dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



สารคดี Vietnam's Unseen War: Pictures from the Other Side "ข้างหลังภาพ" เวอร์ชันสงครามเวียดนาม
วันที่ 19/05/2013   21:27:39

webmaster@iseehistory.com

สมัยนี้ใครๆ ก็สามารถที่จะถ่ายภาพกับโทรศัพท์มือถือหรือกล้องถ่ายรูปดิจิตอลในสนนราคาตามแต่จะหาซื้อกันมา  ถ่ายแล้วจะภาพจะสวยแค่ไหนก็อีกเรื่อง  ถ่ายเสร็จแล้วเอาไปขึ้นเว็บใน hi5, Facebook หรืออะไรก็ตามแต่ในอินเทอร์เน็ต  พร้อมที่จะให้คนทั่วโลกเข้ามาชมได้  ส่วนเขาจะมาพบหรือไม่ด้วยวิธีการใดก็อีกเรื่องเช่นกัน  ยิ่งคนอายุน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งยากที่จะจินตนาการได้ว่า  การถ่ายรูปแต่ก่อนทำไมมันต้องมีการล้างฟิล์มในห้องมืดแล้วมาอัดขยาย  มีทั้งฟิล์มสีฟิล์มขาวดำฟิล์มสไลด์  ฯลฯ   นอกจากเรื่องของเทคโนโลยีแล้ว  ในยุคที่คล้ายกับว่าจะมี "กล้อง" อยู่รอบตัวเราไปหมดนี้  เห็นในเว็บสังคมออนไลน์ของหลายๆ ท่าน บางทีไม่รู้จะถ่ายอะไรก็ถ่ายแต่หน้าตัวเองเต็มๆ มุมนั้นมุมนี้  ถ้าหล่อจริงสวยจริงก็ยังพอทน  ไม่งั้นแล้ว ... อย่าให้พูดต่อเลย  มีสักกี่คนที่จะเลือกถ่ายภาพเพื่อสื่อความหมายต่อคนในวงกว้างอย่างมีคุณค่า  ดังเช่นเมื่อย้อนไปในสงครามเวียดนาม ช่างภาพตะวันตกได้ถ่ายรูปเพื่อการ "ทำข่าว" ให้พวกพ้องในแนวหลังได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในสมรภูมินั้น  ซึ่งอาจจะมีเรื่องของผลประโยชน์และชื่อเสียงพ่วงมาด้วย  ขณะที่ช่างภาพอีกฝ่ายคือเวียดนามเหนือนั้น  เขาคิดกันถึงขนาดว่าภาพที่พวกเขาถ่ายไว้นั้น  อาจมีผลต่อการแพ้ชนะของสงครามเช่นเดียวกับการสู้รบด้วยอาวุธเลยทีเดียว  สารคดีของ National Geographic เรื่อง Vietnam's Unseen War: Pictures from the Other Side (2001) ที่ผมกำลังจะกล่าวถึงนี้  จะพาท่านไปรู้จักกับช่างภาพในยามสงครามกับผลงานของพวกเขา ซึ่งเป็นสงครามเวียดนามในแง่มุมที่โลกตะวันตกไม่เคยพบเห็นมาก่อน และแฝงไว้ด้วยหลายๆ รสชาดของสงครามที่เกินกว่าจะบรรยายด้วยคำพูด  จนอาจกล่าวว่าเป็น "ข้างหลังภาพ" ในเวอร์ชันสงครามเวียดนามก็ว่าได้

สำหรับบทความแนะนำนี้ผมคงไม่ต้องเสียเวลากับการเล่าเรื่องย่อ (ที่บางทีก็ไม่ค่อยย่อ) หรืออธิบายภูมิหลังประวัติศาสตร์กันให้มากนะครับ สารคดีนี้เดินเรื่องโดยให้ Tim Page ช่างภาพชาวอังกฤษที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในสงครามเวียดนามเมื่อ 35 ปีก่อน เดินทางไปแสวงหาบรรดาช่างภาพของ "ฝ่ายตรงข้าม" ในยุคนั้น โดยได้พบปะพูดคุยกับช่างภาพเวียดนามรวม 4 คนด้วยกัน  ซึ่งที่จริงต้องมีมากกว่านี้แน่นอนทั้งที่ยังอยู่และเสียชีวิตไปแล้ว  แต่เพียงเท่านี้ก็ได้เห็นภาพถ่ายและเรื่องราวเบื้องหลังภาพกันแบบคุณภาพคับแผ่น DVD แล้วละครับ  เชิญพบกับ ทิม เพจ และช่างภาพเวียดนามทั้ง 4 ได้เลยครับ

ทิม เพจ มา เดินทางมาเวียดนามเมื่อปี 1965 (พ.ศ.2508) ขณะนั้นอายุ 20 ปี  เป็นฮิปปี้ที่แสวงหาการผจญภัย เคยเดินทางไปหลายประเทศมาก่อน ในสงครามเวียดนาม (ที่คนเวียดนามเรียกว่า "สงครามอเมริกัน" และเรียกสงครามระหว่างพวกเขากับกองทัพฝรั่งเศสก่อนหน้านั้นว่า "สงครามฝรั่งเศส") เขาได้ถ่ายภาพให้กับนิตยสารต่างๆ ที่มีชื่อเสียง เช่น Times จนกระทั่งในเดือนเมษายน 1969 ขณะที่ทิมกำลังติดตามทหารอเมริกันไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เขาก็ต้องบาดเจ็บสาหัสซะเองจากกับระเบิดลูกหนึ่ง (ในเรื่องไม่ได้ระบุชัดว่าเขาเหยียบกับระเบิดลูกนั้นเองหรือเปล่า  ถ้าใช่เขาน่าจะขาขาดแต่กลับไปบาดเจ็บที่ศีรษะ ถ้าคนอื่นเหยียบก็ไม่เห็นกล่าวถึงเลย) ทิมจึงถูกส่งกลับและไม่ได้ไปเวียดนามอีกเลยจนกระทั่ง 35 ปีถัดมาเพื่อร่วมการถ่ายทำสารคดีชุดนี้แหละครับ  เชิญอ่านเรื่องราวของเขาเพิ่มเติมได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Tim_Page_%28photographer%29 


ทิม เพจ (Tim Page) ช่างภาพฝรั่งที่มาถ่ายภาพในสงครามเวียดนามตามวิถีทางของคนตะวันตก 
และกลับมาเวียดนามในอีก 35 ปีถัดมาเพื่อพบปะกับช่างภาพของ "อีกฝ่ายหนึ่ง"


ผลงานของ ทิม เพจ ภาพแรกเป็นทหารเวียดกงที่ถูกทหารเวียดนามใต้ซ้อม  ภาพอื่นคงไม่ต้องบรรยายย



แวน บาว เป็นช่างภาพที่กรุงฮานอย  ภาพที่เขาถ่ายจึงมักเกี่ยวกับผลจากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐอเมริกาในเวียดนามเหนือ ภาพถ่ายสำคัญของเขาได้แก่ภาพของ นท.โรเบิร์ต ชูเมกเกอร์ นักบินอเมริกันคนที่ 2 ที่ถูกเวียดนามเหนือจับเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 1965 ที่ ควางเบียนห์ ซึ่งหลังจากถ่ายภาพแล้ว  แวน บาว ไม่ได้พบเห็น นท.ชูเมกเกอร์อีกเลย  ในภายหลังนักบินผู้นี้ได้กลับบ้านในปี 1973 (พ.ศ.2516)  อีกภาพที่สร้างความสะเทือนใจแก่เขาอย่างมากคือภาพผู้เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศในท่ามกลางซากปรักหักพังที่เมืองๆ หนึ่ง


แวน บาว ช่างภาพสงครามในกรุงฮานอย


แถวกลางภาพขวาคือการจับกุม นาวาโทโรเบิร์ต ชูเมกเกอร์ นักบินอเมริกันคนที่ 2 ที่ตกเป็นเชลย
ภาพล่างขวา เป็นภาพที่ทำให้ แวน บาว ต้องเสียน้ำตาเมื่อนำมาให้ ทิม เพจ ชม



ไม นาม ช่างภาพพลเรือนเวียดนามเหนือ ที่ได้ข้ามแม่น้ำ เบน ไฮ ที่แบ่งเวียดนามเหนือใต้ ไปยัง วินห์ มอค ซึ่งอยู่ชายฝั่งทะเลและเป็นเป้าหมายจากการโจมตีทางเรือของข้าศึก  ทำให้บรรดาอาสาสมัครและชาวบ้านนับพันคนต้องขุดอุโมงค์ลงไปอยู่ใต้ดินกัน  ไม นาม ได้อยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ราวกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน  ครั้งหนึ่งเขาได้ถ่ายภาพคณะนักร้องหญิงที่ร้องเพลงปลอบขวัญผู้คนในอุโมงค์แห่งนั้นในยามค่ำคืนโดยต้องนำดินปืนจากกระสุนปืนมาเผาให้เกิดแสงสว่างแทนการใช้ไฟแฟลช  ในสารคดีนี้เขายังได้กลับไปพบกับบรรดาชาวบ้านที่เคยอยู่ในอุโมงค์ร่วมกับเขาที่อาคารไม้แห่งหนึ่งซึ่งจัดแสดงภาพถ่ายของเขาเอง


ไม นาม ช่างภาพที่ข้ามจากเวียดนามเหนือสู่ชายแดนเวียดนามใต้


แถวกลางภาพขวาคือภาพที่ต้องถ่ายในอุโมงค์โดยใช้ไฟจากการเผาดินปืนจากกระสุนปืนแทนแฟลช
ล่างซ้าย ไม นาม กลับไปพบชาวบ้านที่เคยอยู่ในอุโมงค์ วินห์ มอค ด้วยกัน
ล่างขวา ชาวบ้านกำลังชมนิทรรศการภาพถ่าย



ลี มินห์ ทรอง (หน้าตาคล้ายๆ หงจินเป่า นะครับ แต่นี่คงไม่ใช่ประเด็น) เป็นช่างภาพที่อยู่ค่อนข้างจะใกล้ชิดสนามรบสักนิด  ภาพหนึ่งที่มีเบื้องหลังที่ค่อนข้างสะเทือนใจคือภาพสตรีผู้หนึ่งกำลังเขียนจดหมายไปถึงครอบครัว  เธอคือหัวหน้ากลุ่มเยาวชนหญิง 5 คน ที่ทำหน้าที่ปลดชนวนระเบิดของลูกระเบิดที่ทิ้งลงมาจากเครื่องบินที่ โฮจิมินห์ เทรล ซึ่งต้องเสียชีวิตในภายหลังถ่ายภาพดังกล่าวขณะปฏิบัติหน้าที่แบบหมองูตายเพราะงูนั่นแหละครับ  เขาจึงต้องรับหน้าที่ส่งจดหมายนั้นตามความตั้งใจของเธอ


ลี มินห์ ทรอง ช่างภาพที่ใกล้ชิดสงครามมากผู้หนึ่ง


ผลงานของ ลี มินห์ ทรอง ภาพล่างขวาคือหัวหน้าเยาวชนหญิงที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ปลดชนวนระเบิด



ดอน กอง ทินห์ อดีตช่างภาพกองทัพเวียดนามเหนือ เป็นคนที่จัดว่าใกล้ชิดสงครามที่สุดในจำนวน 5 คน (รวม ทิม เพจ) ก็ว่าได้ วีรกรรมสำคัญของเขาเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ปี 1972 (พ.ศ.2515) ขณะเกิดการบหนักที่เมือง ควาง ทรี เขาถูกห้ามเข้าไปในบริเวณการสู้รบเนื่องจากอันตรายเกินไป  แต่เขาได้ขัดคำสั่งโดยขอให้หน่วยกองโจรท้องถิ่นพาเขาออกจากหน่วยที่สังกัดเข้าไปในเมืองจนถึงป้อมปราการโบราณที่เป็นศูนย์กลางการสู้รบ  ในฐานะที่เขาเป็นทหารก็เป็นการเสี่ยงต่อการขึ้นศาลทหารเนื่องจากเป็นการขัดคำสั่ง  แต่เขาก็ต้องทำในฐานะช่างภาพที่ต้องได้ภาพที่ดีที่สุด  ซึ่งในสารคดีก็ไม่ได้กล่าวว่าเขาถูกลงโทษประการใดหรือไม่  นอกจากว่าเขาเป็นช่างภาพคนเดียวที่ใกล้ชิดการรบที่สุด  และคนหนุ่มหลายคนในภาพถ่ายของเขาได้เสียชีวิตจากการสู้รบในเวลาต่อมา


ดอน กอง ทินห์ ผู้จำต้องละเมิดวินัยทหารเพื่อให้ได้ "ภาพที่ดี"


ภาพชีวิตทหารในเมืองควาง ทรี ที่หลายยคนในภาพต้องเสียชีวิตไปในการรบครั้งนั้น



บรรดาช่างภาพเวียดนามเหนือนอกจากจะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ด้อยกว่าช่างภาพตะวันตกอย่าง ทิม เพจ แล้ว  กระทั่งการล้างฟิล์มก็ต้องอาศัยความมืดของป่าในยามราตรีที่คนอื่นหลับกันหมดแทนห้องมืด  และในการนำฟิล์มภาพถ่ายกลับไปยังแนวหลังก็เป็นภารกิจที่เสี่่ยงชีวิตไม่น้อยไปกว่าการถ่ายภาพ  แต่ดูเหมือนไม่มีอะไรหยุดพวกเขาได้ 


ภาพจำลอง "ห้องมืด" ของช่างภาพเวียดนามเหนือ ซึ่งก็คือป่าริมลำธารในยามที่คนอื่นหลับกันหมด


การเดินเรื่องของภาพยนตร์สารคดีนี้ ทำให้เกิดบรรยากาศของช่างภาพที่มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันให้เราฟังอย่างเป็นกันเอง โดยก้าวข้ามเรื่องความผิดถูกดีเลวของการแบ่งฝ่ายในสงครามไปโดยสิ้นเชิง  แม้ว่าภาพที่นำมาโชว์ในภาพยนตร์จะเป็นภาพขาวดำเป็นส่วนใหญ่  แต่มีความงดงามชนิดที่ไม่อยากรู้อยากเห็นสีจริงๆ ของภาพเลย  แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าในยุคกล้องดิจิตอลอย่างทุกวันนี้จะถ่ายภาพขาวดำให้สวยขนาดนี้ได้อย่างไร

จะว่าไปแล้ว บรรดาช่างภาพสงคราม ไม่ว่าทหารหรือพลเรือน ไม่ว่าช่างภาพนิ่งหรือช่างภาพยนตร์ ไม่ว่าในสงครามเวียดนามดังที่กล่าวหรือในสงครามไหนๆ  ไม่ว่าฝ่ายเดียวกับเราหรือฝ่ายตรงข้าม ล้วนเป็นผู้ที่ต้องเสี่ยงตายไม่น้อยไปกว่าทหารที่จับอาวุธต่อสู้  และเป็นผู้ที่เราเป็นหนี้บุญคุณในการที่พวกเขาได้ถ่ายทอดภาพของสงครามมาสู่พวกเราให้ได้เห็นสงครามทั้ง "ความตาย" และ "ชีวิต"  อันเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าร่วมกับหลักฐานประวัติศาสตร์ประเภทอื่นๆ ครับ

คำคมชวนคิด

  • "สำหรับพวกเขา (บรรดาช่างภาพสงครามของฝ่ายเวียดนามเหนือ) ภาพถ่ายคืออาวุธที่จะช่วยให้ชนะสงคราม" บทบรรยายตอนต้น
     
  • "ทิมเชื่อว่ามีความผูกพันลึกซึ้งระหว่างพวกช่างภาพ เหนือกว่าเชื้อชาติ เหนือกว่าการเมือง เหนือกว่าพรมแดน ความเชื่อใจที่เกิดจากความทุกข์ของสงคราม" บทบรรยาย
     
  • "มันดูน่ากลัวมากจนผมไม่อยากถ่ายภาพ  แต่ผมต้องเก็บภาพว่าสงครามทิ้งอะไรไว้ เราต้องหาทางไม่ว่าจะเป็นผู้สื่อข่าวหรือพลเรือน เป็นชาวเวียดนามหรือเป็นชาติอื่นใดในโลก เพื่อป้องกันสงคราม ไม่ให้เกิดภาพเช่นนี้ขึ้นอีก" แวน บาว
     
  • "ผมอยากให้ภาพของผมแสดงว่าประชาชนเวียดนามเด็ดเดี่ยวแค่ไหน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว วิธีที่เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญ พร้อมจะตายเพียงเพื่อให้ประเทศกลับมารวมกัน" ไม นาม
     
  • "วีรบุรุษเป็นแค่คนธรรมดา คนหนุ่มสาวเหล่านี้ มิใช่คนพิเศษ แค่คนหนุ่มสาว" ไม นาม
     
  • "ภาพที่ผมนำมามีค่ามาก ผมรู้ดีถึงคุณค่าของมัน มิใช่แค่ปัจจุบัน แต่อนาคตด้วย ... นำภาพกลับยากกว่าการถ่ายภาพ" ดอน กอง ทินห์

เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Vietnam's Unseen War: Pictures from the Other Side (2001)

ชื่อภาษาไทย :  สงครามเวียดนาม

ผู้สร้าง : National Geographic

ผู้เขียนบท :  Brian Breger

ควรอ่านเพิ่มเติม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

  • (ยังไม่มี)

เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ

หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ

Bookmark and Share

ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์

 



สงครามเวียดนามและอินโดจีน

1968 Tunnel Rats อุโมงค์นรก สงครามเวียดกง วันที่ 19/05/2013   21:26:24
สารคดี Ho Chi Minh: Vietnam's Enigma วันที่ 19/05/2013   21:28:40
The Green Berets วันที่ 19/05/2013   21:29:29
คิลลิ่งฟิลด์ แผ่นดินของใคร ใครล้างผลาญแผ่นดิน วันที่ 19/05/2013   21:30:55
พลาทูน (Platoon) แง่มุมทางประวัติศาสตร์สงครามเวียดนามที่ทหารอเมริกันตัวจริงได้มีส่วนร่วม วันที่ 19/05/2013   21:31:54
Air America ฉีกหน้ากาก CIA ในลาวด้วยอารมณ์ขัน วันที่ 19/05/2013   21:32:54
A Rumor of War สงครามเวียดนาม ในอีกมุมมองหนึ่ง วันที่ 19/05/2013   21:33:44
Hamburger Hill วันที่ 19/05/2013   21:34:29
We Were Soldiers วันที่ 19/05/2013   21:35:25



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker