โดย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง (Mrs.William Pitt!)
ในโลกของวรรณกรรมนั้นมีเรื่องราวการผจญภัยอยูมากมายหลายรูปแบบ ทั้งการผจญภัยในโลกกว้างของ มาร์ค ทเวน การผจญภัยในโลกมืดหม่น ต่อสู้ชีวิต ของ ชาร์ล ดิคเก้นส์ และการ์ผจญขภัยของเด็กสาวเพื่อตามหารักแท้โดย เจน ออสเต็น แต่ยังมีการผจญภัยอีกรูปแบบหนึ่งที่อยู่ในโลกอันลึกลับ ของ จอห์น คลีแลนด์
การผจญภัยดังกล่าวนี้คือการผจญภัยในโลกแห่งโลกีย์ของแฟนนี่ ฮิลล์ ซึ่งเป็นตัวละครหลักของหนังสือชื่อเรื่องเดียวกัน เนื้อเรื่องนั้นว่าด้วยหญิงสาวซึ่งสูญเสียบิดามารดาไปด้วยโรคร้าย และถูกหลอกลวงมาอยู่ในลอนดอน เธอถูกขายเป็นโสเภณีแต่ด้วยความโชคดีได้พบกับชาร์ล ชายหนุ่มรูปงามที่หลงรักเธอและพาเธอหนีไปอยู่ด้วยกัน แต่โชคไม่เข้าข้างนานนักเพราะบิดาของหนุ่มน้อยผู้นั้นไม่สนับสนุนการแต่งงานของทั้งสองและแยกลูกชายออกทะเลไป ชีวิตของแฟนนี่ต้องระหกระเหินกระทั่งกลับไปสู่วังวนโลกีย์อีกครั้งหนึ่งและได้พบปะกับชายหลายคน แต่ถึงอย่างไรหัวใจของเธอก็ยังเป็นของชาร์ลอยู่เสมอ
ผู้เขียนยังไม่ได้อ่านหนังสือต้นฉบับ แต่พอทราบมาเล็กน้อยว่าในหนังสือนั้นเต็มไปด้วยบทอัศจรรย์ ทั้งยังมีภาพวาดที่แสดงให้เห็นถึงการร่วมเพศโดยโจ่งแจ้ง แต่ในเวอร์ชั่นภาพยนต์ปี 2007 นั้นสามารถตัดทอนออกมาได้ดีโดยที่ไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไป
แฟนนี่ ฮิลล์ ในเวอร์ชั่นภาพยนต์ที่ได้ชมนี้มีเนื้อหาสนุกสนาน และมีอารมณ์ขันเป็นเลิศ ในบรรดาตัวละครชายเด่นๆที่เข้ามามีความสัมพันธ์กับ แฟนนี่นั้นมีทั้งหมด คน ซึ่งแต่ละคนก็นำเสนอมุมมองความรักแน่แง่ที่แตกต่างกันออกไป
1) ชาร์ล สแตนดิ้ง ซึ่งเป็นทั้งผู้ชายคนแรก รักแรก และ รักเดียวของแฟนนี่ เขาเป็นตัวแทนความรักแท้ที่มั่นคงยิ่งใหญ่ ซึ่งเอาชนะอุปสรรคและกาลเวลาได้
2) มิสเตอร์ H หนุ่มใหญ่ที่มาพร้อมกับความลึกลับ เขารับเลี้ยงดูแฟนนี่ หลังจากที่ชาร์ลถูกพ่อแยกไป แม้ว่าบุคลิกในเรื่องของเขาจะลึกลับ ไม่ยอมบอกแม้แต่ชื่อจริง แต่ก็พอจะเดาได้ว่ามิสเตอร์ H เป็นคนร่ำรวยมีครอบครัวแล้ว เลี้ยงแฟนนี่ไว้ในฐานะภรรยาลับ ในมุมมองส่วนตัวคิดว่าความรักระหว่างแฟนนี่ กับมิสเตอร์ H นั้นดูจะลึกซึ้งกว่าชาร์ลเสียด้วยซ้ำไป เพราะความสัมพันธ์ทางใจในกรณีนี้เป็นสิ่งที่ค่อยๆเกิดขึ้นทีละเล็กทีน้อยตามหลังความสัมพันธ์ทางกายโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว กลายเป็นความรักที่อบอุ่นในช่วงกลางๆ และพัฒนาไปจนเป็นความรักร้อนแรงและนำมาซึ่งความหึงหวงในที่สุด นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของแฟนนี่ กับมิสเตอร์ H ยังแสดงถึงความไม่เท่าเทียมทางสังคมซึ่งจะกล่าวต่อไปในกรณีของวิลเลี่ยม
3) วิลเลี่ยม เด็กรับใช้หน้าตาธรรมดาๆของ มิสเตอร์ H เรื่องของวิลเลี่ยมมีอยู่ว่า วันหนึ่งแฟนนี่เข้าไปเห็นมิสเตอร์ H กำลังมีความสัมพันธ์กับสาวใช้อยู่ ด้วยความรู้สึกหึงหวงที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวเองรักมิสเตอร์ H ทำให้แฟนนี่เกิดอยากแก้แค้นจึงเอาคืนโดยการล่อลวงวิลเลี่ยมมากระทำการอย่างเดียวกันกับที่มิสเตอร์ H ทำ ซึ่งพอมิสเตอร์ H มาเห็นเข้าก็เกิดโมโหเป็นการใหญ่โต แฟนนี่ อธิบายให้ฟังว่าเธอแค่อยากแก้แค้นเท่านั้น สิ่งที่เธอทำ มันก็ไม่ได้ต่างไปจากสิ่งที่เขาทำเลย ถึงแม้ว่ามิสเตอร์ H จะรับฟังอย่างเข้าใจ แต่ก็ไม่สามารถให้อภัยได้และยุติการอุปภัมป์แฟนนี่นับแต่บัดนั้น
4) เพอร์ซี่ เป็นเด็กหนุ่มขี้อาย ที่พ่อพามาที่สถานเริงรมย์ซึ่งแฟนนี่สังกัดอยู่เพราะกลัวว่าลูกชายจะไม่เป็นชายเต็มตัว ด้วยความที่แฟนนี่ยังดูเป็นเด็กบริสุทธิไร้เดียงสารุ่นราวคราวเดียวกันจึงได้รับเลือกให้ปฏิบัติภารกิจนี้ หลังจากที่เพอร์ซี่ได้ทำการขึ้นครูแล้วผู้เป็นพ่อก็พอออพอใจนัดหมายให้ไปให้ความบันเทิงสัปดาห์ละสองครั้งทั้งพ่อทั้งลูก (......) นานเข้าเพอร์ซี่ก็เกิดหลงรักแฟนนี่ขึ้นมาอยากจะให้แฟนนี่ไปอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่แฟนนี่รู้ว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่วแล่นของเด็กหนุ่มจึงตอบปฏิเสธ
5) มิสเตอร์ นอร์เบิร์ท ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนไม่แข็งแรง ในเรื่องดูท่าทางเดินเหินไม่สะดวก และพูดติดอ่าง ตามแฟนนี่มาแค่อยากมีเพื่อนคุย เข้ามาอยู่ในวงสังคมพูดคุยกันกับสตรีในสถานเริงรมนั้น วันหนึ่ง มิสเตอร์ นอร์เบิร์ท ได้เล่าเรื่องหญิงคนรักที่จากไปให้แฟนนี่ฟัง และได้ร่วมรักกับแฟนนี่โดยสมมุติว่าเธอเป็นคนรักเก่าของเขา กระทั่งเสียชีวิตไปในอ้อมอกของแฟนนี่ (..........) สำหรับมิสเตอร์ นอรเบิร์ทนั้น คือความรักฉันท์มิตรสหาย
6) มิสเตอร์กูดเยียร์ คนนี้เป็นคนพิเศษ ถือเป็นความรักบริสุทธิ์ครั้งเดียวในเรื่อง มิสเตอร์กูดเยียร์รักและเมตตาแฟนนี่อย่างบิดาต่อบุตร หลังจากที่รับอุปการะแฟนนี่ไม่นานก็เสียชีวิตโดยทิ้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดไว้ให้แฟนนี่
แฟนนี่ ฮิลล์ ซึ่งผ่านการเรียบเรียงใหม่และนำเสนอโดยภาพยนต์ในเวอร์ชั่นนี้จัดว่าเป็นภาพยนต์ในข่ายอีโรติคที่ดูล่อแหลม แต่ถ้าหากสามารถคัดแยกเอาอคติออกจาบทอัศจรรย์ทั้งหลายได้แล้วจะพบว่าเนื้อเรื่องสะท้อนให้เห็นแง่คิด และความรักในอีกมุมมองหนึ่งซึ่งมีความลึกซึ้งไม่แพ้นิยายเรื่องอื่นๆ เพียงแต่ในชมนั้นต้องใช้วิจารณญาณเป็นอย่างยิ่งเพื่อแยกแยะเอาความแนวคิดดีๆ ออกจากด้านมืดที่แสดงสัญชาตญาณมนุษย์ที่ปะปนคลุกเคล้ากันอยู่