dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น เมื่อการปฏิวัติ คือ การหลั่งเลือด
วันที่ 19/05/2013   18:39:13

โดย "คนเล่าเรื่อง"

เปิดเรื่องที่ฮ่องกง วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1901 เมื่อหยางซุนหยู อาจารย์มหาวิทยาลัยและอดีตผู้นำพรรคฟื้นฟูจีน กำลังพูดคุยกับลูกศิษย์นอกชั้นเรียนเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและการปฏิรูปประเทศจีนสู่สมัยใหม่  แต่ก็ถูก เหยียนเสี้ยวกั๋ว มือปราบจากราชสำนักชิงลอบยิงจากระยะไกลจนเสียชีวิต

จากนั้น จึงตัดมาในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1906 เมื่อดร.ซุนยัดเซ็น ได้เริ่มเดินทางจากญี่ปุ่นมายังฮ่องกงเพื่อประชุมแผนการปฏิวัติกับหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรจาก 13 มณฑล เมื่อพระนางซูสีไทเฮาทรงทราบข่าวจึงรับสั่งให้ส่งเหยียนเสี้ยวกั๋วไปลอบกำจัด ดร. ซุนยัดเซ็น  และแล้ว เหยียนเสี้ยวกั๋วพร้อมด้วยมือสังหารจำนวนหนึ่งได้เข้าฮ่องกงแล้วว่าจ้างให้เสิ่นฉงหยางนายตำรวจผู้ติดการพนันและยอมทำทุกอย่างเพื่อเงินไปคอยติดตามความเคลื่อนไหวของเฉินเสี่ยวไป๋อดีตสมาชิกพรรคร่วมรบจีนซึ่งมีบทบาทสำคัญในขบวนการปฏิวัติของ ดร. ซุน

 
ตัวละครเอก จากซ้ายไปขวา
แถวบน - หลี่อิ้วถัง, หวังฟู่หมิง, ฟางหง
แถวล่าง - เติ้งซื่อตี้, หลิวยู่ไป๋, หลี่ฉงกวง


ตัวละครสำคัญอีกส่วนหนึ่ง จากซ้ายไปขวา
เฉินเสี่ยวไป๋, เสิ่นฉงหยาง, นายพลฟาง, เหยียนเสี้ยวกั๋ว และ ซื่อมี่ฟู่

เฉินเสี่ยวไป๋ได้เดินทางมาขอเงินสนับสนุนกับหลี่อิ้วถัง เจ้าของโรงพิมพ์และคหบดีคนสำคัญที่ทำหน้าที่ออกเงินทุนสนับสนุนการปฏิวัติโดยไม่ต้องการเอาตัวเองและครอบครัวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย  โดยเฉพาะลูกชายวัย 17 ปีของหลี่อิ้วถัง หลี่ฉงกวง ที่เพิ่งสอบติดมหาวิทยาลัยเยลล์ และเป็นเด็กหนุ่มที่ศรัทธาในอุดมการณ์ของคณะปฏิวัติมาก  จากนั้น เฉินเสี่ยวไป๋จึงเดินทางไปที่โรงงิ้วเก้าเส้งเพื่อขอร้องการคุ้มครอง ดร. ซุนจากนายพลฟางอดีตผู้นำกองกำลังในศึกพันธมิตรแปดชาติ แต่ได้จัดตั้งคณะงิ้วในฮ่องกงเพื่อหลบหนีการตามล่าของราชสำนักชิง  นายพลฟางรับปากโดยการคัดค้านและคับข้องใจของฟางหงลูกสาววัย 16 ปีที่เบื่อหน่ายกับอุดมการณ์ของบิดาจนต้องสูญเสียแม่ และระเหเร่ร่อนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งมาหลายปีแล้ว

หลี่อิ้วถังเดินทางด้วยรถลากโดยเติ้งซื่อตี้คนลากรถประจำตัว ระหว่างทางได้ส่งเหรียญเงินเป็นประจำให้แก่หลิวยู่ไป๋ อดีตคุณชายจากตระกูลมั่งมีที่กลายเป็นขอทานข้างถนนผู้ติดฝิ่นงอมแงมเนื่องจากบาดแผลทางใจที่ฝังลึก จากนั้น หลี่อิ้วถังได้พบเห็นการปลุกระดมของนักศึกษาและเหล่าปัญญาชนในฮ่องกงเพื่อคัดค้านระบอบการปกครองแบบดั้งเดิมของจีน  และหลี่ฉงกวงได้เข้าร่วมด้วยจึงถูกตำหนิและคัดค้านจากบิดาอย่างรุนแรง  แล้วหลี่อิ้วถังจึงกลับไปต่อว่าเฉินเสี่ยวไป๋ที่สำนักพิมพ์ในเรื่องนี้


ศาสตราจารย์หยางคุยเรื่องประชาธิปไตยกับนักศึกษาก่อนถูกลอบยิง


การเดินขบวนสนับสนุน ดร. ซุน ของนักศึกษาซึ่งฉงกวงเข้าร่วมด้วย


มือสังหารจากราชสำนักทำการสังหารหมู่คณะงิ้วของนายพลฟางและลักพาตัวเฉินเสี่ยวไป๋


ซื่อมี่ฟู่นำกำลังตำรวจเข้าปิดสำนักงานหนังสือพิมพ์ของหลี่อิ้วถัง

เฉินเสี่ยวไป๋ได้ทราบข่าวการมาถึงของมือสังหารจากราชสำนักชิง จึงรุดไปแจ้งแก่นายพลฟาง แต่ในขณะนั้น  มือสังหารได้เข้าจู่โจมคณะงิ้ว  ฆ่าทุกคนตายหมดรวมทั้งนายพลฟาง  เฉินเสี่ยวไป๋ถูกจับตัวไป ฟางหงรอดไปได้จากการช่วยเหลือของบิดาที่ยอมสละชีวิตให้  หลี่อิ้วถังได้พบกับจดหมายของเฉินเสี่ยวไป๋ที่เล่าถึงความสำคัญของงานปฏิวัติและการพิทักษ์ ดร. ซุน  พร้อมทั้งขอร้องให้หลี่อิ้วถังช่วยสานต่อ  แต่เมื่อหลี่อิ้วถังได้พบกับการฆาตกรรมหมู่ของคณะงิ้ว แล้วเมื่อกลับมาได้พบว่าโรงพิมพ์ของเขาถูกสั่งปิดจากกรมตำรวจฮ่องกงโดยนายพลตำรวจเพื่อนสนิทซื่อมี่ฟู่ ฐานปลุกระดมมวลชน  เขาจึงเกิดความโกรธจนถึงที่สุด  แล้วจึงประกาศว่าจะเผยแพร่ข่าวการมาถึงของ ดร. ซุน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและความชื่นชมของคนทั่วไปและลูกชาย

หลี่อิ้วถังได้ปลุกเร้าผู้ร่วมขบวนการทุกคนให้ร่วมกันคุ้มกัน ดร. ซุนอย่างรัดกุมด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ และเริ่มเสาะหาคนมีฝีมือมาร่วมงาน โดยได้นำพัดประจำตระกูลของหลิวยู่ไป๋มาคืนให้และขอร้องให้ช่วยงานนี้  จากนั้น จึงไปขอร้องให้หวังฟู่หมิง พ่อค้าเต้าหู้เหม็นร่างยักษ์มาช่วยอีกแรง  ฝ่ายเติ้งซื่อตี้คนลากรถก็ขอเข้าร่วมงานนี้  หลี่อิ้วถังจึงตอบแทนโดยไปเจรจาสู่ขออาฉือหญิงคนรักขาพิการของเติ้งซื่อตี้ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของห้องภาพ  ได้สร้างความซาบซึ้งใจแก่เติ้งซื่อตี้เป็นที่สุด แล้วหลี่อิ้วถังได้ขอให้ลูกชายไม่ออกจากบ้านในช่วง 2-3 วันนี้  

เฉินเสี่ยวไป๋ซึ่งถูกจับตัวไปได้รับความเคารพจากเหยียนเสี้ยวกั๋วซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์ของเขาที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันคนละขั้ว และได้มีการถกเถียงกันอย่างรุนแรง  แต่เหยียนเสี้ยวกั๋วไม่ต้องการฆ่าอาจารย์ของเขาเอง  ต่อมา ฟางหงได้เข้ามาขอพึ่งพาอาศัยหลี่อิ้วถัง โดยขอสานต่องานคุ้มกัน ดร. ซุนต่อจากพ่อของเธอด้วย


หลี่อิ้วถังประกาศตัวเป็นผู้นำการคุ้มกัน ดร. ซุน ต่อทุกคน

 
หลี่อิ้วถังวางแผนคุ้มกันขบวน ดร. ซุนยัดเซ็น


คนรักของเติ้งซื่อตี้อ่านหนังสือของ ดร.ซุนให้เขาฟัง

หลี่อิ้วถังได้เริ่มวางแผนการคุ้มกัน ดร. ซุนอย่างรัดกุมและเข้มแข็ง ซึ่งในกำหนดการ ดร. ซุนจะเดินทางไปประชุมที่สมาคมยาซูฮิโต  บ้านของมารดา และมาแวะพักที่โรงพิมพ์ของเขา โดยกำหนดให้ฟางหงและหวังฟู่หมิงเป็นผู้คุ้มกันขบวนและมีเพื่อน ๆ ของเติ้งซื่อตี้มาร่วมสมทบด้วย  ส่วนซื่อมี่ฟู่ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจชาวอังกฤษให้ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการมาของ ดร.ซุน  หลี่อิ้วถังได้พยายามดูแลคนที่มาร่วมงานทุกคนอย่างเต็มที่ด้วยความเอาใจใส่และเป็นกันเอง  แล้วในค่ำคืนก่อนเริ่มงาน เขาได้ออกไปพูดคุยกับหลิวยู่ไป๋ซึ่งในอดีตได้หลงรักผู้หญิงคนรักของพ่อจนพ่อต้องช้ำใจตาย แล้วหญิงคนรักก็ฆ่าตัวตายกลายเป็นบาดแผลทางใจที่หลอกหลอนหลิวยู่ไป๋จนเสียผู้เสียคน  แต่เขาตัดสินใจรับงานนี้เพื่อหวังการหลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์นี้  ในคืนนั้น เขาได้อาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาด โกนหนวดเคราจนหมดจด


เหล่าผู้ร่วมงานร่วมรับประทานอาหารอย่างพร้อมหน้า

 
คุณนายหลี่มาขอร้องให้เสิ่นฉงหยางช่วยคุ้มครองหลี่อิ้วถัง

คุณนายหลี่ซึ่งเป็นนางอนุของหลี่อิ้วถังได้มาพบกับเสิ่นฉงหยางซึ่งเป็นอดีตสามีของเธอ  แต่ได้ละทิ้งเขามาอยู่กับหลี่อิ้วถังเพราะเขาติดการพนันจนไม่มีอนาคต  แล้วขอร้องให้ช่วยคุ้มกันหลี่อิ้วถัง แต่เขาปฏิเสธอย่างหนักจนเธอต้องบอกว่าลูกสาวของเธอที่หลี่อิ้วถังเลี้ยงดูอยู่นั้น คือ เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ซึ่งเธอยินดีที่จะบอกลูกเมื่อโตขึ้นถึงพ่อที่แท้จริง ถ้าเขายอมรับงานนี้และให้เขาได้ใกล้ชืดกับลูกสาวด้วย  เสิ่นฉงหยางจึงได้สำนึกและยอมรับปากว่าจะช่วย  แล้วเขาจึงถอนตัวจากพวกมือสังหารโดยทำร้ายลูกน้องของเหยียนเสี้ยวกั๋ว  

เฉินเสี่ยวไป๋ได้ลักลอบหนีออกจากที่คุมขังได้ในสภาพที่บาดเจ็บจนมาถึงบ้านของหลี่อิ้วถัง  เขาเสนอให้หาคนมาปลอมตัวเป็น ดร. ซุน เพื่อหลอกล่อมือสังหารของราชสำนัก  แต่หลี่อิ้วถังไม่เห็นด้วย  อย่างไรก็ตาม เฉินเสี่ยวไป๋ยังแอบนำลูกน้องมาจับสลากเพื่อหาคนมาเป็น ดร. ซุนตัวปลอม โดยหลี่ฉงกวงแอบมาร่วมด้วยและจับสลากได้ แม้ว่าเฉินเสี่ยวไป๋จะคัดค้านอย่างไรก็ตาม  หลี่ฉงกวงก็ยังคงดึงดันที่จะรับงานปลอมตัวให้ได้

 
เรือที่ ดร. ซุนโดยสารเดินทางมาถึงฮ่องกง

เมื่อถึงวันที่ 15 ตุลาคม 1906 ดร. ซุนจึงเดินทางมาถึงท่าเรือฮ่องกงตามเวลา  คณะผู้ต้อนรับได้มารอรับที่ท่าเรือ ทั้งดร .ซุนและคณะได้ขึ้นรถลากโดยมีผ้าม่านปิดคลุมแน่นหนา  แล้วเดินทางจากท่าเรือ ด้วยการเฝ้าอารักขาของขบวนการปฏิวัติผ่านถนนหวงโห่ และแล้ว  เหล่าเมือสังหารได้เริ่มงานโดยการฆ่าคนเฝ้าระวังทาง แล้วระดมยิงลูกธนูจากชั้นบนของอาคารทั้ง 2 ฝั่ง  แต่ก็ถูกหลี่ฟู่หมิง  ฟางหง และเสิ่นฉงหยางสกัดกั้นด้วยวิชาการต่อสู้จนขบวนสามารถผ่านไปได้ โดยมีคนร่วมขบวนต้องเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง  และหลี่ฟู่หมิงถูกชาวบ้านที่รับเงินจากมือสังหารรุมแทงจนบาดเจ็บสาหัส  ส่วนหลี่อิ้วถังไม่ได้มาด้วย เพราะนาฬิกาของเขาถูกตั้งเวลาให้ล่าช้า  และเติ้งซื่อตี้ได้โกหกคนในบ้านเพื่อไม่ให้หลี่อิ้วถัง ออกมาร่วมขบวนด้วย

ขบวนของ ดร. ซุนเดินทางผ่านถนนหวงโห่จนมาพบกับขบวนเชิดสิงโตซึ่งที่จริงแล้ว คือ มือสังหารอีกชุดที่ดักรออยู่  แล้วการลงมือจึงเริ่มขึ้นซึ่งทีมคุ้มกันได้ต่อสู้จนถึงที่สุดจนล้มตายไปทั้งสองฝ่ายไปอีกจำนวนหนึ่ง  แล้วหวังฟู่หมิงในสภาพบาดเจ็บสาหัสได้มาสมทบแล้วช่วยสกัดกั้นมือสังหารจนต้องพลีชีพไปในที่สุด

 
ดร. ซุนเดินทางออกจากท่าเรือไปยังสถานที่ประชุม

และแล้ว ดร. ซุนจึงมาสมาคมยาซูฮิโตแล้วเริ่มการประชุมร่วมกับหัวหน้าพันธมิตรทั้ง 13 มณฑล ในห้องใต้ดิน  ระหว่างการประชุม  ได้มีการจัดขบวนของ ดร. ซุนตัวปลอมโดยหลี่ฉงกวงเพื่อล่อพวกมือสังหารให้ติดตามขบวนปลอมออกไป จากนั้น  ฟางหงได้ติดตามมือสังหารไปจนเข้าไปในร้านที่ถูกเช่าไว้ระหว่างทาง ในนั้นมีการเตรียมดินระเบิดไว้แล้วสำหรับระเบิดขบวน ดร. ซุน   ฟางหงได้ต่อสู้ขัดขวางสุดฤทธิ์จนต้องระเบิดพลีชีพไปกับมือสังหาร  แล้วหลี่อิ้วถังจึงตามมาสมทบขบวนโดยไม่รู้ว่าลูกชายปลอมตัวเป็นซุนยัดเซ็น แล้วก็มีตำรวจซึ่งเหยียนเสี้ยวกั๋วซื้อตัวไว้เข้ามาหมายจะฆ่า ดร. ซุน  แต่ถูกเสิ่นฉงหยางลอบยิงจากยอดตึก  เหตุการณ์นี้ อยู่ในสายตาของเหยียนเสี้ยวกั๋วด้วยความโกรธ  เขาจึงสั่งให้ลูกน้องฝีมือดีไปกำจัดเสิ่นฉงหยางโดยด่วน

ขบวน ดร. ซุนตัวปลอมพร้อมด้วยหลี่อิ้วถังถูกจับโดยซื่อมี่ฟู่และกองตำรวจที่มากับเขา แล้วคุมตัวไป แต่ความเป็นจริง ซื่อมี่ฟู่ได้นำกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือมาคุ้มกันขบวนให้เดินทางไปจนถึงบ้านแม่ของ ดร. ซุน อย่างปลอดภัย ซึ่งซื่อมี่ฟู่ทำได้แค่นั้น  ฝ่ายเสิ่นฉงหยางถูกตามล่าจากลูกน้องของเหยียนเสี้ยวกั๋วจนต้องต่อสู้กันกลางตลาดด้วยวิชากังฟูจนต้องบาดเจ็บหนักทั้ง 2 ฝ่าย  แต่ในที่สุด เสิ่นฉงหยางก็ได้รับชัยชนะแล้วปลิดชีพมือสังหารได้ แต่ก็ต้องสะบักสะบอมอย่างหนัก

 
เหล่าผู้คุ้มกันต่างเฝ้าระวังขบวนอย่างเต็มที่

ซื่อมี่ฟู่และกองกำลังตำรวจนำขบวน ดร. ซุน ตัวปลอมมาจนถึงบ้านแม่ ดร. ซุน  แล้วจึงถอนตัวจากไป  เหล่ามือสังหารจึงดาหน้าติดตามมา  แต่ที่หน้าบ้านแม่ ดร. ซุน หลิวยู่ไป๋ พร้อมด้วยพัดประจำตระกูลซึ่งเป็นอาวุธคู่กายได้เข้าขวางไว้จนทุกคนเข้าไปในบ้านได้ แล้วหลิวยู่ไป๋จึงต้องต่อสู้กับเหล่ามือสังหารอย่างทรหดอดทนจนมือสังหารถูกกำจัดหมดสิ้น   หลิวยู่ไป๋ซึ่งบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายได้ขัดขวางเหยียนเสี้ยวกั๋วซึ่งมาสมทบเป็นคนสุดท้าย  แล้วต้องพลีชีพไป

คณะ ดร. ซุนปลอมรีบออกจากบ้านแม่ ดร. ซุน หลี่อิ้วถังตามไปไม่ทัน แต่ได้เห็นว่าลูกชายตัวเองปลอมตัวเป็น ดร. ซุน ได้แต่ตามหาขบวนต่อไปในตลาด ได้พบกับเสิ่นฉงหยางที่สะบักสะบอมแล้วมอบตุ๊กตาให้ไปนำไปให้ลูกสาว  แล้วสั่งให้หลี่อิ้วถังหลบไป  แล้วเสิ่นฉงหยางจึงพลีชีพขวางทางเหยียนเสี้ยวกั๋วที่กำลังขี่ม้าติดตามขบวน ดร. ซุน แต่เหยียนเสี้ยวกั๋วก็มาทันขบวน ดร. ซุน ปลอม  ทุก ๆ คนพยายามต่อสู้ขัดขวาง  แต่ถูกเหยียนเสี้ยวกั๋วฆ่าตายหมด รวมทั้งเติ้งซื่อตี้ที่ได้พลีชีพขัดขวางจนถึงที่สุด  เหลือเพียงเฉินเสี่ยวไป๋ที่ลากรถลากพาหลี่ฉงกวงหนีต่อไป  

 
ขบวน ดร. ซุนถูกลอบโจมตีจากมือสังหารด้วยหน้าไม้และธนูอย่างหนัก

ดร. ซุนยัดเซ็นประชุมกับหัวหน้าสาขาถึงแผนการปฏิวัติจนเสร็จสิ้นแล้วจึงกล่าวขอบคุณ แล้วออกเดินทางจากไป  ฝ่ายเฉินเสี่ยวไป๋ได้พาหลี่ฉงกวงหนีจนพบกับเหยียนเสี้ยวกั๋วซึ่งตั้งใจจะกำจัด ดร. ซุนให้ได้  แม้ว่าเฉินเสี่ยวไป๋จะพยายามห้ามโดยบอกว่าคนในรถลากไม่ใช่ ดร. ซุน แต่เหยียนเสี้ยวกั๋วก็ยังทำร้ายคนในรถลากโดยไม่ดู และไม่รู้ว่าไม่ใช่ ดร. ซุน  เฉินเสี่ยวไป๋จึงใช้ปืนยิงใส่เหยียนอย่างจวนตัวจนตาย  แต่ก่อนตายก็ยังแสดงความเคารพเฉินเสี่ยวไป๋ในฐานะอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย  และเมื่อหลี่อิ้วถังมาถึงจึงได้พบกับลูกชายซึ่งพลีชีพไปแล้ว  เขาจึงได้แต่ร้องไห้เพราะใจสลายต่อการสูญเสียลูกชาย  พร้อมด้วยเฉินเสี่ยวไป๋ซึ่งได้แต่ช็อกและเสียใจอย่างหนัก

ดร. ซุนออกเดินทางจากฮ่องกงด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและขมขื่นปรากฏในสีหน้าและแววตา  เพราะตระหนักดีถึงการเสียสละของคนจำนวนมากเพื่อช่วยคุ้มกันเขาให้ทำงานปฏิวัติให้สำเร็จ

จากนั้น ในปี ค.ศ. 1907 เดือนพฤษภาคม ได้เกิดเหตุจลาจลที่หงกวงและฮุ่ยโจว  ในเดือนกันยายน เกิดจลาจลในฟางเฉิง  เดือนธันวาคม  เกิดจลาจล ณ ประตูมิตรภาพ  ปี ค.ศ. 1908

 
ซื่อมี่ฟู่นำกำลังตำรวจมาแอบคุ้มกันหลี่อิ้วถังและนำขบวน ดร. ซุน

เดือนมีนาคม เกิดจลาจลในเฉินโจว  เดือนเมษายน เกิดจลาจลในยูนนาน ปี ค.ศ. 1910  เดือนกุมภาพันธ์ เกิดจลาจลในกวางโจว ปี ค.ศ. 1911 เดือนเมษายน เกิดจลาจลในหวงฮัวกัง  

ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1911 จลาจลในอู่ชางจบลงพร้อมความสำเร็จของคณะปฏิวัติซินไห่ซึ่งโค่นล้มราชวงศ์ชิงได้ในที่สุด

5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็นเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่จับเอาเนื้อหาประวัติศาสตร์อันใกล้ของจีนมาสร้างเรื่องราวประกอบเพื่อเพิ่มความเข้มข้นและความเป็นดราม่าให้แก่งานปฏิวัติของ ดร.ซุนยัดเซ็นบิดาของสาธารณรัฐจีนยุคใหม่  โดยแต่งเติมเรื่องราว ตัวละคร และประเด็นอื่น ๆ เข้าไปอย่างมีลำดับทำให้เรื่องราวดูเป็นจริง  สร้างความโดดเด่นของสถานการณ์การต่อสู้เพื่ออุดมการณ์และการปฏิวัติได้เป็นอย่างดี

เหตุการณ์การเดินทางมายังฮ่องกงของ ดร. ซุนในวันที่ 15 ตุลาคม 1906 ตามเนื้อเรื่องในภาพยนตร์นั้น จากการศึกษาค้นคว้าไม่พบว่า ดร. ซุนได้เดินทางมายังฮ่องกงในวัน เวลาดังกล่าวเพื่อร่วมประชุมก่อการกับหัวหน้าขบวนการอื่น ๆ แต่อย่างใด  แต่มีการบันทึกว่า ดร. ซุนได้ตระเวนเดินทางไปทั่วเอเชียและรอบโลกในช่วงปี ค.ศ. 1903 - 1907 เพื่อระดมทุนและขอความร่วมมือ  ในปี ค.ศ. 1905 ดร.ซุน ทำการก่อตั้งพรรคถงเหมิงฮุ่ยเพื่อก่อการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์ชิงที่นครโตเกียว  ซึ่งได้กลายเป็นที่มาของการเกิดปฏิวัติซินไฮ่และโค่นล้มราชวงศ์ชิงได้ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1911 โดยเริ่มจากการจลาจลที่อู่ชางซึ่งกองทัพปฏิวัติที่นั่นจำเป็นต้องลุกขึ้นก่อการก่อนเวลาที่กำหนด โดยบุกเข้ายึดเมืองอู่ชาง จากนั้นในวันถัดมากลุ่มปฏิวัติในฮั่นหยาง และฮั่นโข่วที่ได้ข่าวก็ได้ลุกขึ้นยึดเมืองทั้งสอง จนกระทั่งกลุ่มปฏิวัติสามารถควบคุมเมืองทั้งสามในอู่ฮั่นได้จนหมดสิ้น       

 
มือสังหารของเหยียนเสี้ยวกั๋วต่อสู้กับเสิ่นฉงหยาง

การลุกฮือที่ประสบความสำเร็จในอู่ชาง ได้ปลุกกระแสการล้มล้างราชวงศ์ชิงให้ยิ่งขว้างขวางออกไป และส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของราชสำนักต้าชิงเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งในลำดับต่อมา ได้มีการจัดทั้งรัฐบาลทหารหูเป่ย และประกาศเอกราชขึ้น หลังจากนั้นหูหนาน ส่านซี ซันซี หยุนหนัน เจียงซี กุ้ยโจว เจียงซู กว่างซี อันฮุย ฝูเจี้ยน กว่างตง ซื่อชวนก็ได้ทยอยกันประกาศเอกราช ล้มล้างราชวงศ์ชิง ซึ่งประวัติศาสตร์ได้เรียกการปฏิวัตินี้ว่าการปฏิวัติซินไฮ่ ตามปีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น

คุณค่าสำคัญทางประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ การให้ความหมายแก่การปฏิวัติจีนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ  ซึ่งประกอบด้วยคนหลากหลายฐานะ ตั้งแต่ชนชั้นพ่อค้าและนายทุนอย่างหลี่อิ้วถังจากการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมานั่งสั่งการอยู่เบื้องหน้า  ชนชั้นปัญญาชนอย่างเฉินเสี่ยวไป๋และหลี่ฉงกวง  ชนชั้นปกครองอย่างนายตำรวจซื่อมี่ฟู่  ชนชั้นกรรมาชีพอย่างนายพลฟางผู้มีอุดมการณ์และฟางหงบุตรสาวผู้ตัดสินใจสืบต่องานของพ่อ  พ่อค้าเต้าหู้เหม็นหวังฟู่หมิงอดีตพระวัดเส้าหลินผู้ต้องการแสดงความสามารถ   คนลากรถเติ้งซื่อตี้ที่ร่วมงานนี้เพื่อหวังจะตอบแทนบุญคุณของเจ้านาย  รวมทั้งคนอีกมากที่เสียสละเข้าร่วมงานนี้  และมีบางคนที่ไม่ได้มีอุดมการณ์แต่เข้าร่วมงานเพราะต้องการแก้ไขความผิดพลาดในชีวิตอย่างตำรวจติดการพนัน เสิ่นฉงหยาง  คนที่ล้มเหลวในชีวิตจากบาดแผลฉกรรจ์ทางใจอย่างหลิวยู่ไป๋  คนเหล่านี้อาจเรียกได้ว่าเป็นนักสู้ธุลีดินเท่านั้น นอกจากนี้  พวกเขาทั้งหมดยกเว้นเฉินเสี่ยวไป๋ โดยเนื้อแท้แล้วไม่ได้รู้จัก ดร. ซุนยัดเซ็นเป็นการส่วนตัว  แต่การได้มาร่วมงานป้องกัน ดร. ซุนนั้นนับเป็นการย้ำถึงการมีส่วนร่วมและเสียสละของชนทุกชั้นที่มีส่วนในการสร้างชาติใหม่อย่างแท้จริง  

 
หลิวยู่ไป๋ต่อสู้กับมือสังหารของเหยียนเสี้ยวกั๋ว

สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกต คือ เหล่าตัวละครผู้เสียสละนั้นจริง ๆ แล้วไม่มีตัวตนจริงแต่อย่างใด  แต่กลับได้รับการจารึกชื่อ ประวัติ และวีรกรรมไว้ในตัวภาพยนตร์อย่างชัดเจนราวกับว่ามีตัวตนจริง (ซึ่งใครที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์อาจเชื่อว่ามีบุคคลเหล่านี้จริงก็ได้) ซึ่งนับเป็นการเทอดเกียรติเหล่านักสู้ธุลีดินที่ถูกสมมติขึ้นในประวัติศาสตร์กลุ่มนี้อย่างจริงจัง

นอกจากนี้  คุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกประการ คือ การบรรยายถึงความยากลำบาก การเสี่ยงอันตราย และความเจ็บปวดของงานปฏิวัติที่ต้องต่อสู้กับอำนาจการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ดำเนินมากว่า 3 พันปีของจีน  แล้วยังได้ระบุถึงความหมายของการปฏิวัติในความหมายอันแท้จริงที่ ดร. ซุนได้ศึกษามาจากประวัติศาสตร์ชาติอื่นและได้ประสบมากับตัวเอง จากการที่เขาถูกจับและกักตัวไว้ในสถานกงสุลจีนในกรุงลอนดอนในวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1896  เป็นเวลา 12 วัน และเกือบถูกกำจัด (ในภาพยนตร์มีการกล่าวถึงหนังสือชื่อ ลักพาตัวในลอนดอน ที่เขียนโดย ดร. ซุน) แนวทางการเปลี่ยนแปลงแบบสันติและหวังการปรองดองกับขั้วอำนาจเก่าในการนำของถานซื่อถง และการสนับสนุนของฮ่องเต้กวงซี่ ในปี ค.ศ. 1897 แต่ด้วยการทรยศของหยวนซื่อข่าย การก่อการจึงล้มเหลว ผู้มีอำนาจเบื้อหลังตัวจริงในขณะนั้น คือ พระนางซูสีไทเฮาได้สั่งการให้จับหัวหน้าคณะทั้ง 6 ไปประหารที่ตลาดกลางกรุงปักกิ่ง  ซึ่งในประวัติศาสตร์เรียกว่า “6 วิญญูชนแห่งเหตุการณ์อู้ซี”  เหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้แนวคิดเรื่องการปฏิวัติของเขาเปลี่ยนแปลงไปเป็นดังที่เขาได้กล่าวสรุปในตอนท้ายเรื่องว่า  การปฏิวัติคือการหลั่งเลือดนั่นเอง รวมถึงการเสียสละทั้งชีวิตของตนเพื่อให้การปฏิวัติสำเร็จเสร็จสิ้นลง

สำหรับเหตุการณ์จลาจลต่าง ๆ ที่ได้ถูกกล่าวถึงในท้ายเรื่องว่าเกิดขึ้นในช่วง ปี ค.ศ. 1907 – 1911 อันนำไปสู่การปฏิวัติซินไฮ่นั้น จากการศึกษาค้นคว้า การจลาจลเหล่านี้เกิดขึ้นจากการวางแผนและการสั่งการของขบวนการถงเหมิงฮุ่ย โดย ดร.ซุน ซึ่งยังต้องเร่ร่อนไปยัง ยูเอ.. อุ๊บ ผิดครับ เวียดนาม สิงคโปร์ ปีนัง (มาลายู) แล้วจึงต้องระเห็จไปตั้งหลักอยู่ที่มอนเต... โอ๊ะ ไม่ใช่ครับ รัฐโคโลราโด  สหรัฐอเมริกา เพราะถูกบรรดารัฐบาลของประเทศเจ้าอาณานิคมขับไล่จากการเรียกร้องของรัฐบาลชิง และการปฏิวัติได้สำเร็จในช่วงเที่เขาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกานั่นเอง

 
เหยียนเสี้ยวกั๋วทำร้ายทุกคนที่ขัดขวางเขาไม่ให้ฆ่า ดร. ซุน

อย่างไรก็ตาม  บทภาพยนตร์ยังให้เหตุผลบางประการแก่ฝ่ายอำนาจเก่าของราชสำนักชิงในการพิทักษ์รักษาอำนาจโดยผ่านทัศนะของเหยียนเสี้ยวกั๋วผู้ยึดมั่นในหลักการปกครองและสังคมแบบดั้งเดิม ในการถกเถียงกับเฉินเสี่ยวไป๋ถึงความเหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองโดยยึดเอาหลักการของชนชาติตะวันตกที่รุกราน ปล้มสะดมภ์จีนในช่วงเวลานั้น  รวมถึงการวิพากษ์ขบวนการปฏิวัติที่อ่อนแอกับการปกครองแผ่นดินที่เขาคิดว่ายังจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการเด็ดขาดในการปกครองให้เป็นปึกแผ่น  นอกจากนี้  เหยียนเสี้ยวกั๋วยังรักษาคุณธรรมดั้งเดิมอันสำคัญของชนชาติจีน และชาวเอเชียได้อย่างเคร่งครัด คือ การที่เขาแสดงความกตัญญูโดยไม่เคยคิดจะฆ่าหรือทำร้ายเฉินเสี่ยวไป๋อดีตอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาแม้ว่าจะกลายมาเป็นศัตรูต่อราชสำนักที่เขารับใช้อยู่ก็ตาม  

อีกประเด็นของประวัติศาสตร์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ การนำเอาวาทกรรมเด่น ๆ ของ ดร. ซุนยัดเซ็นเกี่ยวกับที่มาและรายละเอียดของอุดมการณ์ปฏิวัติ การวิพากษ์สังคมประเทศจีนในเวลานั้นมากล่าวถึงผ่านตัวละครประกอบบางตัวเพื่อเน้นถึงสภาพอันเป็นจริงของประเทศจีนในเวลานั้นที่จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่แท้จริงเพื่อแก้ไขปัญหาอันเรื้อรังมานาน

 
ฉากสุดท้ายของความสูญเสียกับการมาถึงของ ดร. ซุน

ในด้านงานสร้าง นับว่าสมศักดิ์ศรีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์กับการเนรมิตเมืองฮ่องกงเมื่อ 100 ปีก่อนออกมาได้อย่างสมจริง  (อันที่จริง ภาพยนตร์จีนการกำกับศิลป์ของพวกเขาก็อยู่ในระดับดีอยู่แล้ว) กับรายละเอียดที่ยอดเยี่ยมและสร้างความสมจริงให้กับภาพยนตร์อย่างกลมกลืนที่สุด  ดารานำและดาราประกอบทุกคนต่างสวมบทบาทได้อย่างดีเยี่ยม  โดยเฉพาะ ฮูจุนที่รับบทเหยียนเสี้ยวกั๋วที่เขาทำบทบาทของตัวละครตัวนี้ได้อย่างมีมิติของความเป็นผู้จงรักภักดีที่เปี่ยมอุดมการณ์  ไม่ใช่คนบ้ากระหายเลือด หรือพวกคนใจโหดแบบไร้เหตุผล  ส่วนฟ่านปิงปิง เธอทำบทบาทของคุณนายหลี่ที่อาจจะมีบทน้อยไปหน่อย แต่ก็น่าประทับใจ ส่วนหลี่หมิงที่ดูแก่ไปเยอะ  ได้ทำบทบาทของขอทานผู้แบกความทุกข์ไว้จนชีวิตขาดวิ่น และเมื่อตอนที่เขาเปลี่ยนโฉมกลับมาเป็นคุณชายหลิวก็ยังนับว่าดูดีและภูมิฐานไม่เบา  แต่สำหรับหวังเสวี่ยฉีที่รับบทหลี่อิ้วถังนั้น ผมคิดว่าดูไม่เข้มและไม่องอาจเท่าไหร่นักกับบทบาทที่ต้องสั่งการเบื้องหน้า  ใจจริง ผมคิดว่าน่าจะเอาดาราระดับอดีตซุปเปอร์สตาร์อย่างเดวิดเจียงหรือตี้หลุงมารับบทนี้  น่าจะทำให้ดูดีกว่านี้ครับ  แต่สำหรับคนที่สร้างความประทับใจมากที่สุด คือ ผู้ที่รับบทบาท ดร. ซุนยัดเซ็น ที่มีหน้าตาใกล้เคียงกับ ดร. ซุนตัวจริงมาก พอมีการแต่งหน้าและอาศัยมุมกล้อง รวมทั้งใช้เทคนิคอื่น ๆ ก็นับว่าสมบทบาทของ ดร. ซุนตัวจริงอย่างยิ่ง  ส่วนตัวประกอบบางคน เช่น อาฉุนคนรักของเติ้งซื่อตี้ ที่ผมคิดว่าจะมีบทแค่ทำสีหน้าและเดินไปมาเท่านั้น กลับได้รับบทที่น่าสนใจจากการอ่านถ้อยคำอันน่าประทับใจในหนังสือของ ดร. ซุน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้คนดูไม่ให้ลืม ดร. ซุน ที่กว่าจะปรากฏตัวและมีบทบาทก็ในตอนท้ายเรื่องได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกประการคือ การเดินเรื่องที่กระชับ และใช้กลวิธีการสร้างเรื่องราวที่กระชับและเป็นเหตุเป็นผลกันตลอดเรื่องจนคนดูไม่เกิดความเบื่อหน่าย ซึ่งคนที่หัดเขียนบทภาพยนตร์น่าจะใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่ดีได้  อย่างไรก็ตาม  การโชว์ฉากกังฟูตอนท้ายเรื่องดูจะน้อยไปนิดไม่น่าจะสะใจแฟน ๆ ขาบู๊ของเจิ้นจื่อตัน  ส่วนการต่อสู้แบบวรยุทธ์ที่เหนือจริงของเม็งบาเตีย หลี่หยูชุน และหลี่หมิงทำให้ตัวภาพยนตร์ดูขัดกับการเดินเรื่องแบบสมจริงมาแต่ต้น แม้ว่าจะช่วยเสริมความสนุกสนานเป็นอย่างดี

 
ดร. ซุนยัดเซ็นบนเรือโดยสารออกจากฮ่องกงด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดเพราะตระหนักถึงการหลั่งเลือดเพื่อตัวเขา

สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่าทำให้ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ดูดีและกลมกลืนกับประวัติศาสตร์จริงในช่วงนั้นเป็นอย่างมากก็คือ การสะท้อนอุดมการณ์ของ ดร. ซุน นักปฏิวัติผู้เป็นมหาบุรุษแห่งชาติจีนสมัยใหม่ผ่านตัวละครและเรื่องราวแบบธรรมดาที่สุดให้เกิดความน่าสนใจจนถึงขั้นอินไปกับอุดมการณ์ของคำว่าการปฏิวัติที่แท้จริง

อีกเรื่องหนึ่ง คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สะท้อนถึงประชาธิปไตยที่ไม่เคยได้มาด้วยการร้องขอ  แต่ต้องมาจากการต่อสู้อย่างเข้มแข็ง  ซื่อตรง อุทิศตน และเสียสละให้แก่อุดมการณ์แบบมหาบุรุษอย่างแท้จริงครับ

เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

ชื่อภาษาไทย 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น

ชื่อภาษาอังกฤษ Bodyguards and Assassins

ผู้กำกับ เท็ดดี้ เฉิน

ผู้อำนวยการสร้าง ปีเตอร์ ชาน, หวง เจียนซิน

นักแสดง

  • เจิ้น จื่อตัน : เสิ่นฉงหยาง
  • หวังเสวี่ยฉี : หลี่อิ้วถัง
  • เหลียงเจียฮุย : เฉินเสี่ยวไป๋
  • เซียะถิงฟง : เติ้งซื่อตี้  
  • หลีหยูชุน : ฟางหง
  • เยิ่นต๊ะหัว : นายพลฟาง
  • หวังปั๋วเจี๋ย : หลี่ฉงกวง
  • เจิ้นจื่อเหว่ย : ซื่อมี่ฟู่
  • ฟ่านปิงปิง : คุณนายหลี่
  • เม็งบาเตีย : หวังฟู่หมิง
  • ฮูจุน : เหยียนเสี้ยวกั๋ว
  • หลี่หมิง : หลิวยู่ไป๋
  • จางเซี๊ยะโหย่ว : หยางซุนหยู

คำพูดจากภาพยนตร์

  • นอกเหนือจากสงครามกับความทุกข์  ความอัปยศเท่าที่ผ่านมา อย่างอื่นมีอะไรอีก ที่พวกฝรั่งบ้านั้นนำมามอบให้กับพวกเรา (เหยียนเสี้ยวกั๋ว)
     
  • ความเชื่อที่ว่า ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน แล้วทำไมบางคนในแผ่นดินจึงเกิดมาเป็นจักรพรรดิผู้ทรงอภิสิทธิ์ ในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องเกิดมาเป็นทาสล่ะ (เฉินเสี่ยวไป๋)
     
  • การศึกษาแบบตะวันตกสอนให้ผมเห็นว่า ที่แท้แล้ว ไอ้พวกฝรั่งน่ะทั้งร้ายทั้งโลภขนาดไหน คิดว่าพวกคุณแค่ประชุมกับประท้วงแล้วจะช่วยจีนให้พ้นภัยได้เหรอ (เหยียนเสี้ยวกั๋ว)
    (บทสนทนาถึงทัศนะทางการเมืองที่แตกต่างกันระหว่างเฉินเสี่ยวไป๋กับเหยียนเสี้ยวกั๋ว)
     
  • ข้าพเจ้าสละอาชีพแพทย์ เพื่อร่วมล้มล้างจักรวรรดิชิง และปลดปล่อยพี่น้องร่วมชาติให้พ้นทุกข์เข็ญ ตอนที่ข้าพเจ้าออกจากฮ่องกงต้องทนลำบากยิ่งยวดในการเดินทาง  แม่ข้าพเจ้าวิตกมาก ท่านพูดว่า  การปฏิวัตินั้นช่วยชีวิตคนได้ แต่การแพทย์ก็ช่วยได้เช่นกัน  แล้วทำไมจึงเลือกหนทางที่ยากกว่าเล่า ข้าพเจ้าบอกว่า มีอีกมากที่แม่ไม่เข้าใจ การแพทย์อาจช่วยชีวิตคนได้หยิบมือ แต่การปฏิวัติจะช่วยชีวิตคนได้นับล้าน ๆ ชีวิตแน่นอน  หลัง 260 ปีใต้อำนาจชนต่างชาติ กับสองพันปีภายใต้ประมุขเผด็จการ ชาติจีนเราตกต่ำลง รัฐบาลแมนจูที่โกงกินเกินว่าประชาชนธรรมดาจะรับได้ นับวันมีแต่จะทำให้เกิดทุกข์เข็ญยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า  คลื่นปฏิวัติกำลังเอ่อท้น ความต้องการของประชาชนจะกำชัยชนะ เราต้องรวบรวมความกล้าเพื่อโค่นราชวงศ์ชิง และก่อตั้งชาติที่เป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง เส้นทางการปฏิวัติย่อมนองเลือด ชีวิตข้าพเจ้าถูกลิขิตให้ตายเมื่อถึงฆาต  ทว่า สาธารณรัฐเราจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง เราต้องดิ้นรนเพื่อจะเอาชนะอุปสรรคต่อไปเพื่อยุติความทุกข์ยากของผู้คนนับล้าน ๆ และอีกหลายล้านคนที่ถูกเนรเทศให้ได้กลับคืนสู่มาตุภูมิ  
    (ข้อความในหนังสือของ ดร. ซุนยัดเซ็นที่อาฉุนอ่านให้เติ้งซื่อตี้ฟัง)
     
  • ไปรักผู้หญิงที่ไม่ควรจะรัก จนพ่อช้ำใจตาย มิหนำซ้ำเธอฆ่าตัวตายต่อหน้าฉันอีก ฉันต้องอยู่อย่างละอายใจ ฉันเหมือนภูตผีตนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรเจ็บปวดกว่านี้อีกแล้ว
    (หลิวยู่ไป๋รำพันถึงอดีตอันเจ็บปวดที่หลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลาต่อหลี่อิ้วถัง)
     
  • งานปฏิวัติไม่ใช่เพียงแค่ทุ่มเงิน พิมพ์หนังสือ และแจกใบปลิว ความหมายของการปฏิวัติคือการหลั่งเลือดและยอมเสียสละ
    (เฉินเสี่ยวพูดกับหลี่อิ้วถังเมื่อต้องหาคนมาปลอมตัวเป็นซุนยัดเซ็น)
     
  • อาซื่อ ครั้งหนึ่ง นายเคยเล่าให้ฉันฟังว่า ทุกคืน เวลาที่นายหลับตาลงนายมักจะฝันเห็นแต่อาฉุน แต่เวลาฉันหลับตา  ฉันเห็นอนาคตของจีน
    (หลี่ฉงกวงพูดกับเติ้งซื่อตี้ถึงทัศนะของเขาเกี่ยวกับอนาคตของชาติ)
     
  • “เมื่อ 10 ปีก่อน ผมกับชูจุนได้คุยกันเรื่องการปฏิวัติ  ผมพูดขึ้นว่า เราจะปฏิวัติเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของคน 400 ล้านคนให้ไม่ต้องอดอยากขาดแคลน 10 ปีผ่านมาแล้ว ผมได้เห็นบรรดาสหายเสียสละชีวิต ผมโดนเนรเทศและได้กลับมา คำว่าปฏิวัติไม่ได้มีความหมายเดิม ๆ อีกต่อไป  ถ้าถามผมว่าการปฏิวัติคืออะไร  ผมจะตอบว่า ชาติจะก้าวหน้า หากเราเสียสละ เส้นทางอารยะธรรมฉาบด้วยหยดเลือด และเลือดนั้นเรียกว่าการปฏิวัติ”
    (ดร. ซุนยัดเซ็น พูดถึงความหมายของการปฏิวัติหลังจบการประชุมวางแผนกับหัวหน้ากลุ่มพันธมิตร 13 มณฑล)

อ่านเพิ่มเติม

  • ซุนยัดเซ็น  ผู้พลิกประวัติศาสตร์จีน โดย วัชระ  ชีวะโกเศรษฐ
  • ที่สุดของเมืองจีน โดย สุขสันต์ วิเวกเมธากร

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

 
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ

หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ

Bookmark and Share

 

ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com



ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับเต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์
 

 



ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ

1911 ใหญ่ผ่าใหญ่ การปฏิวัติซินไฮ่อันนำมาซึ่งการสิ้นสุดของระบอบศักดินา 3,000 ปีของจีน วันที่ 19/05/2013   18:35:25
สะดุดเลิฟ ที่เมืองรัก (Letters to Juliet) วันที่ 19/05/2013   18:36:43
เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ 1980 (คลาสสิค) วันที่ 19/05/2013   18:40:30
Kingdom of Heaven มหาศึกกู้แผ่นดิน วันที่ 19/05/2013   18:41:31
Chariots of Fire เกียรติยศแห่งชัยชนะ ชัยชนะแห่งไฟในหัวใจอันลุกโชน วันที่ 19/05/2013   18:43:04
Master and Commander วันที่ 19/05/2013   18:43:58
FIRST KNIGHT (สุภาพบุรุษยอดอัศวิน) วันที่ 19/05/2013   18:45:00
Legionnaire คนอึดเดือดไม่ใช่คน วันที่ 19/05/2013   18:46:18
ไททานิค ภาพยนตร์ที่ลงตัวทั้งประวัติศาสตร์และนิยายโรแมนติก วันที่ 19/05/2013   18:47:27
Napoleon ศึกรบ ศึกรัก และศึกการเมือง ในชีวิตนโปเลียน วันที่ 19/05/2013   18:48:31
Waterloo ความมโหฬารของสงครามปราบจักรพรรดิ์นโปเลียน วันที่ 19/05/2013   18:49:19
เอลซิด (El Cid) : ประวัติศาสตร์ หรือ ตำนาน วันที่ 19/05/2013   18:50:07
Fearless -> Truthless? วันที่ 19/05/2013   18:50:53
Veer จอมวีรอหังการ์ (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   18:51:25 article
The Last Samurai (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   18:52:09 article
Nomad: The Warrior (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   18:52:53 article



1

ความคิดเห็นที่ 1 (95769)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

งานนี้ขอประเดิมคอมเม้นต์บ้าง  เสียดายว่ายังหาซื้อเรื่องนี้ไม่ได้เพราะมันขาดตลาดอยู่  จะโหลดบิทหรือซื้อแผ่นก๊อปก็ไม่ตรงหลักการที่บอกคนอื่นไว้  และคิดว่าอีกไม่นานเขาคงผลิตมาขายเพิ่ม  มีข้อสังเกตในส่วนชื่อภาพยนตร์ว่า ในภาษาอังกฤษเขาใช้ว่า "Bodyguards and Assassins" คล้ายกับว่าจะสื่อความสัมพันธ์หรือการเปรียบเทียบอะไรบางอย่างระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายที่ต่อต้านการปฏิวัติ  แต่ชื่อภาษาไทย "5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น" มันเน้นแต่ทางฝ่ายสนับสนุน  ที่นับไปนับมาจะเกิน 5 ด้วยซ้ำ   ไม่ทราบท่านผู้เขียนบทความหรือท่านสมาชิกมีความเห็นอย่างไรครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-21 11:32:38


ความคิดเห็นที่ 2 (95822)
avatar
คนเล่าเรื่อง

ใช่ครับ อาจารย์โรจน์ ถ้าพิจารณาถึงตัวละครที่ต้องพลีชีพเอปกป้อง ดร. ซุนยัดเซ็น แล้วมีการบ่งบอกชื่อ ปีเกิด และที่อยู่แล้ว จะพบว่ามี 6 คนต่างหากครับ  แต่ก็อาจจะอนุมานได้ว่า คนที่พลีชีพโดยการต่อสู้จริง ๆ นั้นมี 5 คน มีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ต่อสู้แต่เป็นตัวปลอมของ ดร. ซุนเท่านั้น  จึงอาจสรุปได้ว่า มี 5 พยัคฆ์ครับ

ที่อาจารย์โรจน์บอกว่ายังหาซื้อไม่ได้   ก็นับว่าข้อสงสัยของผมเป็นจริง  น่าสนใจนะครับว่า ทำไม หนังที่ตอนออกฉายในโรงไม่ค่อยโด่งดังเท่าไหร่ แต่กลับมาดังตอนเป็นหนังแผ่น  แบบนี้น่าคิดนะครับว่า  อะไรเป็นปัจจัยทำให้เกิดประเด็นนี้ขึ้น

อีกเรื่อง อาจารย์เอารูปช่วงต้น ๆ เรื่องออกไปเยอะเลย  และรูปอื่น ๆ อีกครับ อย่างไรก็ตาม ผมขอร้องให้ช่วยพิจารณาเพิ่มเติมรูปเข้าไปอีกหน่อยตามสมควรนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเล่าเรื่อง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-22 11:24:59


ความคิดเห็นที่ 3 (95848)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

ในช่วงแรกนี่เน้นรูปการต่อสู้เอาใจลูกค้าไว้ก่อนครับ  แล้วช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้จะพิจารณารูปเพิ่มเติมให้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-22 20:31:27



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker