าเวริเนียและลูกน้อยพร้อมด้วยบาเทียตัสได้เดินทางออกจากประตูเมือง  เธอเห็นสปาร์ตาคัสกำลังทนทุกข์ทรมานอยู่บนไม้กางเขน  จึงแอบเข้าไปร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย  และบอกแก่สปาร์ตาคัสว่าเธอและลูกซึ่งก็คือเชื้อสายของสปาร์ตาคัสได้เป็นไทแล้ว  ก่อนที่จะจากไปในที่สุด


  บาเทียตัสพาเวริเนียและลูกน้อยออกไปจากกรุงโรม


  การล่ำลาครั้งสุดท้าย


  ความสุขใจน้อย ๆ ของเสริเนียที่เธอและลูกได้เป็นไท

สปาร์ตาคัสเป็นภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่นำเอาชีวิตของทาสชื่อสปาร์ตาคัส  (120  - 70 ปีก่อนคริสตกาล) ทาสชาวเทรส (Thrace) ที่ถูกขายให้เป็นนักต่อสู้กับสิงโต อาณาจักรโรมันโบราณ สปาร์ตาคัสเป็นผู้นำการลุกฮือของทาสที่เมืองคาร์ปัวน์ เมื่อ 73 ปีก่อนคริสตกาล และรวบรวมทาสชนชาติต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก ก่อการกบฏเอาชนะกองทัพโรมัน บุกขึ้นไปทางเหนือจนถึงดินแดนกอล ทางตอนเหนือของอิตาลี ต่อมากองทัพของพวกกบฏพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพโรมันซึ่งนำโดย มาร์คัส ลิสินัส แครสซัสดังเรื่อง แล้วถูกจับตรึงกางเขนประจานให้ตายอย่างช้า ๆ

คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของหนังเรื่องนี้ต้องการอธิบายถึงชีวิตอันไร้โอกาส และไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเหล่าทาสที่ต้องถูกกดขี่ข่มเหงโดยบรรดาชนชั้นผู้ปกครองเพื่อแลกกับการยังชีพ  และเมื่อการกดขี่มากจนถึงขีดสุด (แม้ว่าจะยังไม่มีระบบ 2 มาตรฐาน) ก็นำมาสู่การลุกฮือของเหล่าทาสเพื่อเรียกร้องให้ยุบสภา อุ๊บ ผิดครับ ความเป็นไทจากชนชั้นผู้ปกครอง  โดยที่พวกเขาไม่ได้หวังที่จะแย่งชิงแผ่นดินแต่อย่างใด  อย่างไรก็ตาม  การลุกฮือของเหล่าทาสทำให้จักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่ต้องเสียศักดิ์ศรี และหนทางที่จะขอคืนพื้นที่ อุ๊บ ไม่ใช่ครับ คืนศักดิ์ศรีมาได้ก็คือ การเอาชีวิตเหล่าทาส  ซึ่งพวกทาสยินดีที่จะสละมันเพื่อแลกกับอิสระภาพที่รออยู่ในภพหน้าดีกว่าจะต้องมารับการกดขี่ต่อไป  ในหลายฉากของหนังสะท้อนถึงวิถีชีวิตของเหล่าทาสผู้โหยหาการปลดปล่อย  โดยที่พวกเขาต่างดำเนินชีวิตแบบผู้คนรากหญ้าธรรมดา  แต่ก็ถูกโรมกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย อ๊ะ ผิดแล้ว เป็นกบฎครับ  แล้วเมื่อพวกเขาต้องระหกระเหินเดินทางไปจนถึงสี่แยก...  โอ๊ะ  เมืองท่าบรันดูเซี่ยม เพื่อจะพบกับการหักหลังของเหล่าโจรสลัด  แล้วถูกบีบให้ต้องสู้ตาย และส่วนที่รอดตายก็ยินดีที่จะตายแทนการอยู่เป็นทาสด้วยการทรยศต่อผู้นำ คือ การชี้ตัวสปาร์ตาคัส  ทั้งหมดนี้ ได้สะท้อนถึงการปกครองแบบกดขี่และแบ่งชั้นวรรณะของโรมในยุคเฟื่องฟูได้เป็นอย่างดี

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจจากหนังเรื่องนี้ คือ รสนิยมการดูการต่อสู้ในอดีตต้องเป็นแบบถึงตายหรือไม่ก็หยอดน้ำข้าวต้มตามแต่ความประสงค์ของผู้ชม (สมัยของสปาร์ตาคัสอยู่ก่อนยุคของจักรพรรดิคอมโมดัสซึ่งมีการก่อสร้างโคลอสเซี่ยมหลายสิบปี) ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงอุปนิสัย และอารมณ์ของผู้คนที่ยังคงความป่าเถื่อนในยุคนั้น


  โปสเตอร์ดารานักแสดง

นอกจากนี้  เนื้อหาของหนังยังสะท้อนถึงระบอบการปกครองในระบอบคณาธิปไตยของสาธารณรัฐโรมันซึ่งในขณะนั้นปกครองโดยการตั้งตำแหน่งสำคัญ 2 ตำแหน่ง คือ Magistrates หรือ กงสุล (Consuls) ขึ้นมาปกครองโดยการคัดเลือกจากขุนนาง ให้อยู่ในวาระ 1 ปี และตั้งสภาซีเนต (Senate) ประกอบด้วยสมาชิก 300 คน อยู่ในตำแหน่งตลอดชีวิตเพื่อเป็นที่ปรึกษากงสุล  พลเมืองขณะนั้นมีอยู่ 2 พวกคือ
พวกพาร์ทิเชี่ยน (Particians) เป็นกลุ่มขุนนางซึ่งมีที่ดินเป็นของตนเอง มีฐานะมั่นคงและร่ำรวย ซึ่งมีจำนวน 10% ของพลเมืองทั้งหมด และพวกพลีเบียนส์ (Plebeaus) มีจำนวนประมาณ 90% ประกอบอาชีพค้าขาย กรรมกร และชาวนาที่ยากจน

ส่วนกลุ่มพลีเบียนส์ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ถูกจำกัดสิทธิ์ในอำนาจรัฐแต่ก็ยังสามารถสะสมเงินทองได้ฐานะของพลีเบียนส์นั้นร่ำรวยขึ้น จึงมีการณรงค์เรียกร้องสิทธิในการปกครองในปี 494 ก่อนคริสตกาลพลีเบียนส์ได้พากันอพยพจากกรุงโรมไปยังเนินเขาศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Mt.) เพื่อจะสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาพอกลุ่มขุนนางทราบเรื่องเข้าก็ตกใจเพราะต้องต่างก็ต้องอาศัยกำลังของคนกลุ่มนี้เป็นแรงงานและทหารในปี 300 ก่อนคริสตกาล จึงยินยอมให้มีตัวแทนคัดเลือกเข้ามานั่งรักษาผลประโยชน์และสิทธิทางการเมืองเรียกว่า ตรีบูนส์  (Tribunes)  เพื่อเข้ามานั่งในสภาซีเนต (Senate) สามารถคัดค้านหรือ วีโต (Veto = ออกคำสั่ง) หากมีการออกกฎหมายที่ขัดผลประโยชน์ สามารถให้กฎหมายนั้นตกไป  ตำแหน่งตรีบูน เดิมมีเพียง 2 คน  ต่อมากำหนดเพิ่มเป็นจำนวน10คนเป็นตำแหน่งที่สำคัญในการออกกฎหมาย หากใครทำร้ายตรีบูนส์ จะมีโทษถึงตาย  พลีเบียนส์ได้เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร โดยศึกษาจากกฎหมายโซลอน (Solon) ของกรีก ปรับเป็น กฎหมาย 12 โต๊ะ (Law of twelve tables) สำเร็จและประกาศใช้ เมื่อ 450 ปีก่อนคริสตกาล

จากเนื้อเรื่อง  มีการสะท้อนถึงความฟอนเฟะของกองทัพโรมันที่อยู่ภายใต้การกำกับการของแครสซัสโดยแต่งตั้งนายทหารหนุ่มคนโปรด แกลบรัส ผู้ไร้ความสามารถให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ  แล้วต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูต่อกองทัพทาส   การหักเหลี่ยมเฉือนคม แบบลับ ลวง พราง  ระหว่างแครสซัสกับแกร็คคัส  ถึงขนาดแอบไปสนับสนุน (หรือหลอกใช้) กองทัพทาสในการหาเรื่องดิสต์เครดิตเพื่อทอนอำนาจของอีกฝ่าย (ต่างจากสมัยนี้  ที่ไปขึ้นเวทีกันโดยตรงเลย)  แล้วก็นำมาซึ่งการฉวยโอกาสกลับคืนสู่อำนาจของฝ่ายตรงข้าม นั้นได้สะท้อนถึงภาวะการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองกลุ่มต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่ความแตกแยกกันเองจนเกิดสงครามกลางเมืองในอนาคตอันใกล้หลังจากนั้น  และนำไปสู่การปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์โดยจูเลียต  ซีซาร์ในที่สุด  ในตอนท้ายเรื่อง จูเลียต ซีซาร์ นายทหารหนุ่มได้ทรยศแกร็คคัสเพราะทนไม่ได้กับเล่นการเมืองแบบนี้ และกับลาบยศ ชื่อเสียงที่จะได้จากการทรยศเพื่อสืบทอดอำนาจจากแครสซัสต่อไป  ซึ่งนี่ก็อาจเป็นกรรมอย่างหนึ่งของเขาที่จะต้องถูกทรยศต่อไป

อีกเรื่องครับ  จากคำพูดของแครสซัสที่ว่า เขาทานได้ทั้งหอยทากและหอยนางรม  ก็เป็นการแสดงตัวถึงความเป็นยอดชายของเขาตามค่านิยมของสังคมตั้งแต่สมัยกรีกจนถึงโรมันในยุคนั้นที่ว่า  ยอดชายต้องสามารถทำศึกรักได้กับทั้ง 2 เพศ  (ประเด็นนี้  ผู้สร้างคงไม่ต้องการให้หนังมีความประเจิดประเจ้อจนเกินไป และหนังคงไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอเมริกันในยุคนั้นด้วย  เลยยุติไว้แค่นั้น  ถ้าเป็นสมัยนี้ คงได้มีฉากเข้าพระกับพระแบบชวนสยิวด้วยแน่ ๆ) และไม่นับว่าเป็นการสำส่อนหรือบัดสีบัดเถลิงแต่อย่างใด กองทัพใด ๆ ที่เดินทางไปทำศึกไกล ๆ เป็นระยะเวลานาน  แม่ทัพนายกองมักจะมีเด็กหนุ่มหน้าตาดีติดตามไปด้วยเพื่อใช้แก้ขัดแทนผู้หญิงที่ไม่สามารถมากับกองทัพได้ 

ในด้านงานสร้างและกำกับภาพยนตร์ระดับมหากาพย์แบบนี้ในยุคนั้น ย่อมไม่เป็นที่ผิดหวังอยู่แล้วสำหรับคอหนังแนวนี้  และแน่นอนครับ  ไม่มีการใช้ CG เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายใด ๆ  ทุกฉากทุกตอนจึงสมจริงอย่างเป็นไปได้  และอีกสิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนของหนังยุคนั้น คือ ฉากการฆ่าฟันที่ไม่นองเลือดและไม่สยดสยองเมื่อเทียบกับหนังยุคนี้  สอดคล้องกับการลำดับภาพ มุมกล้อง แสง รวมทั้งการตกแต่งต่าง ๆ ในรูปแบบของหนังยุคทศวรรษ 50 – 60 ที่ยังอิงอยู่กับรูปแบบของละครเวทีอยู่บ้างครับ

ดาราทุก ๆ คนต่างสวมบทกันได้อย่างสมบทบาท ทั้งเคิร์ก  ดักลาสที่มีร่างกายใหญ่โตกำยำ และกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ สง่างามแบบตามธรรมชาติ  ไม่ใช่เกิดจากการเพาะกายจนงามสวยงามผิดปกติ สามารถทำบทบาทของสปาร์ตาคัสได้ดี  ลอเรนซ์  โอลิเวียร์ ในบทแครสซัส กับผมหงอกขาว มาดแบบสุขุมลุ่มลึก ทรงอำนาจ และเจ้าเล่ห์เพทุบาย  โทนี่ เคอร์ติส ดาราหนุ่มสุดหล่อ นัยน์ตาชวนฝันยุคนั้นกับบทบาททาสหนุ่มผู้ทรงปัญญา และมีความเป็นศิลปินอย่างแอนโทไนนัส  ชาร์ล ลาฟตัน ในบทแกร็คคัส กงสุลผู้หลักแหลม  แยบคาย  ได้ทราบมาว่าหลังจากหนังเรื่องนี้ออกฉายและประสบความสำเร็จ  ดาราประกอบเหล่านี้ได้กลายเป็นดารานำไปแทบทุกคน  นอกจากนี้ครับ  การฉายหนังมหากาพย์ในยุคนั้น จะต้องมีเพลงบรรเลงประกอบโหมโรงก่อนเข้าเรื่องตามบรรยากาศและรสนิยมของคนดูในยุคนั้น 

สิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งในหนังเรื่องนี้นะครับ  การเมืองของโรมันในสมัยสาธารณรัฐมีแต่ความอ่อนแอ เล่นพรรคเล่นพวก และทรยศหักหลัง  ตลอดจนร่วมกันครองอำนาจเพื่อกำจัดศัตรู แล้วตั้งหน้าตั้งตากอบโกยเอาผลประโยชน์ไม่ต่างจากการเมืองของประเทศสารขัณฑ์ที่ไม่เคยก้าวพ้นวงจรยึดอำนาจ กอบโกยผลประโยชน์ และการเข่นฆ่ากันทั้งชีวิต และสภาพความเป็นประชาชนไปได้เลยครับ

มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเพิ่มเติมอีกครับ  หนังเรื่องนี้เมื่อมีการนำมาบันทึกใหม่ พบว่าเสียงบางตอนของลอเรนซ์ โอลิเวียร์ ขาดหายไป  แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อลอเรนซ์ โอลิเวียร์ตายไปแล้ว  ผู้ผลิตจึงติดต่อไปหาภรรยาของลอเรนซ์ โอลิเวียร์ว่าจะทำยังไงดี ภรรยาของลอเรนซ์ โอลิเวียร์แนะนำให้ไปหา แอนโทนี่ ฮอบกิ้นส์ เพราะเคยเห็นแอนโทนี่ล้อเลียนท่าทางและเสียงของลอเรนซ์ โอลิเวียร์ในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง ซึ่งเสียงเหมือนมากๆ   หนังฉบับบันทึกใหม่ จึงเสร็จสมบูรณ์ได้ในที่สุด

SPARTACUS
บริษัทผู้สร้าง Universal
ผู้กำกับ Stanley Kubrick
บทภาพยนตร์ Dalton Trumbo
ผู้แสดง Kirk Douglas, Laurence Olivier , Jean Simmons, Peter Ustinov, John Garvin, Tony Curtis, Charles Laughton 
ความยาว 198 นาที
ได้รับรางวัลออสการ์ 4 ตัว สาขา นักแสดงประกอบยอดเยี่ยม (Peter Ustinov ในบท Lentulus Btiatus) กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม,ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และ แต่งกายยอดเยี่ยม


คำพูดจากภาพยนตร์

  • For Gracchus, hatred of the patrician class is a profession
    สำหรับแกร็คคัส  เขาเกลียดพวกชนชั้นขุนนางเป็นอาชีพ

    (แครสซัสพูดถึงแกร็คคัสต่อคนสนิทของเขาที่คาปัว)
     
  •  I keep these women out of my respect for Roman morality. That morality which has made Rome strong enough to steal two-third of the world from its rightful owners.
    ข้ากันผู้หญิงออกจากความเคารพของข้าที่มีต่อศีลธรรมของโรม ศีลธรรมที่ทำให้โรมเข้มแข็งจนสามารถขโมย 2 ใน 3 ของโลกจากเข้าของของมัน

    (แกร็คคัสพูดถึงตัวเขาเอง และวิจารณ์สถานภาพของอาณาจักรโรมันต่อบาเทียตัส)
     
  •  There is only one way to deal with Rome Antonuinus. You must serve her You must abase yourself  before her. You must grovel at her feet. You must love her.
    มีหนทางเดียวที่จะต่อรองกับโรม แอนโทไนนัส เจ้าต้องรับใช้เธอ (โรม) เจ้าต้องถ่อมตัวต่อหน้าเธอ เจ้าต้องหมอบแทบเท้าเธอ เจ้าต้องรักเธอ

    (แครสซัสสั่งสอนแอนโทไนนัสในการรับใช้เขาและโรม)
     
  •  Who wants to fight ?  An  animal can learn to fight. But to sing beautiful things and make people believe them.
    ใคร ๆ ก็ต้องการต่อสู้  สัตว์ก็สามารถเรียนรู้ที่จะต่อสู้ได้ แต่การร้องเพลงเป็นสิ่งสวยงามและทำให้ผู้คนเชื่อตามได้

    (สปาร์ตาคัส พูดถึงแอนโทไนนัส หลังจากได้ฟังเขาร้องเพลง)
  •  Don’t be so stiff-necked  Politics is a practical professional. If a criminal has what you want, you do business with him 
    อย่าตรงไปตรงมามากไปหน่อยเลย  การเมืองเป็นการสมประโยชน์  ถ้าอาชญากรมีสิ่งที่คุณต้องการ คุณก็ตกลงธุรกิจกับเขาได้ 

    (แกร็คคัสพูดกับซีซาร์เมื่อเขาเล่าว่าได้ตกลงให้พวกโจรสลัดพากองทัพทาสหนีไปจากอิตาลี่)
  •  Oh my love Oh my life. Please die, die. Please, please die, my love.
    โอ ที่รักของข้า โอ ชีวิตของข้า  ได้โปรด ตาย ได้โปรด ตายเสียเถิดที่รักของข้า

    (เวริเนียรำพันต่อหน้าสปาร์ตาคัสที่ถูกตรึงกางเขน)

อ่านเพิ่มเติม

เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

  • (ยังไม่มี)

 
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ

หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ

Bookmark and Share

ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com

ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์

 



ตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)

Helen of Troy (1956) The face that launched a thousand ships (เฮเลน แห่ง ทรอย , ความงามที่เคลื่อนทัพเรือพันลำ) วันที่ 19/05/2013   21:37:57
คลีโอพัตรา ตอนที่ 3 คลีโอพัตรา นางพญาไอยคุปต์ (1999) วันที่ 19/05/2013   21:39:06
คลีโอพัตรา ตอนที่สอง เวอร์ชั่นปี 1963 วันที่ 19/05/2013   21:40:09
สารคดี Nefertiti and the Lost Dynasty: เนเฟอตีติ อมตะราชินี จาก NATIONAL GEOGRAPHIC วันที่ 19/05/2013   21:41:09
300 ขุนศึกพันธุ์สะท้านโลก วันที่ 19/05/2013   21:42:04
Hannibal (1959) "มีเมียแล้วไม่บอก!" วันที่ 19/05/2013   21:43:44
สารคดี Hannibal จาก BBC : เพราะเขาไม่ใช่คนเถื่อน? วันที่ 19/05/2013   21:44:49
Alexander มหาราชชาตินักรบ วันที่ 19/05/2013   21:45:44
Alexander the Great (1956) วันที่ 19/05/2013   21:46:41
แกะรอย อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) วันที่ 19/05/2013   21:47:37
Taras Bulba (1962 film) (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   21:48:19 article
1612 (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   21:48:44 article
นักรบหญิง กวนอหังการ Gladiatress (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   21:49:12 article
Braveheart (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   21:49:41 article
Attila 2001 (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 07/04/2014   21:10:33 article



1

ความคิดเห็นที่ 1 (98219)
avatar
M1

เวอร์ชั่นใหม่ ก็มีครับเปนแบบตอนๆ เปนทำนองหนังRซะงั้น  แต่เอฟเฟคเป็นแบบหนังเรื่อง300 สุดยอดมาก เลือกสาด

ผู้แสดงความคิดเห็น M1 (j_prasertphol-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-10-02 16:16:28



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker