
โดย "คนเล่าเรื่อง"
เปิดเรื่องที่ฮ่องกง วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1901 เมื่อหยางซุนหยู อาจารย์มหาวิทยาลัยและอดีตผู้นำพรรคฟื้นฟูจีน กำลังพูดคุยกับลูกศิษย์นอกชั้นเรียนเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและการปฏิรูปประเทศจีนสู่สมัยใหม่ แต่ก็ถูก เหยียนเสี้ยวกั๋ว มือปราบจากราชสำนักชิงลอบยิงจากระยะไกลจนเสียชีวิต
จากนั้น จึงตัดมาในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1906 เมื่อดร.ซุนยัดเซ็น ได้เริ่มเดินทางจากญี่ปุ่นมายังฮ่องกงเพื่อประชุมแผนการปฏิวัติกับหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรจาก 13 มณฑล เมื่อพระนางซูสีไทเฮาทรงทราบข่าวจึงรับสั่งให้ส่งเหยียนเสี้ยวกั๋วไปลอบกำจัด ดร. ซุนยัดเซ็น และแล้ว เหยียนเสี้ยวกั๋วพร้อมด้วยมือสังหารจำนวนหนึ่งได้เข้าฮ่องกงแล้วว่าจ้างให้เสิ่นฉงหยางนายตำรวจผู้ติดการพนันและยอมทำทุกอย่างเพื่อเงินไปคอยติดตามความเคลื่อนไหวของเฉินเสี่ยวไป๋อดีตสมาชิกพรรคร่วมรบจีนซึ่งมีบทบาทสำคัญในขบวนการปฏิวัติของ ดร. ซุน

ตัวละครเอก จากซ้ายไปขวา
แถวบน - หลี่อิ้วถัง, หวังฟู่หมิง, ฟางหง
แถวล่าง - เติ้งซื่อตี้, หลิวยู่ไป๋, หลี่ฉงกวง

ตัวละครสำคัญอีกส่วนหนึ่ง จากซ้ายไปขวา
เฉินเสี่ยวไป๋, เสิ่นฉงหยาง, นายพลฟาง, เหยียนเสี้ยวกั๋ว และ ซื่อมี่ฟู่
เฉินเสี่ยวไป๋ได้เดินทางมาขอเงินสนับสนุนกับหลี่อิ้วถัง เจ้าของโรงพิมพ์และคหบดีคนสำคัญที่ทำหน้าที่ออกเงินทุนสนับสนุนการปฏิวัติโดยไม่ต้องการเอาตัวเองและครอบครัวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะลูกชายวัย 17 ปีของหลี่อิ้วถัง หลี่ฉงกวง ที่เพิ่งสอบติดมหาวิทยาลัยเยลล์ และเป็นเด็กหนุ่มที่ศรัทธาในอุดมการณ์ของคณะปฏิวัติมาก จากนั้น เฉินเสี่ยวไป๋จึงเดินทางไปที่โรงงิ้วเก้าเส้งเพื่อขอร้องการคุ้มครอง ดร. ซุนจากนายพลฟางอดีตผู้นำกองกำลังในศึกพันธมิตรแปดชาติ แต่ได้จัดตั้งคณะงิ้วในฮ่องกงเพื่อหลบหนีการตามล่าของราชสำนักชิง นายพลฟางรับปากโดยการคัดค้านและคับข้องใจของฟางหงลูกสาววัย 16 ปีที่เบื่อหน่ายกับอุดมการณ์ของบิดาจนต้องสูญเสียแม่ และระเหเร่ร่อนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งมาหลายปีแล้ว
หลี่อิ้วถังเดินทางด้วยรถลากโดยเติ้งซื่อตี้คนลากรถประจำตัว ระหว่างทางได้ส่งเหรียญเงินเป็นประจำให้แก่หลิวยู่ไป๋ อดีตคุณชายจากตระกูลมั่งมีที่กลายเป็นขอทานข้างถนนผู้ติดฝิ่นงอมแงมเนื่องจากบาดแผลทางใจที่ฝังลึก จากนั้น หลี่อิ้วถังได้พบเห็นการปลุกระดมของนักศึกษาและเหล่าปัญญาชนในฮ่องกงเพื่อคัดค้านระบอบการปกครองแบบดั้งเดิมของจีน และหลี่ฉงกวงได้เข้าร่วมด้วยจึงถูกตำหนิและคัดค้านจากบิดาอย่างรุนแรง แล้วหลี่อิ้วถังจึงกลับไปต่อว่าเฉินเสี่ยวไป๋ที่สำนักพิมพ์ในเรื่องนี้

ศาสตราจารย์หยางคุยเรื่องประชาธิปไตยกับนักศึกษาก่อนถูกลอบยิง

การเดินขบวนสนับสนุน ดร. ซุน ของนักศึกษาซึ่งฉงกวงเข้าร่วมด้วย

มือสังหารจากราชสำนักทำการสังหารหมู่คณะงิ้วของนายพลฟางและลักพาตัวเฉินเสี่ยวไป๋

ซื่อมี่ฟู่นำกำลังตำรวจเข้าปิดสำนักงานหนังสือพิมพ์ของหลี่อิ้วถัง
เฉินเสี่ยวไป๋ได้ทราบข่าวการมาถึงของมือสังหารจากราชสำนักชิง จึงรุดไปแจ้งแก่นายพลฟาง แต่ในขณะนั้น มือสังหารได้เข้าจู่โจมคณะงิ้ว ฆ่าทุกคนตายหมดรวมทั้งนายพลฟาง เฉินเสี่ยวไป๋ถูกจับตัวไป ฟางหงรอดไปได้จากการช่วยเหลือของบิดาที่ยอมสละชีวิตให้ หลี่อิ้วถังได้พบกับจดหมายของเฉินเสี่ยวไป๋ที่เล่าถึงความสำคัญของงานปฏิวัติและการพิทักษ์ ดร. ซุน พร้อมทั้งขอร้องให้หลี่อิ้วถังช่วยสานต่อ แต่เมื่อหลี่อิ้วถังได้พบกับการฆาตกรรมหมู่ของคณะงิ้ว แล้วเมื่อกลับมาได้พบว่าโรงพิมพ์ของเขาถูกสั่งปิดจากกรมตำรวจฮ่องกงโดยนายพลตำรวจเพื่อนสนิทซื่อมี่ฟู่ ฐานปลุกระดมมวลชน เขาจึงเกิดความโกรธจนถึงที่สุด แล้วจึงประกาศว่าจะเผยแพร่ข่าวการมาถึงของ ดร. ซุน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและความชื่นชมของคนทั่วไปและลูกชาย
หลี่อิ้วถังได้ปลุกเร้าผู้ร่วมขบวนการทุกคนให้ร่วมกันคุ้มกัน ดร. ซุนอย่างรัดกุมด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ และเริ่มเสาะหาคนมีฝีมือมาร่วมงาน โดยได้นำพัดประจำตระกูลของหลิวยู่ไป๋มาคืนให้และขอร้องให้ช่วยงานนี้ จากนั้น จึงไปขอร้องให้หวังฟู่หมิง พ่อค้าเต้าหู้เหม็นร่างยักษ์มาช่วยอีกแรง ฝ่ายเติ้งซื่อตี้คนลากรถก็ขอเข้าร่วมงานนี้ หลี่อิ้วถังจึงตอบแทนโดยไปเจรจาสู่ขออาฉือหญิงคนรักขาพิการของเติ้งซื่อตี้ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของห้องภาพ ได้สร้างความซาบซึ้งใจแก่เติ้งซื่อตี้เป็นที่สุด แล้วหลี่อิ้วถังได้ขอให้ลูกชายไม่ออกจากบ้านในช่วง 2-3 วันนี้
เฉินเสี่ยวไป๋ซึ่งถูกจับตัวไปได้รับความเคารพจากเหยียนเสี้ยวกั๋วซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์ของเขาที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันคนละขั้ว และได้มีการถกเถียงกันอย่างรุนแรง แต่เหยียนเสี้ยวกั๋วไม่ต้องการฆ่าอาจารย์ของเขาเอง ต่อมา ฟางหงได้เข้ามาขอพึ่งพาอาศัยหลี่อิ้วถัง โดยขอสานต่องานคุ้มกัน ดร. ซุนต่อจากพ่อของเธอด้วย

หลี่อิ้วถังประกาศตัวเป็นผู้นำการคุ้มกัน ดร. ซุน ต่อทุกคน

หลี่อิ้วถังวางแผนคุ้มกันขบวน ดร. ซุนยัดเซ็น

คนรักของเติ้งซื่อตี้อ่านหนังสือของ ดร.ซุนให้เขาฟัง
หลี่อิ้วถังได้เริ่มวางแผนการคุ้มกัน ดร. ซุนอย่างรัดกุมและเข้มแข็ง ซึ่งในกำหนดการ ดร. ซุนจะเดินทางไปประชุมที่สมาคมยาซูฮิโต บ้านของมารดา และมาแวะพักที่โรงพิมพ์ของเขา โดยกำหนดให้ฟางหงและหวังฟู่หมิงเป็นผู้คุ้มกันขบวนและมีเพื่อน ๆ ของเติ้งซื่อตี้มาร่วมสมทบด้วย ส่วนซื่อมี่ฟู่ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจชาวอังกฤษให้ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการมาของ ดร.ซุน หลี่อิ้วถังได้พยายามดูแลคนที่มาร่วมงานทุกคนอย่างเต็มที่ด้วยความเอาใจใส่และเป็นกันเอง แล้วในค่ำคืนก่อนเริ่มงาน เขาได้ออกไปพูดคุยกับหลิวยู่ไป๋ซึ่งในอดีตได้หลงรักผู้หญิงคนรักของพ่อจนพ่อต้องช้ำใจตาย แล้วหญิงคนรักก็ฆ่าตัวตายกลายเป็นบาดแผลทางใจที่หลอกหลอนหลิวยู่ไป๋จนเสียผู้เสียคน แต่เขาตัดสินใจรับงานนี้เพื่อหวังการหลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์นี้ ในคืนนั้น เขาได้อาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาด โกนหนวดเคราจนหมดจด

เหล่าผู้ร่วมงานร่วมรับประทานอาหารอย่างพร้อมหน้า

คุณนายหลี่มาขอร้องให้เสิ่นฉงหยางช่วยคุ้มครองหลี่อิ้วถัง
คุณนายหลี่ซึ่งเป็นนางอนุของหลี่อิ้วถังได้มาพบกับเสิ่นฉงหยางซึ่งเป็นอดีตสามีของเธอ แต่ได้ละทิ้งเขามาอยู่กับหลี่อิ้วถังเพราะเขาติดการพนันจนไม่มีอนาคต แล้วขอร้องให้ช่วยคุ้มกันหลี่อิ้วถัง แต่เขาปฏิเสธอย่างหนักจนเธอต้องบอกว่าลูกสาวของเธอที่หลี่อิ้วถังเลี้ยงดูอยู่นั้น คือ เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ซึ่งเธอยินดีที่จะบอกลูกเมื่อโตขึ้นถึงพ่อที่แท้จริง ถ้าเขายอมรับงานนี้และให้เขาได้ใกล้ชืดกับลูกสาวด้วย เสิ่นฉงหยางจึงได้สำนึกและยอมรับปากว่าจะช่วย แล้วเขาจึงถอนตัวจากพวกมือสังหารโดยทำร้ายลูกน้องของเหยียนเสี้ยวกั๋ว
เฉินเสี่ยวไป๋ได้ลักลอบหนีออกจากที่คุมขังได้ในสภาพที่บาดเจ็บจนมาถึงบ้านของหลี่อิ้วถัง เขาเสนอให้หาคนมาปลอมตัวเป็น ดร. ซุน เพื่อหลอกล่อมือสังหารของราชสำนัก แต่หลี่อิ้วถังไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เฉินเสี่ยวไป๋ยังแอบนำลูกน้องมาจับสลากเพื่อหาคนมาเป็น ดร. ซุนตัวปลอม โดยหลี่ฉงกวงแอบมาร่วมด้วยและจับสลากได้ แม้ว่าเฉินเสี่ยวไป๋จะคัดค้านอย่างไรก็ตาม หลี่ฉงกวงก็ยังคงดึงดันที่จะรับงานปลอมตัวให้ได้

เรือที่ ดร. ซุนโดยสารเดินทางมาถึงฮ่องกง
เมื่อถึงวันที่ 15 ตุลาคม 1906 ดร. ซุนจึงเดินทางมาถึงท่าเรือฮ่องกงตามเวลา คณะผู้ต้อนรับได้มารอรับที่ท่าเรือ ทั้งดร .ซุนและคณะได้ขึ้นรถลากโดยมีผ้าม่านปิดคลุมแน่นหนา แล้วเดินทางจากท่าเรือ ด้วยการเฝ้าอารักขาของขบวนการปฏิวัติผ่านถนนหวงโห่ และแล้ว เหล่าเมือสังหารได้เริ่มงานโดยการฆ่าคนเฝ้าระวังทาง แล้วระดมยิงลูกธนูจากชั้นบนของอาคารทั้ง 2 ฝั่ง แต่ก็ถูกหลี่ฟู่หมิง ฟางหง และเสิ่นฉงหยางสกัดกั้นด้วยวิชาการต่อสู้จนขบวนสามารถผ่านไปได้ โดยมีคนร่วมขบวนต้องเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง และหลี่ฟู่หมิงถูกชาวบ้านที่รับเงินจากมือสังหารรุมแทงจนบาดเจ็บสาหัส ส่วนหลี่อิ้วถังไม่ได้มาด้วย เพราะนาฬิกาของเขาถูกตั้งเวลาให้ล่าช้า และเติ้งซื่อตี้ได้โกหกคนในบ้านเพื่อไม่ให้หลี่อิ้วถัง ออกมาร่วมขบวนด้วย
ขบวนของ ดร. ซุนเดินทางผ่านถนนหวงโห่จนมาพบกับขบวนเชิดสิงโตซึ่งที่จริงแล้ว คือ มือสังหารอีกชุดที่ดักรออยู่ แล้วการลงมือจึงเริ่มขึ้นซึ่งทีมคุ้มกันได้ต่อสู้จนถึงที่สุดจนล้มตายไปทั้งสองฝ่ายไปอีกจำนวนหนึ่ง แล้วหวังฟู่หมิงในสภาพบาดเจ็บสาหัสได้มาสมทบแล้วช่วยสกัดกั้นมือสังหารจนต้องพลีชีพไปในที่สุด

ดร. ซุนเดินทางออกจากท่าเรือไปยังสถานที่ประชุม
และแล้ว ดร. ซุนจึงมาสมาคมยาซูฮิโตแล้วเริ่มการประชุมร่วมกับหัวหน้าพันธมิตรทั้ง 13 มณฑล ในห้องใต้ดิน ระหว่างการประชุม ได้มีการจัดขบวนของ ดร. ซุนตัวปลอมโดยหลี่ฉงกวงเพื่อล่อพวกมือสังหารให้ติดตามขบวนปลอมออกไป จากนั้น ฟางหงได้ติดตามมือสังหารไปจนเข้าไปในร้านที่ถูกเช่าไว้ระหว่างทาง ในนั้นมีการเตรียมดินระเบิดไว้แล้วสำหรับระเบิดขบวน ดร. ซุน ฟางหงได้ต่อสู้ขัดขวางสุดฤทธิ์จนต้องระเบิดพลีชีพไปกับมือสังหาร แล้วหลี่อิ้วถังจึงตามมาสมทบขบวนโดยไม่รู้ว่าลูกชายปลอมตัวเป็นซุนยัดเซ็น แล้วก็มีตำรวจซึ่งเหยียนเสี้ยวกั๋วซื้อตัวไว้เข้ามาหมายจะฆ่า ดร. ซุน แต่ถูกเสิ่นฉงหยางลอบยิงจากยอดตึก เหตุการณ์นี้ อยู่ในสายตาของเหยียนเสี้ยวกั๋วด้วยความโกรธ เขาจึงสั่งให้ลูกน้องฝีมือดีไปกำจัดเสิ่นฉงหยางโดยด่วน
ขบวน ดร. ซุนตัวปลอมพร้อมด้วยหลี่อิ้วถังถูกจับโดยซื่อมี่ฟู่และกองตำรวจที่มากับเขา แล้วคุมตัวไป แต่ความเป็นจริง ซื่อมี่ฟู่ได้นำกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือมาคุ้มกันขบวนให้เดินทางไปจนถึงบ้านแม่ของ ดร. ซุน อย่างปลอดภัย ซึ่งซื่อมี่ฟู่ทำได้แค่นั้น ฝ่ายเสิ่นฉงหยางถูกตามล่าจากลูกน้องของเหยียนเสี้ยวกั๋วจนต้องต่อสู้กันกลางตลาดด้วยวิชากังฟูจนต้องบาดเจ็บหนักทั้ง 2 ฝ่าย แต่ในที่สุด เสิ่นฉงหยางก็ได้รับชัยชนะแล้วปลิดชีพมือสังหารได้ แต่ก็ต้องสะบักสะบอมอย่างหนัก

เหล่าผู้คุ้มกันต่างเฝ้าระวังขบวนอย่างเต็มที่
ซื่อมี่ฟู่และกองกำลังตำรวจนำขบวน ดร. ซุน ตัวปลอมมาจนถึงบ้านแม่ ดร. ซุน แล้วจึงถอนตัวจากไป เหล่ามือสังหารจึงดาหน้าติดตามมา แต่ที่หน้าบ้านแม่ ดร. ซุน หลิวยู่ไป๋ พร้อมด้วยพัดประจำตระกูลซึ่งเป็นอาวุธคู่กายได้เข้าขวางไว้จนทุกคนเข้าไปในบ้านได้ แล้วหลิวยู่ไป๋จึงต้องต่อสู้กับเหล่ามือสังหารอย่างทรหดอดทนจนมือสังหารถูกกำจัดหมดสิ้น หลิวยู่ไป๋ซึ่งบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายได้ขัดขวางเหยียนเสี้ยวกั๋วซึ่งมาสมทบเป็นคนสุดท้าย แล้วต้องพลีชีพไป
คณะ ดร. ซุนปลอมรีบออกจากบ้านแม่ ดร. ซุน หลี่อิ้วถังตามไปไม่ทัน แต่ได้เห็นว่าลูกชายตัวเองปลอมตัวเป็น ดร. ซุน ได้แต่ตามหาขบวนต่อไปในตลาด ได้พบกับเสิ่นฉงหยางที่สะบักสะบอมแล้วมอบตุ๊กตาให้ไปนำไปให้ลูกสาว แล้วสั่งให้หลี่อิ้วถังหลบไป แล้วเสิ่นฉงหยางจึงพลีชีพขวางทางเหยียนเสี้ยวกั๋วที่กำลังขี่ม้าติดตามขบวน ดร. ซุน แต่เหยียนเสี้ยวกั๋วก็มาทันขบวน ดร. ซุน ปลอม ทุก ๆ คนพยายามต่อสู้ขัดขวาง แต่ถูกเหยียนเสี้ยวกั๋วฆ่าตายหมด รวมทั้งเติ้งซื่อตี้ที่ได้พลีชีพขัดขวางจนถึงที่สุด เหลือเพียงเฉินเสี่ยวไป๋ที่ลากรถลากพาหลี่ฉงกวงหนีต่อไป

ขบวน ดร. ซุนถูกลอบโจมตีจากมือสังหารด้วยหน้าไม้และธนูอย่างหนัก
ดร. ซุนยัดเซ็นประชุมกับหัวหน้าสาขาถึงแผนการปฏิวัติจนเสร็จสิ้นแล้วจึงกล่าวขอบคุณ แล้วออกเดินทางจากไป ฝ่ายเฉินเสี่ยวไป๋ได้พาหลี่ฉงกวงหนีจนพบกับเหยียนเสี้ยวกั๋วซึ่งตั้งใจจะกำจัด ดร. ซุนให้ได้ แม้ว่าเฉินเสี่ยวไป๋จะพยายามห้ามโดยบอกว่าคนในรถลากไม่ใช่ ดร. ซุน แต่เหยียนเสี้ยวกั๋วก็ยังทำร้ายคนในรถลากโดยไม่ดู และไม่รู้ว่าไม่ใช่ ดร. ซุน เฉินเสี่ยวไป๋จึงใช้ปืนยิงใส่เหยียนอย่างจวนตัวจนตาย แต่ก่อนตายก็ยังแสดงความเคารพเฉินเสี่ยวไป๋ในฐานะอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย และเมื่อหลี่อิ้วถังมาถึงจึงได้พบกับลูกชายซึ่งพลีชีพไปแล้ว เขาจึงได้แต่ร้องไห้เพราะใจสลายต่อการสูญเสียลูกชาย พร้อมด้วยเฉินเสี่ยวไป๋ซึ่งได้แต่ช็อกและเสียใจอย่างหนัก
ดร. ซุนออกเดินทางจากฮ่องกงด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและขมขื่นปรากฏในสีหน้าและแววตา เพราะตระหนักดีถึงการเสียสละของคนจำนวนมากเพื่อช่วยคุ้มกันเขาให้ทำงานปฏิวัติให้สำเร็จ
จากนั้น ในปี ค.ศ. 1907 เดือนพฤษภาคม ได้เกิดเหตุจลาจลที่หงกวงและฮุ่ยโจว ในเดือนกันยายน เกิดจลาจลในฟางเฉิง เดือนธันวาคม เกิดจลาจล ณ ประตูมิตรภาพ ปี ค.ศ. 1908

ซื่อมี่ฟู่นำกำลังตำรวจมาแอบคุ้มกันหลี่อิ้วถังและนำขบวน ดร. ซุน
เดือนมีนาคม เกิดจลาจลในเฉินโจว เดือนเมษายน เกิดจลาจลในยูนนาน ปี ค.ศ. 1910 เดือนกุมภาพันธ์ เกิดจลาจลในกวางโจว ปี ค.ศ. 1911 เดือนเมษายน เกิดจลาจลในหวงฮัวกัง
ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1911 จลาจลในอู่ชางจบลงพร้อมความสำเร็จของคณะปฏิวัติซินไห่ซึ่งโค่นล้มราชวงศ์ชิงได้ในที่สุด
5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็นเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่จับเอาเนื้อหาประวัติศาสตร์อันใกล้ของจีนมาสร้างเรื่องราวประกอบเพื่อเพิ่มความเข้มข้นและความเป็นดราม่าให้แก่งานปฏิวัติของ ดร.ซุนยัดเซ็นบิดาของสาธารณรัฐจีนยุคใหม่ โดยแต่งเติมเรื่องราว ตัวละคร และประเด็นอื่น ๆ เข้าไปอย่างมีลำดับทำให้เรื่องราวดูเป็นจริง สร้างความโดดเด่นของสถานการณ์การต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และการปฏิวัติได้เป็นอย่างดี
เหตุการณ์การเดินทางมายังฮ่องกงของ ดร. ซุนในวันที่ 15 ตุลาคม 1906 ตามเนื้อเรื่องในภาพยนตร์นั้น จากการศึกษาค้นคว้าไม่พบว่า ดร. ซุนได้เดินทางมายังฮ่องกงในวัน เวลาดังกล่าวเพื่อร่วมประชุมก่อการกับหัวหน้าขบวนการอื่น ๆ แต่อย่างใด แต่มีการบันทึกว่า ดร. ซุนได้ตระเวนเดินทางไปทั่วเอเชียและรอบโลกในช่วงปี ค.ศ. 1903 - 1907 เพื่อระดมทุนและขอความร่วมมือ ในปี ค.ศ. 1905 ดร.ซุน ทำการก่อตั้งพรรคถงเหมิงฮุ่ยเพื่อก่อการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์ชิงที่นครโตเกียว ซึ่งได้กลายเป็นที่มาของการเกิดปฏิวัติซินไฮ่และโค่นล้มราชวงศ์ชิงได้ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1911 โดยเริ่มจากการจลาจลที่อู่ชางซึ่งกองทัพปฏิวัติที่นั่นจำเป็นต้องลุกขึ้นก่อการก่อนเวลาที่กำหนด โดยบุกเข้ายึดเมืองอู่ชาง จากนั้นในวันถัดมากลุ่มปฏิวัติในฮั่นหยาง และฮั่นโข่วที่ได้ข่าวก็ได้ลุกขึ้นยึดเมืองทั้งสอง จนกระทั่งกลุ่มปฏิวัติสามารถควบคุมเมืองทั้งสามในอู่ฮั่นได้จนหมดสิ้น

มือสังหารของเหยียนเสี้ยวกั๋วต่อสู้กับเสิ่นฉงหยาง
การลุกฮือที่ประสบความสำเร็จในอู่ชาง ได้ปลุกกระแสการล้มล้างราชวงศ์ชิงให้ยิ่งขว้างขวางออกไป และส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของราชสำนักต้าชิงเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งในลำดับต่อมา ได้มีการจัดทั้งรัฐบาลทหารหูเป่ย และประกาศเอกราชขึ้น หลังจากนั้นหูหนาน ส่านซี ซันซี หยุนหนัน เจียงซี กุ้ยโจว เจียงซู กว่างซี อันฮุย ฝูเจี้ยน กว่างตง ซื่อชวนก็ได้ทยอยกันประกาศเอกราช ล้มล้างราชวงศ์ชิง ซึ่งประวัติศาสตร์ได้เรียกการปฏิวัตินี้ว่าการปฏิวัติซินไฮ่ ตามปีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น
คุณค่าสำคัญทางประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ การให้ความหมายแก่การปฏิวัติจีนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ ซึ่งประกอบด้วยคนหลากหลายฐานะ ตั้งแต่ชนชั้นพ่อค้าและนายทุนอย่างหลี่อิ้วถังจากการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมานั่งสั่งการอยู่เบื้องหน้า ชนชั้นปัญญาชนอย่างเฉินเสี่ยวไป๋และหลี่ฉงกวง ชนชั้นปกครองอย่างนายตำรวจซื่อมี่ฟู่ ชนชั้นกรรมาชีพอย่างนายพลฟางผู้มีอุดมการณ์และฟางหงบุตรสาวผู้ตัดสินใจสืบต่องานของพ่อ พ่อค้าเต้าหู้เหม็นหวังฟู่หมิงอดีตพระวัดเส้าหลินผู้ต้องการแสดงความสามารถ คนลากรถเติ้งซื่อตี้ที่ร่วมงานนี้เพื่อหวังจะตอบแทนบุญคุณของเจ้านาย รวมทั้งคนอีกมากที่เสียสละเข้าร่วมงานนี้ และมีบางคนที่ไม่ได้มีอุดมการณ์แต่เข้าร่วมงานเพราะต้องการแก้ไขความผิดพลาดในชีวิตอย่างตำรวจติดการพนัน เสิ่นฉงหยาง คนที่ล้มเหลวในชีวิตจากบาดแผลฉกรรจ์ทางใจอย่างหลิวยู่ไป๋ คนเหล่านี้อาจเรียกได้ว่าเป็นนักสู้ธุลีดินเท่านั้น นอกจากนี้ พวกเขาทั้งหมดยกเว้นเฉินเสี่ยวไป๋ โดยเนื้อแท้แล้วไม่ได้รู้จัก ดร. ซุนยัดเซ็นเป็นการส่วนตัว แต่การได้มาร่วมงานป้องกัน ดร. ซุนนั้นนับเป็นการย้ำถึงการมีส่วนร่วมและเสียสละของชนทุกชั้นที่มีส่วนในการสร้างชาติใหม่อย่างแท้จริง

หลิวยู่ไป๋ต่อสู้กับมือสังหารของเหยียนเสี้ยวกั๋ว
สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกต คือ เหล่าตัวละครผู้เสียสละนั้นจริง ๆ แล้วไม่มีตัวตนจริงแต่อย่างใด แต่กลับได้รับการจารึกชื่อ ประวัติ และวีรกรรมไว้ในตัวภาพยนตร์อย่างชัดเจนราวกับว่ามีตัวตนจริง (ซึ่งใครที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์อาจเชื่อว่ามีบุคคลเหล่านี้จริงก็ได้) ซึ่งนับเป็นการเทอดเกียรติเหล่านักสู้ธุลีดินที่ถูกสมมติขึ้นในประวัติศาสตร์กลุ่มนี้อย่างจริงจัง
นอกจากนี้ คุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกประการ คือ การบรรยายถึงความยากลำบาก การเสี่ยงอันตราย และความเจ็บปวดของงานปฏิวัติที่ต้องต่อสู้กับอำนาจการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ดำเนินมากว่า 3 พันปีของจีน แล้วยังได้ระบุถึงความหมายของการปฏิวัติในความหมายอันแท้จริงที่ ดร. ซุนได้ศึกษามาจากประวัติศาสตร์ชาติอื่นและได้ประสบมากับตัวเอง จากการที่เขาถูกจับและกักตัวไว้ในสถานกงสุลจีนในกรุงลอนดอนในวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1896 เป็นเวลา 12 วัน และเกือบถูกกำจัด (ในภาพยนตร์มีการกล่าวถึงหนังสือชื่อ ลักพาตัวในลอนดอน ที่เขียนโดย ดร. ซุน) แนวทางการเปลี่ยนแปลงแบบสันติและหวังการปรองดองกับขั้วอำนาจเก่าในการนำของถานซื่อถง และการสนับสนุนของฮ่องเต้กวงซี่ ในปี ค.ศ. 1897 แต่ด้วยการทรยศของหยวนซื่อข่าย การก่อการจึงล้มเหลว ผู้มีอำนาจเบื้อหลังตัวจริงในขณะนั้น คือ พระนางซูสีไทเฮาได้สั่งการให้จับหัวหน้าคณะทั้ง 6 ไปประหารที่ตลาดกลางกรุงปักกิ่ง ซึ่งในประวัติศาสตร์เรียกว่า “6 วิญญูชนแห่งเหตุการณ์อู้ซี” เหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้แนวคิดเรื่องการปฏิวัติของเขาเปลี่ยนแปลงไปเป็นดังที่เขาได้กล่าวสรุปในตอนท้ายเรื่องว่า การปฏิวัติคือการหลั่งเลือดนั่นเอง รวมถึงการเสียสละทั้งชีวิตของตนเพื่อให้การปฏิวัติสำเร็จเสร็จสิ้นลง
สำหรับเหตุการณ์จลาจลต่าง ๆ ที่ได้ถูกกล่าวถึงในท้ายเรื่องว่าเกิดขึ้นในช่วง ปี ค.ศ. 1907 – 1911 อันนำไปสู่การปฏิวัติซินไฮ่นั้น จากการศึกษาค้นคว้า การจลาจลเหล่านี้เกิดขึ้นจากการวางแผนและการสั่งการของขบวนการถงเหมิงฮุ่ย โดย ดร.ซุน ซึ่งยังต้องเร่ร่อนไปยัง ยูเอ.. อุ๊บ ผิดครับ เวียดนาม สิงคโปร์ ปีนัง (มาลายู) แล้วจึงต้องระเห็จไปตั้งหลักอยู่ที่มอนเต... โอ๊ะ ไม่ใช่ครับ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เพราะถูกบรรดารัฐบาลของประเทศเจ้าอาณานิคมขับไล่จากการเรียกร้องของรัฐบาลชิง และการปฏิวัติได้สำเร็จในช่วงเที่เขาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกานั่นเอง

เหยียนเสี้ยวกั๋วทำร้ายทุกคนที่ขัดขวางเขาไม่ให้ฆ่า ดร. ซุน
อย่างไรก็ตาม บทภาพยนตร์ยังให้เหตุผลบางประการแก่ฝ่ายอำนาจเก่าของราชสำนักชิงในการพิทักษ์รักษาอำนาจโดยผ่านทัศนะของเหยียนเสี้ยวกั๋วผู้ยึดมั่นในหลักการปกครองและสังคมแบบดั้งเดิม ในการถกเถียงกับเฉินเสี่ยวไป๋ถึงความเหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองโดยยึดเอาหลักการของชนชาติตะวันตกที่รุกราน ปล้มสะดมภ์จีนในช่วงเวลานั้น รวมถึงการวิพากษ์ขบวนการปฏิวัติที่อ่อนแอกับการปกครองแผ่นดินที่เขาคิดว่ายังจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการเด็ดขาดในการปกครองให้เป็นปึกแผ่น นอกจากนี้ เหยียนเสี้ยวกั๋วยังรักษาคุณธรรมดั้งเดิมอันสำคัญของชนชาติจีน และชาวเอเชียได้อย่างเคร่งครัด คือ การที่เขาแสดงความกตัญญูโดยไม่เคยคิดจะฆ่าหรือทำร้ายเฉินเสี่ยวไป๋อดีตอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาแม้ว่าจะกลายมาเป็นศัตรูต่อราชสำนักที่เขารับใช้อยู่ก็ตาม
อีกประเด็นของประวัติศาสตร์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ การนำเอาวาทกรรมเด่น ๆ ของ ดร. ซุนยัดเซ็นเกี่ยวกับที่มาและรายละเอียดของอุดมการณ์ปฏิวัติ การวิพากษ์สังคมประเทศจีนในเวลานั้นมากล่าวถึงผ่านตัวละครประกอบบางตัวเพื่อเน้นถึงสภาพอันเป็นจริงของประเทศจีนในเวลานั้นที่จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่แท้จริงเพื่อแก้ไขปัญหาอันเรื้อรังมานาน

ฉากสุดท้ายของความสูญเสียกับการมาถึงของ ดร. ซุน
ในด้านงานสร้าง นับว่าสมศักดิ์ศรีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์กับการเนรมิตเมืองฮ่องกงเมื่อ 100 ปีก่อนออกมาได้อย่างสมจริง (อันที่จริง ภาพยนตร์จีนการกำกับศิลป์ของพวกเขาก็อยู่ในระดับดีอยู่แล้ว) กับรายละเอียดที่ยอดเยี่ยมและสร้างความสมจริงให้กับภาพยนตร์อย่างกลมกลืนที่สุด ดารานำและดาราประกอบทุกคนต่างสวมบทบาทได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะ ฮูจุนที่รับบทเหยียนเสี้ยวกั๋วที่เขาทำบทบาทของตัวละครตัวนี้ได้อย่างมีมิติของความเป็นผู้จงรักภักดีที่เปี่ยมอุดมการณ์ ไม่ใช่คนบ้ากระหายเลือด หรือพวกคนใจโหดแบบไร้เหตุผล ส่วนฟ่านปิงปิง เธอทำบทบาทของคุณนายหลี่ที่อาจจะมีบทน้อยไปหน่อย แต่ก็น่าประทับใจ ส่วนหลี่หมิงที่ดูแก่ไปเยอะ ได้ทำบทบาทของขอทานผู้แบกความทุกข์ไว้จนชีวิตขาดวิ่น และเมื่อตอนที่เขาเปลี่ยนโฉมกลับมาเป็นคุณชายหลิวก็ยังนับว่าดูดีและภูมิฐานไม่เบา แต่สำหรับหวังเสวี่ยฉีที่รับบทหลี่อิ้วถังนั้น ผมคิดว่าดูไม่เข้มและไม่องอาจเท่าไหร่นักกับบทบาทที่ต้องสั่งการเบื้องหน้า ใจจริง ผมคิดว่าน่าจะเอาดาราระดับอดีตซุปเปอร์สตาร์อย่างเดวิดเจียงหรือตี้หลุงมารับบทนี้ น่าจะทำให้ดูดีกว่านี้ครับ แต่สำหรับคนที่สร้างความประทับใจมากที่สุด คือ ผู้ที่รับบทบาท ดร. ซุนยัดเซ็น ที่มีหน้าตาใกล้เคียงกับ ดร. ซุนตัวจริงมาก พอมีการแต่งหน้าและอาศัยมุมกล้อง รวมทั้งใช้เทคนิคอื่น ๆ ก็นับว่าสมบทบาทของ ดร. ซุนตัวจริงอย่างยิ่ง ส่วนตัวประกอบบางคน เช่น อาฉุนคนรักของเติ้งซื่อตี้ ที่ผมคิดว่าจะมีบทแค่ทำสีหน้าและเดินไปมาเท่านั้น กลับได้รับบทที่น่าสนใจจากการอ่านถ้อยคำอันน่าประทับใจในหนังสือของ ดร. ซุน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้คนดูไม่ให้ลืม ดร. ซุน ที่กว่าจะปรากฏตัวและมีบทบาทก็ในตอนท้ายเรื่องได้เป็นอย่างดี
จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกประการคือ การเดินเรื่องที่กระชับ และใช้กลวิธีการสร้างเรื่องราวที่กระชับและเป็นเหตุเป็นผลกันตลอดเรื่องจนคนดูไม่เกิดความเบื่อหน่าย ซึ่งคนที่หัดเขียนบทภาพยนตร์น่าจะใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่ดีได้ อย่างไรก็ตาม การโชว์ฉากกังฟูตอนท้ายเรื่องดูจะน้อยไปนิดไม่น่าจะสะใจแฟน ๆ ขาบู๊ของเจิ้นจื่อตัน ส่วนการต่อสู้แบบวรยุทธ์ที่เหนือจริงของเม็งบาเตีย หลี่หยูชุน และหลี่หมิงทำให้ตัวภาพยนตร์ดูขัดกับการเดินเรื่องแบบสมจริงมาแต่ต้น แม้ว่าจะช่วยเสริมความสนุกสนานเป็นอย่างดี

ดร. ซุนยัดเซ็นบนเรือโดยสารออกจากฮ่องกงด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดเพราะตระหนักถึงการหลั่งเลือดเพื่อตัวเขา
สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่าทำให้ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ดูดีและกลมกลืนกับประวัติศาสตร์จริงในช่วงนั้นเป็นอย่างมากก็คือ การสะท้อนอุดมการณ์ของ ดร. ซุน นักปฏิวัติผู้เป็นมหาบุรุษแห่งชาติจีนสมัยใหม่ผ่านตัวละครและเรื่องราวแบบธรรมดาที่สุดให้เกิดความน่าสนใจจนถึงขั้นอินไปกับอุดมการณ์ของคำว่าการปฏิวัติที่แท้จริง
อีกเรื่องหนึ่ง คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สะท้อนถึงประชาธิปไตยที่ไม่เคยได้มาด้วยการร้องขอ แต่ต้องมาจากการต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ซื่อตรง อุทิศตน และเสียสละให้แก่อุดมการณ์แบบมหาบุรุษอย่างแท้จริงครับ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อภาษาไทย 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น
ชื่อภาษาอังกฤษ Bodyguards and Assassins
ผู้กำกับ เท็ดดี้ เฉิน
ผู้อำนวยการสร้าง ปีเตอร์ ชาน, หวง เจียนซิน
นักแสดง
- เจิ้น จื่อตัน : เสิ่นฉงหยาง
- หวังเสวี่ยฉี : หลี่อิ้วถัง
- เหลียงเจียฮุย : เฉินเสี่ยวไป๋
- เซียะถิงฟง : เติ้งซื่อตี้
- หลีหยูชุน : ฟางหง
- เยิ่นต๊ะหัว : นายพลฟาง
- หวังปั๋วเจี๋ย : หลี่ฉงกวง
- เจิ้นจื่อเหว่ย : ซื่อมี่ฟู่
- ฟ่านปิงปิง : คุณนายหลี่
- เม็งบาเตีย : หวังฟู่หมิง
- ฮูจุน : เหยียนเสี้ยวกั๋ว
- หลี่หมิง : หลิวยู่ไป๋
- จางเซี๊ยะโหย่ว : หยางซุนหยู
คำพูดจากภาพยนตร์
- นอกเหนือจากสงครามกับความทุกข์ ความอัปยศเท่าที่ผ่านมา อย่างอื่นมีอะไรอีก ที่พวกฝรั่งบ้านั้นนำมามอบให้กับพวกเรา (เหยียนเสี้ยวกั๋ว)
- ความเชื่อที่ว่า ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน แล้วทำไมบางคนในแผ่นดินจึงเกิดมาเป็นจักรพรรดิผู้ทรงอภิสิทธิ์ ในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องเกิดมาเป็นทาสล่ะ (เฉินเสี่ยวไป๋)
- การศึกษาแบบตะวันตกสอนให้ผมเห็นว่า ที่แท้แล้ว ไอ้พวกฝรั่งน่ะทั้งร้ายทั้งโลภขนาดไหน คิดว่าพวกคุณแค่ประชุมกับประท้วงแล้วจะช่วยจีนให้พ้นภัยได้เหรอ (เหยียนเสี้ยวกั๋ว)
(บทสนทนาถึงทัศนะทางการเมืองที่แตกต่างกันระหว่างเฉินเสี่ยวไป๋กับเหยียนเสี้ยวกั๋ว)
- ข้าพเจ้าสละอาชีพแพทย์ เพื่อร่วมล้มล้างจักรวรรดิชิง และปลดปล่อยพี่น้องร่วมชาติให้พ้นทุกข์เข็ญ ตอนที่ข้าพเจ้าออกจากฮ่องกงต้องทนลำบากยิ่งยวดในการเดินทาง แม่ข้าพเจ้าวิตกมาก ท่านพูดว่า การปฏิวัตินั้นช่วยชีวิตคนได้ แต่การแพทย์ก็ช่วยได้เช่นกัน แล้วทำไมจึงเลือกหนทางที่ยากกว่าเล่า ข้าพเจ้าบอกว่า มีอีกมากที่แม่ไม่เข้าใจ การแพทย์อาจช่วยชีวิตคนได้หยิบมือ แต่การปฏิวัติจะช่วยชีวิตคนได้นับล้าน ๆ ชีวิตแน่นอน หลัง 260 ปีใต้อำนาจชนต่างชาติ กับสองพันปีภายใต้ประมุขเผด็จการ ชาติจีนเราตกต่ำลง รัฐบาลแมนจูที่โกงกินเกินว่าประชาชนธรรมดาจะรับได้ นับวันมีแต่จะทำให้เกิดทุกข์เข็ญยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า คลื่นปฏิวัติกำลังเอ่อท้น ความต้องการของประชาชนจะกำชัยชนะ เราต้องรวบรวมความกล้าเพื่อโค่นราชวงศ์ชิง และก่อตั้งชาติที่เป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง เส้นทางการปฏิวัติย่อมนองเลือด ชีวิตข้าพเจ้าถูกลิขิตให้ตายเมื่อถึงฆาต ทว่า สาธารณรัฐเราจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง เราต้องดิ้นรนเพื่อจะเอาชนะอุปสรรคต่อไปเพื่อยุติความทุกข์ยากของผู้คนนับล้าน ๆ และอีกหลายล้านคนที่ถูกเนรเทศให้ได้กลับคืนสู่มาตุภูมิ
(ข้อความในหนังสือของ ดร. ซุนยัดเซ็นที่อาฉุนอ่านให้เติ้งซื่อตี้ฟัง)
- ไปรักผู้หญิงที่ไม่ควรจะรัก จนพ่อช้ำใจตาย มิหนำซ้ำเธอฆ่าตัวตายต่อหน้าฉันอีก ฉันต้องอยู่อย่างละอายใจ ฉันเหมือนภูตผีตนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรเจ็บปวดกว่านี้อีกแล้ว
(หลิวยู่ไป๋รำพันถึงอดีตอันเจ็บปวดที่หลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลาต่อหลี่อิ้วถัง)
- งานปฏิวัติไม่ใช่เพียงแค่ทุ่มเงิน พิมพ์หนังสือ และแจกใบปลิว ความหมายของการปฏิวัติคือการหลั่งเลือดและยอมเสียสละ
(เฉินเสี่ยวพูดกับหลี่อิ้วถังเมื่อต้องหาคนมาปลอมตัวเป็นซุนยัดเซ็น)
- อาซื่อ ครั้งหนึ่ง นายเคยเล่าให้ฉันฟังว่า ทุกคืน เวลาที่นายหลับตาลงนายมักจะฝันเห็นแต่อาฉุน แต่เวลาฉันหลับตา ฉันเห็นอนาคตของจีน
(หลี่ฉงกวงพูดกับเติ้งซื่อตี้ถึงทัศนะของเขาเกี่ยวกับอนาคตของชาติ)
- “เมื่อ 10 ปีก่อน ผมกับชูจุนได้คุยกันเรื่องการปฏิวัติ ผมพูดขึ้นว่า เราจะปฏิวัติเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของคน 400 ล้านคนให้ไม่ต้องอดอยากขาดแคลน 10 ปีผ่านมาแล้ว ผมได้เห็นบรรดาสหายเสียสละชีวิต ผมโดนเนรเทศและได้กลับมา คำว่าปฏิวัติไม่ได้มีความหมายเดิม ๆ อีกต่อไป ถ้าถามผมว่าการปฏิวัติคืออะไร ผมจะตอบว่า ชาติจะก้าวหน้า หากเราเสียสละ เส้นทางอารยะธรรมฉาบด้วยหยดเลือด และเลือดนั้นเรียกว่าการปฏิวัติ”
(ดร. ซุนยัดเซ็น พูดถึงความหมายของการปฏิวัติหลังจบการประชุมวางแผนกับหัวหน้ากลุ่มพันธมิตร 13 มณฑล)
อ่านเพิ่มเติม
- ซุนยัดเซ็น ผู้พลิกประวัติศาสตร์จีน โดย วัชระ ชีวะโกเศรษฐ
- ที่สุดของเมืองจีน โดย สุขสันต์ วิเวกเมธากร
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับเต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์