webmaster@iseehistory.com
เปิดเว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ (www.iseehistory.com) มาตั้งแต่ปลายปี 2549 มาจนบัดนี้ (ก.ค.2553) ก็เกิดความรู้สึกว่าอยากจะหาภาพยนตร์สารคดีสักชุดที่จะให้ความรู้ในภาพรวมของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแนะนำพูดคุยกันบ้าง โดยนึกถึงสารคดีชุด The World at War ที่เคยดูทางทีวีสมัยเด็กๆ เป็นอันดับแรก แต่การจะมีสารคดีชุดดังกล่าวหรือชุดอื่นใดมาจำหน่ายในภาคภาษาไทยนั้นดูจะเพียงความฝันเท่านั้น แม้แต่ที่เป็น DVD Region 3 (คนไทยรวมทั้งผมเองมักจะเรียก Region เป็น Zone) ก็ยังไม่สามารถจะหาได้ในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นตามร้านในเมืองกรุงหรือจากเว็บ Amazon ก็ตาม วันหนึ่งได้ไปมาบุญครองอุตส่าไปแวะที่ร้านลูกแมวชั้น 3 ได้พบเพียงสารคดีชุดนี้เข้าครับ The History Channel World War II ที่ดูชื่อเหมือนจะครอบคลุมเรื่องราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังที่ต้องการ แต่ที่ท้าทายการตัดสินใจคือมันเป็น DVD Region 1 แม้จะได้รับความรู้มาว่าเดี๋ยวนี้เจ้าตัวเครื่องเล่นและคอมพิวเตอร์มันจะสามารถเล่น DVD ได้ทุก Region แล้ว เจ้า Region 1 มันย่อมจะไม่มีซับไตเติ้ลภาษาไทยอย่างที่ Region 3 ควรจะมีอย่างแน่นอน ดูหลังกล่องแล้วคิดว่าอย่างน้อยมันก็เป็นภาษาอังกฤษ และมีซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษด้วยล่ะน่า ไม่ใช่ภาษาอื่นใดที่เราจะไม่รู้เรื่องอะไรเอาเลย อายุเราก็ป่านฉนี้ ศึกษาเรื่องสงครามโลกมาก็เยอะ เคยฟังภาษาอังกฤษทั้งจากฝรั่งตัวจริงและจากในคลิป Youtube มาก็เยอะ บรรดาท่านผู้ชมเว็บที่จะสนใจซื้อก็คงเช่นเดียวกัน ทบทวนอะไรหลายอย่างดังเช่นว่าแล้วก็ตัดสินใจซื้อสารคดีชุดนี้จนได้ครับ
เมื่ออุตส่าหาเวลาดูตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว มีความผิดหวังเล็กๆ น้อยๆ อยู่ 2-3 ประการ ซึ่งที่จริงมันไม่ได้มากมายขนาดจะรู้สึกเสียดายตังค์หรือโยนทิ้งแต่ประการใด แต่เมื่อตัดสินใจนำมาเขียนแลกเปลี่ยนกันทางเว็บแล้วก็ต้องพูดถึงสักนิด ให้ทราบไว้เป็นข้อจำกัดเล็กๆ น้อยๆ ประกอบการตัดสินใจของผู้ที่กำลังคิดจะซื้อดีวีดีจากร้านดังกล่าวที่ดูเหมือนอิมพอร์ตมาจากไต้หวัน ประการแรกคือเนื้อหาของสารคดีนี้มันกล่าวถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในดินแดนยุโรปแทบจะทั้งหมด มีการกล่าว "พาดพิง" ถึงญี่ปุ่นและสงครามในฟากเอเชียเราแต่เพียงเล็กน้อย ดังที่จะเล่าในรายละเอียดต่อไป และอาจเป็นข้อดีสำหรับคนที่หลงใหลแต่เพียงการสงครามกับเยอรมันก็เป็นได้ ประการถัดมาคือ ตามที่ข้อมูลหลังกล่องบอกว่ามีซับไตเติ้ล "English for the Hard of Hearing" นั้น จากที่ดูในคอมพิวเตอร์ทั้งจาก Windows Media Player และ โปรแกรม VLC ก็พบแต่เพียงซับไตเติ้ลภาษาจีนเท่านั้น ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ยังไม่ทราบว่ามันไม่มีซับไตเติ้ลอังกฤษจริงๆ หรือมีแต่ต้องเรียกดูด้วยวิธีการใด ถึงจะผิดหวังในเรื่องนี้เล็กน้อยก็ดังที่กล่าวในย่อหน้าที่แล้วครับ ถ้าใครศึกษาเรื่องสงครามโลกมาพอสมควร ได้เคยฟังภาษาอังกฤษมาพอสมควร ยังสามารถที่จะชมสารคดีชุดนี้ให้เข้าใจได้ตามสมควร อีกประเด็นคือเท่าที่ลอง search หาว่ามีเว็บไซต์แห่งใดขายภาพยนตร์สารคดีชุดนี้หรือไม่ อย่างเช่นที่ Amazon.com นั้น ในขณะนี้พบว่าภาพยนตร์ที่ชื่อเรื่องใกล้เคียงกันกลับกลายเป็นคนละชุดกันไป ท่านที่หวังจะติดตามหาสารคดีชุดนี้จากแหล่งอื่นนอกจากร้านลูกแมวมาบุญครอง ชั้น 3 คงจะยุ่งยากสักนิด แม้กระนั้นผมยังหวังว่าบรรดาผู้แทนจำหน่ายภาพยนตร์ลิขสิทธิ์ทั้งหลายจะได้สนใจนำภาพยนตร์สารคดีที่ให้ภาพรวมของสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ว่าชุดนี้หรือชุดไหนในแบบที่มีพากย์ไทยหรือซับไตเติ้ลไทยและราคาพอสมควรมาจัดจำหน่ายในโอกาสต่อไปครับ
(หมายเหตุ 24 ม.ค. 2554 เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2554 ผมได้ไปห้างมาบุญครองหลังจากว่างเว้นไปนาน พบว่าที่ชั้น 3 บริเวณที่เคยเป็นร้านลูกแมวกลายเป็นร้านแว่นตาไปแล้ว โดยไม่ทราบว่าร้านลูกแมวได้เลิกกิจการหรือย้ายไปอยู่ที่ใด)
ทีนี้มาดูกันครับว่าในแพ็คเกจของสารคดีชุดนี้มีอะไรบ้าง ในกล่องจะประกอบด้วยแผ่น DVD 7 แผ่น ซึ่งแทนที่จะเป็นสารคดีเรื่องเดียวกัน 7 ตอน กลับกลายเป็นเรื่องย่อยๆ รวม 5 เรื่องด้วยกัน ที่ดูเหมือนจะต่างคนต่างทำ และเกี่ยวข้องกันแค่เน้นที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปเหมือนกัน
ภาพยนตร์สารคดีชุดแรกเป็นของบริษัท Visions of War ชื่อว่า The Concise History of World War II อยู่ใน DVD 3 แผ่นแรกแผ่นละตอน ๆ ละ 54 นาที ซึ่งน่าจะจับมารวมกันใน DVD 9 สักแผ่น แล้วอาจจะแยกเป็นชุดของตัวเองต่างหากยังได้
แผ่นที่ 1 War in the West กล่าวถึงแบ็คกราวด์ทางประวัติศาสตร์ของเยอรมันและยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 การขึ้นมามีอำนาจของฮิตเลอร์และพรรคนาซี การรุกรานยุโรปของเยอรมันที่แรกเริ่มก็เป็นเพียงการเข้าไปยึดเชคโกสโลวาเกีย ออสเตรีย ฯลฯ แบบไม่เสียเลือดเนื้อ จนกระทั่งใช้กำลังเข้ารุกรานโปแลนด์ในเดือนกันยายน ปี 1939/พ.ศ.2482 เรื่อยไปจนถึงชัยชนะของเยอรมันในฝรั่งเศส
ฮิตเลอร์จัดประชุมใหญ่ที่เมืองนูเรมเบอร์ก หลังขึ้นสู่อำนาจได้ 18 เดือน
Animation แผนที่การรบของเยอรมันในการบุกฝรั่งเศส
กองทัพรถถังเยอรมันในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์
แผ่นที่ 2 Africa and Asia หลังจากเยอรมันยึดครองฝรั่งเศส ก็เริ่มโจมตีอังกฤษทางอากาศในสงคราม Battle of Britain การสงครามในทะเลทรายอาฟริกาเหนือ การรุกไปยังคาบสมุทรบอลข่าน (กรีก, ยูโกสลาเวีย ฯลฯ) การบุกรัสเซียใบปฏิบัติการบาร์บารอสสา (Operation Babarossa) ซึ่งแรกเริ่มก็ประสบความสำเร็จดีจนกระทั่งถึงฤดูหนาว การบุกเพิร์ลฮาเบอร์และการขยายอำนาจของญี่ปุ่นในเอเชีย ซึ่งดึงอเมริกาเข้าสู่สงคราม ปฏิบัติการของเรือดำน้ำเยอรมันในแอตแลนติค การตีโต้ของรัสเซีย การยึดโทรบรุ๊คในอาฟริกาเหนือ การรุกสู่ทางใต้ของรัสเซีย คอเคซัส และสตาลินกราด ชัยชนะของสัมพันธมิตรในอาฟริกาเหนือที่เอลอลาเมน จนถึงความพ่ายแพ้ของเยอรมันที่สตาลินกราด ในปลายปี 1943/พ.ศ.2486
พลโทรอมเมลมารับตำแหน่งแม่ทัพ Deutschland Afrika Korps ภายหลังได้เลื่อนยศเป็นจอมพล
รถถังแบบปืนจู่โจมและทหารรบเยอรมัน
แผ่นที่ 3 The Turning of the Tides บทบาทของกองเรืออเมริกันในสงครามปราบเรือดำน้ำ และสงครามทางอากาศ การถอยร่นของเยอรมันในอาฟริกาเหนือ และในรัสเซีย การรบที่ Kursk และ Karkov การบุกอิตาลีของสัมพันธมิตร การยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดีในวันดีเดย์ การรบระหว่างเยอรมันกับรัสเซียในยุโรปตะวันออก สัมพันธมิตรปลดปล่อยฝรั่งเศสและเบลเยียม Battle of the Bulge การรุกคืบหน้าของสัมพันธมิตรทั้งด้านตะวันออกและตะวันตกจนถึงการยึดกรุงเบอร์ลิน
เครื่องบินท้ิงระเบิดอเมริกันขณะโจมตีเป้าหมาย
รถถัง Sherman กำลังหลักในการบุกของกองทัพอเมริกัน
Animation แผนที่การรบที่ Kharkov สมรภูมิเลือดอีกแห่งระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย
สารคดีในแผ่นต่อๆ มา ได้แก่
แผ่นที่ 4 The Secrets of the Axis of Evil Part ความยาว 1:32 ชั่วโมง กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมันกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแง่มุมที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน กล่าวคือเยอรมันถ่ายทอดเทคโนโลยีบางอย่างให้กับญี่ปุ่นอย่างลับๆ โดยการใช้เครื่องบินบินผ่านรัสเซียไปยังแมนจูเรียที่ญี่ปุ่นยึดครองอยู่ อันทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาอาวุธลับต่างๆ ขึ้นมา ได้แก่ เครื่องบินไอพ่น และเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล รวมถึงเครื่องบินที่เป็นเสมือนจรวดมิสซายน์บังคับโดยมนุษย์ที่กองบินคามิคาเซ่นำมาใช้ในปลายสงคราม บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวคือชาวเยอรมันนามว่า Karl Haushofer ใครยังหาหนังไม่ได้ลองอ่านบทบาทของคนผู้นี้ได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Karl_Haushofer ครับ
ภาพจำลองอาวุธที่ญี่ปุ่นพยายามพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับจากเยอรมันและอิตาลี
ได้แก่ Flying Missie ที่กลายมาเป็นฝูงบินคามิคาเซ่ เครื่องบินไอพ่น 3 แบบ
เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล 6 เครื่องยนต์ และระเบิดเชื้อโรค
Karl Haushofer ผู้อยู่เบื้องหลังความสัมพันธ์ลับๆ ในกลุ่มอักษะ
แผ่นที่ 5 The Eastern Front: The Road to Stalingrad 1942 directed by Justin McCarthy ความยาว 1:52 ชั่วโมง กล่าวถึงสงครามระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย เริ่มตั้งแต่ Operation Barbarossa ไปจนถึง Battle of Stalingrad ที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้และยอมจำนนของกองทัพที่ 6 ของเยอรมัน
ทหารรัสเซียสอนการใช้ปืนกลมือ MP40 ของเยอรมันให้กับหน่วย Partisan
ขบวนทหารเยอรมันที่ตกเป็้นเชลยศึกที่สตาลินกราด
แผ่นที่ 6 The Eastern Front: The Road to Berlin 1945 directed by Justin McCarthy ความยาว 1:49 ชั่วโมง สารคดีนี้จะว่าเป็นตอนต่อของ The Road to Stalingrad ก็ว่าได้ กล่าวถึงความพ่ายแพ้ของเยอรมันในยุโรปโดยเริ่มจากความพ่ายแพ้ที่สตาลินกราดเรื่อยไปจนถึงชัยฃนะของรัสเซียในการเข้ายึดกรุงเบอร์ลิน ซึ่งต้องผ่านสมรภูมิต่างๆ มากมาย
ทหารเยอรมันที่ตกเป็นเชลยศึกถูกนำมาเดินพาเหรดที่มอสโคว์ในช่วงปลายสงคราม
รถถังรัสเซียกับชัยชนะในช่วงปลายสงคราม
เยอรมันลงนามสงบศึก
แผ่นที่ 7 VE Day Remembered ความยาว 1:55 ชั่วโมง เหตุการณ์การฉลองชัยชนะของสัมพันธมิตรในยุโรป ภายหลังทราบการตายของฮิตเลอร์และเยอรมันยอม และฉลองชัยชนะในวันที่ 8 พฤษภาคม 1945/พ.ศ.2488 ซึ่งเรียกว่า Victory in Europe Day (V-E Day or VE Day) ตรงนี้ยอมรับว่าไม่ค่อยยจะ get นักว่า มันจะสำคัญอะไรขนาดต้องสร้างเป็นสารคดียาวร่วม 2 ชั่วโมงแบบนี้ ไหนสัมพันธมิตรยังจะต้องรบกับญี่ปุ่นอีกตั้งเป็นเดือน มองในแง่ดีได้ประการเดียวว่าเป็นการปิดท้ายสารคดีในแพ็คเกจนี้กันแบบ Happy Ending เท่านั้นครับ
หนังสือพิมพ์ในอังกฤษลงข่าวชัยชนะของสัมพันธมิตร
ทหารและประชาชนที่ออกมาเต้นรำฉลองชัยชนะ
ความน่าสนใจของการรวมสารคดี 5 เรื่อง รวม 7 แผ่น DVD ความยาวราว 10 ชั่วโมงหย่อนๆ นี้ ที่เด่นชัดที่สุดคงจะเป็นเรื่องของภาพยนตร์สงครามที่ถ่ายจากสนามรบจริงโดยช่างภาพสงครามของทุกฝ่ายที่เข้าร่วมรบ เชื่อได้ว่าบรรดาช่างภาพสงครามเหล่านี้ย่อมจะต้องพลีชีพไปในสงครามไปไม่น้อยโดยเจตนาเดิมอาจเป็นเพียงแค่นำภาพเหล่านี้กลับมาใช้เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน แต่เมื่อสิ่งที่พวกเขาบันทึกได้ได้ตกทอดมาถึงรุ่นเรา ทำให้เราได้เห็นได้เข้าใจสงครามในแง่มุมต่างๆ ยากที่การสร้างภาพยนตร์จำลองเหตุการณ์ในภายหลังจะทัดเทียมได้ นับว่าคนรุ่นเราเป็นหนี้บุญคุณช่างภาพสงครามรุ่นพ่อรุ่นปู่เหล่านั้นอย่างมากมาย
ด้านมุมมองเกี่ยวกับความผิดถูกแพ้ชนะในสงคราม ระยะหลังคนไทยเราเริ่มไม่ค่อยจะนิยมอเมริกันอย่างแต่ก่อน อาจเป็นเพราะพฤติกรรมของอเมริกันเองในระยะหลัง กับการที่เราได้มีโอกาสรับข้อมูลข่าวสารด้านอื่นมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อมุมมองของเราต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ไม่น้อย เช่นที่บางคนกลับไปเห็นว่านาซีเยอรมันไม่ได้ผิดในเรื่องการรุกรานยุโรปและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว รวมถึงความเห็นว่าเยอรมัน(และญี่ปุ่น) แพ้สงครามเพราะถูกชาติสัมพันธมิตร "รุม" จากการที่ผมได้ดูภาพยนตร์สารคดีชุดนี้่ตั้งแต่ต้นจนจบพร้อมกับนึกทบทวนความรู้เกี่ยวกับสงครามโลกที่เคยรู้มา ผมก็ยังเชื่อว่าไม่ว่าสงครามและการเมืองยุคนั้นหรือยุคไหนๆ มันก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่อาจจะไม่มีพระเอกแท้ผู้ร้ายแท้ โดยการที่นาซีเยอรมันแก้ปัญหาการขัดผลประโยชน์กับชาติอื่นด้วยการก่อสงครามนั้น ถึงอย่างไรก็ยัง "ผิดมากกว่า" ทางฝ่ายสัมพันธมิตรอยู่นั่นเอง ประเด็นที่อ้างว่าเยอรมันถูก "รุม" นั้น ผมกลับเห็นว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่สัมพันธมิตรมีกี่ชาติ แต่เยอรมันต้องเผชิญกับชาติยักษ์ถึง 2 ชาติ คือ รัสเซีย ที่เยอรมันตัดสินใจรุกรานเอง กับ สหรัฐอเมริกา ที่ถูกดึงเข้ามาเพราะการโจมตีของญี่ปุ่น คำว่า "ชาติยักษ์" ในที่นี้คือการเป็นชาติที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีประชากรมาก มีทรัพยากรมาก และที่สำคัญคือมีพลังทางด้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หนุนหลังอยู่ การจะเอาชนะชาติยักษ์แต่ละชาตินั้น ทางหนึ่งคือแนวคิดแบบที่นายพลเรือเอกยามาโมโตแห่งญี่ปุ่นพยายามทำที่เพิร์ลฮาเบอร์ คือเข้าโจมตีกำลังรบที่สำคัญให้ราบคาบและตั้งตัวไม่ทัน ซึ่งยามาโมโตยังพลาดตรงที่ไม่สามารถทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกันได้ กรณีเยอรมันบุกรัสเซียแม้จะประสบความสำเร็จในช่วงแรกเนื่องจากรัสเซียไม่ทันตั้งตัว แต่จากการมีพื้นที่ขนาดใหญ่ และแผนรบของเยอรมันเองที่เข้าตีมอสโคว์ช้าไป ทำให้รัสเซียสามารถตั้งตัวกลับมารุกไล่เยอรมันได้ ที่สำคัญคือการที่นาซีมองชาวรัสเซียเป็นชาวสลาฟที่ต่ำต้อย มีการเข่นฆ่าชาวรัสเซียอย่างทารุณเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนรัสเซียที่อาจจะไม่ได้ชอบระบอบคอมมิวนิสต์สักเท่าไหร่ และในยามที่ตนเพลี่ยงพล้ำก็ไม่อาจขอเจรจาสันติภาพได้ ในด้านพลังอุตสาหกรรมนั้น ทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างมีโรงงานผลิตอาวุธที่อยู่ในแนวหลังไกลเกินกว่าที่เยอรมันจะเข้าไปแตะต้องได้ ขณะที่เยอรมันเองนอกจากขาดแคลนทรัพยากรแล้วยังถูกอังกฤษและอเมริกาทิ้งระเบิดเมืองต่างๆ อยู่ตลอด
แม้สารคดีชุดนี้จะกล่าวถึงสงครามในยุโรปเป็นหลัก แต่ในส่วนที่พาดพิงถึงญี่ปุ่นบ้างก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในแผ่นที่ 4 The Secrets of the Axis of Evil Part เดิมทีผมเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่นจะเป็นไปอย่างหลวมๆ แบบต่างคนต่างฝันสร้างดาวคนละดวง แล้วเลยเข้าใจว่าการที่ลุงฮิตเลอร์แกไปประกาศสงครามกับอเมริกาหลังจากญี่ปุ่นถล่มเพิร์ลฮาเบอร์เป็นแค่การบ้าจี้ตามญี่ปุ่น แล้วเลยทำให้อเมริกามีเหตุยกทัพมารบที่ยุโรปแทนที่จะรบกับญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สารคดี The Secrets of the Axis of Evil Part ทำให้เห็นว่าเยอรมันกับญี่ปุ่นในช่วงนั้นมีความสัมพันธ์กันมากกว่าที่ผมเคยเข้าใจ ถึงขนาดมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีกันดังที่ได้กล่าวในรายละเอียดของแต่ละแผ่น การที่ฮิตเลอร์ประกาศสงครามกับอเมริกาจึงไม่ใช่แค่การบ้าจี้เอาใจญี่ปุ่นอย่างฉาบฉวยหรือการสร้างภาพอย่างที่ผมเคยเข้าใจ
พอจะทำใจว่าสารคดีชุดนี้อาจจะไม่ได้ครอบคลุมสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งหมดอย่างที่อยากได้แต่แรก ก็น่าจะครอบคลุมสงครามในยุโรปทั้งหมด แต่ดูไปดูมาก็ยังขาดบางเหตุการณ์อยู่เหมือนกัน เช่น Operation Marget Garden การต่อสู้ของชาวยิวและชาวโปแลนด์ในประเทศโปแลนด์ รายละเอียดจะหนักไปในเรื่องการรบระหว่างเยอรมันกับรัสเซียดังปรากฏในแผ่นที่ 5 และ 6 เลยยิ่งทำให้ผมคิดถึงสารคดีชุด The World at War ที่เคยดูทางทีวีสมัยเด็กๆ มากขึ้น แม้กระนั้นผมยังเห็นว่าสารคดีชุดนี้ยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปอยู่ไม่น้อยครับ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อันชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : The History Channel World War II Ultimate Collections
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์