dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี : "ตำนาน" ที่คงต้องรอตอนจบกันอีกนาน
วันที่ 19/05/2013   19:32:48

 webmaster@iseehistory.com

เวลาที่มีการวิจารณ์ภาพยนตร์ในชุด "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ของท่านมุ้ยมากๆ เข้า  จะมีบางเสียงออกมาปกป้องประมาณว่า จะเอาอะไรกันมากในเมื่อชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "ตำนาน"  คำๆเดียวกันนี้จะมีอาถรรพณ์อะไรหรือเปล่าไม่ทราบ  ทำให้ภาพยนตร์ในชุดนี้ค่อยๆ คลอดออกมาทีละภาคอย่างยาวนานจนถึงภาค 4 แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ราวกับเป็นการตำน้ำพริกที่ "ตำนาน" เหลือเกินจนไม่รู้ว่าตำไปแล้วจะละลายแม่น้ำหรือไม่เพียงใด  ครั้งนี้เรามาคุยกันถึงเรื่อง  "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี" กันซะที  เหตุที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำว่า "ยุทธนาวี" อยู่ในชื่อนั้น  เข้าใจว่าเดิมทีจะให้ภาพยนตร์จบลงในภาคที่ 4 แล้วเลยตั้งชื่อว่า 3 ว่า "ยุทธนาวี" ให้คู่กับภาค 4 ที่ควรจะเป็นภาคจบว่า "ยุทธหัตถี" แต่เอาเข้าจริงๆ ยังไม่สามารถจบลงในภาค 4 ได้  แล้วในภาค 3 เหตุการณ์ "ยุทธนาวี" นั้นเด่นเพียงพอหรือไม่  มาเข้าเรื่องภาพยนตร์กันซะที  ในครั้งนี้ขอที่จะไม่เล่าตามลำดับเหตุการณ์จริงๆ ในภาพยนตร์  แต่จะขอแยกเป็น 2 ประเด็นดังนี้ครับ

เหตุการณ์ที่ควรจะเป็นตามประวัติศาสตร์ เริ่มเรื่องมีการท้าวความเดิมในภาค 1 และ 2 ในแบบที่น่าจะกำลังพอดีๆ ทั้งกับคนที่เคยดูและไม่เคยดูทั้งภาคดังกล่าวมาก่อน  แล้วมาเริ่มเรื่องจริงๆ ตอนที่สมเด็จพระนเรศวรนำทัพและครัวชาวไทยจากเมืองพม่ากลับมาถึงกำแพงกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2126 สมเด็จพระนเรศวรได้นำมณีจันทร์ไปถวายตัวกับพระวิสุทธิกษัตรีพระมารดา  และทูลเหตุการณ์ต่างๆ ให้พระราชบิดาและพระราชมารดาทรงทราบ  ด้านพระเจ้ากรุงหงสาวดีนันทบุเรงซึ่งกำลังรบติดพันอยู่กับพระเจ้าอังวะตะโดเมงสอ ทราบข่าวการประกาศอิสรภาพของไทย  ได้มีพระบัญชาให้พระยาพะสิมยกทัพไปยังอโยธยา  สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบข่าวศึกจึงได้ไปกราบทูลพระบิดาถึงเรื่องการศึก  โดยมีพระดำริให้เทครัวหัวเมืองเหนือเข้ามาในกำแพงเมืองอโยธยา  แต่ระหว่างที่รอทำศึกอยู่นี้ก็พอดีเกิดเหตุอันเป็นที่มาของชื่อเรื่องในภาคนี้  คือ สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงระแวงพระยาจีนจันตุ  จึงโปรดให้พระราชมนูทำหน้าที่สืบข่าว  จนทราบว่าพระยาจีนจันตุได้พยายามลอบส่งข่าวไปยังพระยาละแวกนายเก่าของตนที่กัมพูชา  เมื่อพระยาจีนจันตุรู้ตัวก็ลงเรือสำเภาหนี  สมเด็จพระนเรศวรจึงยกทัพเรือออกติดตาม  ซึ่งพระยาจีนจันตุได้พยายามทุกวิถีทางที่จะหนีจนกระทั่งพ้น  รายละเอียดการสู้รบนั้นดูกันจากในภาพยนตร์ก็แล้วกันครับ  เมื่อกลับถึงเมืองละแวก  พระยาจีนจันตุได้ทูลข้อราชการต่างๆ ตามที่ได้ทราบพร้อมทั้งเสนอแนะให้พระยาละแวกผูกมิตรกับอโยธยา  นักพระสัฏฐาหรือพระยาละแวกมีบัญชาให้พระอนุชาคือพระศรีสุพรรณนำทัพไปสมทบกับทัพของสมเด็จพระนเรศวรในการต่อสู้กับกองทัพพม่าที่กำลังยกมาทั้งที่พระศรีสุพรรณไม่ค่อยจะเชื่อในพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรตามที่พระยาจีนจันตุทูลสักเท่าไหร่ 


พระยาจีนจันตุ


กระบวนเรือรบที่ออกติดตามพระยาจีนจันตุ


เรือสำเภาของพระยาจีนจันตุ


พระยาพะสิม

กองเรือไทยระดมยิงกองทัพพระยาพะสิมแตกพ่ายไป

ด้านอโยธยานั้น สมเด็จพระนเรศวรได้โปรดฯให้พระยาจักรีศรีองครักษ์กับพระยาพระคลังยกทัพเรือไปสกัดพระยาพะสิมที่กำลังเดินทัพเลียบลำน้ำมา  โดยใช้ปืนเรือสำเภาระดมยิงจนกระทั่งทัพพระยาพะสิมต้องถอยร่นกลับไป  จากนั้นสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถได้ยกทัพไปรบกับกองทัพของพระเจ้าเชียงใหม่ โดยทรงวางแผนล่อพระเจ้าเชียงใหม่ให้ออกจากค่ายบ้านสะเกษมายังทุ่งบางแก้วที่ได้ทรงวางกำลังไว้เพื่อการซุ่มโจมตี  ซึ่งหน้าที่ในการนำทัพหน้าไปล่อกองทัพพระเจ้าเชียงใหม่ก็ตกเป็นของพระราชมนูซึ่งพอถึงเวลาเข้าจริงๆ  พระราชมนูเกิดรบติดพันคิดว่าตัวเองเป็นต่อจนเกือบจะไม่ยอมถอยทัพล่อพระเจ้าเชียงใหม่ลงมาตามแผน  จนสมเด็จพระนเรศวรต้องตรัสกับพระยาราชวังสันว่าถ้าพระราชมนูไม่ยอมถอยให้ตัดศีรษะมาถวาย  พระราชมนูจึงยอมถอยทัพลงมา  แล้วพระเจ้าเชียงใหม่ก็ถูกกองทัพสมเด็จพระนเรศวรซุ่มโจมตีพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ

ส่วนหนึ่งของฉากการรบกับพระเจ้าเชียงใหม่

อันที่จริงได้มีผู้เปรียบเทียบเรื่องราวในภาพยนตร์ภาคนี้กับหลักฐานประวัติศาสตร์ต่างๆ ไว้อย่างละเอียดลออแล้ว คือท่านผู้ใช้นามแฝงว่า "ศรีสรรเพชญ์ (Slight06)" ใน pantip.com ผู้สนใจสามารถตามไปอ่านเพิ่มเติมกันได้ที่   http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/10/K11158910/K11158910.html สำหรับผมจะมีประเด็นของตัวเองต่างหากในตอนท้ายครับ

เรื่องราวของตัวละครที่แต่งเติมขึ้นมา ความรักระหว่างพระองค์ดำหรือสมเด็จพระนเรศวรกับมณีจันทร์ที่ดูเหมือนจะราบรื่นก็มามีปัญหาหยุมหยิมอยู่บ้าง  จากการที่พระวิสุทธิกษัตริย์พระมารดาได้ให้มณีจันทร์ไปอยู่กับท้าวโสภา  ซึ่งแม่นางผู้นี้เธอได้แสดงอาการรังเกียจความเป็นมอญของมณีจันทร์อย่างออกหน้าออกตาแบบไม่ยอมแยกแยะระหว่างมอญกับพม่า และทั้งๆ ที่รู้ว่ามณีจันทร์เป็นที่หมายปองกับพระองค์ดำ 


พระองค์ดำนำมณีจันทร์มาถวายงานรับใช้พระมารดา

เรื่องราวทางด้านของพระราชมนูหรือไอ้บุญทิ้งซึ่งเป็นที่วิจารณ์กันมาแต่ภาคก่อนว่าบทบาทจะมากเกินจนจะกลายเป็นตำนานไอ้บุญทิ้งหรือเปล่า  ในภาคนี้กลายเป็นยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ กลับ Go so big! ไปกันใหญ่จากภาคก่อนที่อุตส่าทุ่มเทจนเหมือนจะได้ครองรักกับแม่นางเลอขิ่นแห่งเมืองคัง  พอมาถึงอโยธยาเธอกลับได้มาพบกับ "คู่รักเก่า" เสือฟ้า อย่างไม่คาดฝัน  แล้วจากนั้นพระราชมนูกับเลอขิ่นเลยได้แต่มองกันไปมองกันมาแบบไม่ค่อยจะแฮปปี้โดยไม่ได้พูดอะไรกันอีกสักคำ  ทั้งที่ในตอนรบกับพระเจ้าเชียงใหม่ในตอนท้ายพรรคพวกของเสือฟ้าและเลอขิ่นได้ร่วมอยู่ในทัพหน้าของพระราชมนูแท้ๆ 


เสือฟ้ากับเลอขิ่นหลังจากศึกพระเจ้าเชียงใหม่

ที่เหมือนจะเป็นการทดแทนปัญหาความรัก  ได้มีการเปิดตัวตัวละครที่ประมาณว่าเป็นพระราชมนูแฟนคลับเพิ่มขึ้นมา  รายแรกเป็นคนบ้าใบ้ชื่อขามซึ่งเคยเป็นทาสเล่นละครของหลวงคนหนึ่ง  ได้มาช่วยพระราชมนูไว้ในขณะสวมบทเชอร์ล็อคโฮมเมืองไทยตามสืบเรื่องราวของพระยาจีนจันตุแต่เกิดอาการเมาฝิ่นจนเกือบจะพลาดท่าเสียทีลูกน้องของพระยาจีนฯเข้า  พระราชมนูตอบแทนด้วยการไถ่ตัวขามให้พ้นจากการเป็นทาส  แต่ขามต้องการมากกว่านั้นคืออยากจะเป็นทหารในสังกัดท่านขุนศึกคนเก่งด้วย  แม้จะปฏิเสธแล้วแต่ขามก็ยังตามพระราชมนูไปในการลาดตระเวณต่อสู้กับกองสอดแนมของพม่า  ซึ่งก็ช่วยเหลือการศึกได้พอสมควร  พระราชมนูไม่รู้จะทำยังไงเลยต้องพาขามไปฝากไว้กับหลวงตาพระมหาเถรคันฉ่องไว้ก่อน


ขามมาพบพระราชมนูเพื่อขอเป็นทหาร

แฟนคลับรายถัดมาเป็นหญิงชื่อรัตนวดี รับบทโดยคุณจั๊กจั่นคนสวย เธอได้ทราบชื่อเสียงความเก่งกล้าของพระราชมนูแล้วก็เกิดอาการชื่นชอบถึงขนาดชวนอังกาบเพื่อนที่ออกอาการทอมบอยให้ไปแอบดูทหารพม่าด้วยกัน  ซึ่งที่จริงคงจะหาเรื่องไปพบหน้าพระราชมนูมากกว่า  แต่ทางอังกาบกลับไม่มีท่าทีชื่นชมพระราชมนูสักเท่าไหร่  เมื่อตามไปเจอกันที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งก็พอดีเกิดการปะทะระหว่างทหารของพระราชมนูกับกองสอดแนมของพม่าเข้า  แล้วมีกระสุนปืนลูกหลงมาถูกควาญช้างของรัตนวดีและอังกาบตายคาที่ แล้วช้างก็พาสองสาววิ่งเตลิดไปจนพระราชมนูต้องตามไปช่วยจนตัวเองถูกช้างลากมอมแมมไปทั้งตัวกว่าแม่นางรัตนวดีเธอจะลองเสี่ยงใช้ขอสับช้างให้หยุดได้สำเร็จ  เลยไม่รู้ว่าใครช่วยใครกันแน่ และการปรากฏตัวของรัตนวดีเลยเป็นปริศนาสำหรับตอนต่อๆ ไปว่า แล้วพระราชมนูจะเลิกกับเลอขิ่นมารักกับแฟนคลับรายนี้หรืออย่างไร


อังกาบกับรัตนวดีมาเจอพระราชมนู

ข้อสังเกตส่วนตัวของผมสำหรับภาพยนตร์ในภาคนี้มีดังนี้ครับ

การทำยุทธนาวีสกัดพระยาจีนจันตุ  เรื่องนี้ผมเคยพูดถึงในบทความของภาค 2 มาแล้วว่า  เหตุการณ์นี้เกิดก่อนการไปตีเมืองคัง  การที่ผู้สร้างนำมาบรรจุในภาค 3 นี้  เหมือนพึ่งคิดจะเอาเรื่องทางฝ่ายเขมรมาใส่ไว้  ซึ่งถ้าจะไม่ให้ผิดลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อาจจะเริ่มส่วนนี้จากการที่ทูตเขมรเข้ามาแล้วให้พระนเรศวรนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีตก็ได้  และหากจะถามว่าเหตุการณ์จริงจะเป็นยุทธนาวีที่ยิ่งใหญ่อลังการอย่างในภาพยนตร์หรือไม่  ผมขอคัดข้อความจาก "พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล พิมพ์ครั้งที่ 2 โดย สำนักพิมพ์โฆษิต เมื่อพ.ศ. 2549 หน้า 99 มาให้ท่านอ่านเปรียบเทียบกันครับ

"ครั้นถึง ณ วันอาทิตย์ เดือนยี่ ขึ้นสิบค่ำ ปีระกา ตรีศก เพลาค่ำ ประมาณสองนาฬิกา พระยาจีนจันตุก็พาครัวลงสำเภาหนีล่องลงไป. ขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า เสด็จลงมาแต่เมืองพิษณุโลกเสด็จอยู่ในวังใหม่. สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็เสด็จยกทัพเรือตามพระยาจีนจันตุลงไปในเพลากลางคืนนั้น แล้วตรัสให้เรือประตูเรือกัน แลเรือท้าวพระยาทั้งหลายเข้าล้อมสำเภาพระยาจีนจันตุ แลได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ. พระยาจีนจันตุก็ให้โล้สำเภากลางน้ำรบต้านทานรอลงไป สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ก็ตรัสให้เอาเรือคู่เรือกันเข้าจับจนท้ายสำเภาพระจาจีนจันตุ. ให้พลทหารปีนสำเภาขึ้นไปแล้าเอาเรือพระที่นั่งหนุนเข้าไปให้ชิดสำเภา แล้วทรงปืนนกสับยิงถูกจีนผู้ใหญ่ตายสามคน. พระยาจีนจันตุก็ยิงปืนกลับมาต้องวางปืนต้นอินทรนั้นแตก. พลทหารข้าหลวงจะปีนขึ้นสำเภามิได้. พระยาจีนจันตุก็ให้โล้สำเภารุดหนีลงไป. สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ก็เสด็จตามรบพุ่งลงไปถึงเมืองธนบุรี  พระยาจีนจันตุ ก็ให้เร่งโล้สำเภาออกไปพ้นปากน้ำตกลึก. ฝ่ายสมเด็จพระราชบิดาเสด็จหนุนทัพสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ลงไปถึงเมืองพระประแดง พอสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ยกกลับขึ้นมาพบสมเด็จพระราชบิดาทูลการทั้งปวงให้ทราบ. สมเด็จพระราชบิดากับสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ก็เสด็จคืนมายังพระนคร."

ในที่นี้ขอเน้นเพียงว่า  การที่พระยาจีนจันตุหนีไปได้นั้น ไม่ได้เกิดจากการที่สมเด็จพระเอกาทศรถเอาเรือพระที่นั่งมาขวางวิถีกระสุนช่วยพระเชษฐาอย่างในภาพยนตร์  ในส่วนอื่นขอเชิญเปรียบเทียบกันเอาเองครับ

อีกเหตุการณ์สำคัญคือเรื่องของ การซุ่มโจมตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่ นั้น  มีบล็อกเกอร์ท่านหนึ่งบ่นไว้ตรงใจผมเหลือเกิน (แต่ประเด็นอื่นไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่  เลยไม่ได้ทำลิงก์ไว้ข้างท้าย) คือในภาพยนตร์ได้สร้างฉากวางแผนอย่างอลังการประมาณว่าแผนการยุทธครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงวางแผนเตรียมการไว้อย่างรอบคอบ  โดยพระราชมนูก็ร่วมประชุมยุทธการอยู่ด้วย  ซึ่งเป็นการเสียอรรถรสในชมแทนที่จะทำให้ได้เซอร์ไพรส์กับการพลิกสถานการณ์การรบ  และไม่สมเหตุสมผลกับการที่พระราชมนูจะไม่ยอมถอยทัพโดยที่ตัวเองมีส่วนรับรู้มาแต่แรก  เหตุการณ์ที่น่าจะเป็นจริงผมต้องขอพึ่งพระราชพงศาวดารฉบับหมอบรัดเลย์อีกทีครับ ในหน้า 121-122 เล่าไว้ดังนี้ครับ

"ครั้นถึงวันพฤหัส เดือนห้า แรมสองค่ำ เพลาตีสิบทุ่มห้าบาท (พระเจ้าเชียงใหม่)ก็ยกลงมา. ขณะเมื่อพระเจ้าเชียงใหม่คิดเตรียมทัพจะลงตีนั้น. ฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ตรัสแก่ท้าวพระยามุขมนตรีว่า เราตีทัพเชียงหใม่แตกขึ้นไป เห็นประหนึ่งว่าจะยกเพิ่มเติมกันมาอีก. ถึงสองวันสามวันแล้วก็มิได้ยกลงมา. ณ วันพฤหัส เดือนห้า แรมสองค่ำ เราจะยกขึ้นไปให้ทหารยั่วดูสักเพลาหนึ่ง. ท้าวพระยานายทัพนายกองทั้งปวง ก็เห็นพร้อมโดยพระราชบริหาร. จึงให้พระราชมานูถือพลหมื่นหนึ่ง ขี่ช้างต้นพลายพัทธกรร ช้างนายทัพนายกองขี่ยี่สิบช้าง มีธงสามชายสำหรับทุกตัวช้างเป็นทัพหน้าชั้นหนึ่ง ให้พระยาสุโขทัยขี่ช้างต้นพลายสังหารคชสีห์. ช้างนายทัพนายกองขี่ยี่สิบช้าง มีธงสามชายสำหรับทุกตัวช้างเป็นทัพหน้าชั้นสอง. ให้ยกในเดือนห้า แรมสองค่ำ เพลาบ่าย ให้ตั้งอยู่ต้นทาง. ครั้นเวลาตีสิบเอ็ด พระนเรศวรเป็นเจ้ากับสมเด็จพระอนุชาธิราชทรงเครื่องสิริราชปิลันทนาลังการยุทธ. สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทรงช้างต้นพลายมงคลทวีปเป็นพระคชาธาร สมเด็จพระอนุชาธิราชทรงช้างต้นเจ้าพระยาปราบไตรจักรเป็นพระคชาธาร. พร้อมช้างดั้นกันแทรกแซงล้อมวังพังคาร้อยหนึ่ง กับพลทหารสามหมื่นก็เสด็จพยุหยาตราทัพโดยสถลมารควิถี. พอแสงทินกรเรื่อเรืองโพยม ทัพหน้าพระเจ้าเชียงใหม่กับทัพพระราชามานูปะทะรบกันตำบลบางแก้ว ทัพหลวงเสด็จถึงตำบลบ้านแพ ได้ยินเสียงปืนรบ ก็มิได้ยกหนุนพระราชมานูขึ้นไป เข้าซุ่มทัพอยู่ในป่าจิก ป่ากะทุ่มฟากทางตะวันตก. จึงใช้ให้หมื่นทิพรักษากับม้าเร็วสิบม้าขึ้นไปสั่งพระราชมานูให้ลาดล่าลงมาถึงทัพหลวง. พระราชมานูก็บอกลงมาให้กราบทูลว่า ศึกได้รบติดพันกันอยู่แล้ว  ถ้าถอยก็จะแตก. พระราชมานูก็มิได้ถอย  สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็ให้หมื่นทิพรักษาขึ้นไปสั่งอีก. พระราชมานูก็มิได้ถอย. หมื่นทิพรักษาลงมากราบทูลก็ทรงพระโกรธตรัสสั่งว่า ให้กลับขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง ถ้ามันยังขัดมิถอยให้เอาศีรษะลงมาเถิด หมื่นทิพรักษาก็กลับขึ้นไปแจ้งตามรับสั่ง. พระราชมานูแจ้งรับสั่งก็ตกใจ. ให้โบกฝ่ายธงช้างเป็นสำคัญ. พระยาสุโขทัยแลทหารทั้งปวงเห็นดังนั้น ก็ขยายลาดถอยลงมา. ฝ่ายทหารเชียงใหม่สำคัญว่าแตกก็โห่ร้องไล่รุกโจมตีลงมา. ทหารม้าก็วางม้าทหารช้างขับช้าง. พระเจ้าเชียงใหม่ดีพระทัยก็เร่งพลขับช้างที่นั่งตามปนกองม้าหลังมามิเป็นขบวน จึงให้ลั่นฆ้องโบกธงเป็นสำคัญ. สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้ากับสมเด็จพระอนุชาธิราชก็ขับพระคชาธารแลรี้พลช้างม้าโยธาหาญ เข้าย่อกลางทัพข้าศึกจนถึงอาวุธสั้น. ฝายพระราชมานู พระยาสุโขทัยเห็นดังนั้น ก็ต้อนพลเข้าตีขนาบขึ้นมา. ทัพพระเจ้าเชียงใหม่ก็แตกพ่ายไป."

ที่จริงยังมีรายละเอียดมากกว่านี้แต่เกรงจะเยิ่นเย้อเกินไป  คือต้องการให้เห็นว่าแผนการล่อทัพพระเจ้าเชียงใหม่เข้าสู่กับดักในครั้งนั้นเป็นพระราชปฏิภาณของสมเด็จพระนเรศวรครับ  ไม่ใช่การวางแผนไว้แต่แรก

เรื่องการแต่งเติมตัวละครและเหตุการณ์อะไรต่อมิอะไรขึ้นมาเพื่อความบันเทิงนั้น  ธรรมชาติของภาพยนตร์บันเทิงก็ควรทำแต่พอดีๆ พอไม่ให้คนเบื่อส่วนที่เป็นสาระ แต่พอมากเกินไปแล้ว  การเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ควรจะเป็นจุดประสงค์หลักก็ย่อมจะลางเลือนไป  ถึงขนาดว่าในโรงหนังจบภาค 4 ไปแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะ "ชนช้าง" กันเมื่อไหร่


Killing Fields แบบไทยๆ

ทัศนคติต่อประเทศเพื่อนบ้าน  เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ  จากภาคก่อนที่เป็นการรบระหว่างไทยกับพม่า  มาในภาคนี้มีเขมรเพิ่มเข้ามาในภาพของพันธมิตรที่ไม่จริงใจ  ทางฝั่งพม่าเจ้าเก่านั้นก็ยังคงเข่นฆ่าตาสีตาสาชาวไทยจนกลาดเกลื่อนไปหมด  ไม่รู้ว่าทีมผู้สร้างอินกับหนัง Killing Fields มากไปหรือเปล่า  ดูราวกับพม่าจะโหดกว่าเขมรแดงหรือนาซีซะอีก  ทางฝ่ายเขมรเล่าก็เหมือนส่งทัพมาเพียงเพื่อฉวยโอกาสมาเก็บกวาดทรัพย์สินพม่าโดยไม่ได้ช่วยอะไรเป็นเรื่องเป็นราว  แน่นอนครับว่าประเทศไหนสร้างหนังประวัติศาสตร์สงครามขึ้นมาก็ต้องให้ประเทศอื่นเป็นผู้ร้าย  ประเด็นนี้ผู้ชมเว็บ IseeHistory.com บางท่านได้เคยแสดงความเห็นที่ตรงใจผมว่าในปัจจุบันเรายังต้องอยู่ร่วมกับชาติเหล่านี้ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน  และเรื่องราวความขัดแย้งต่างๆ ในอดีตที่จะเอามานำเสนอนั้น  ควรจะอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง  เรื่องความโหดร้ายของทหารพม่าในฐานะผู้รุกรานนั้นย่อมมีแน่นอน  แต่มีหลักฐานประวัติศาสตร์อันใดครับที่บ่งบอกว่าพม่าฆ่าคนไทยตายกลาดเกลื่อนขนาดนั้น  มีแต่จะเน้นเรื่องการกวาดต้อนผู้คนไปเป็นกำลังของอาณาจักรตนซะมากกว่า  ทางฝั่งเขมรนั้น "ศรีสรรเพชญ์ (Slight06)" ผู้ตั้งกระทู้ใน pantip.com ที่ผมกล่าวถึงข้างต้น ได้กล่าวไว้ในความเห็นที่ 61 ดังนี้ครับ

เมื่อเราดูหนังเราจะเห็นภาพของพระศรีสุริโยพรรณที่ไม่ช่วยอะไรเลย จ้องแต่จะฮุบสมบัติแล้วก็พูดจาเหน็บแนม แต่ในความเป็นจริงมีข้อความปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม)ว่า

"ฝ่ายพระศรีสุพรรณมาธิราช น้องชายพระเจ้าละแวก ยกกองทัพมาช่วยการสงครามตามเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไป ได้ให้ทัพเขมรช่วยรบพุ่งติดตามลอบลัดสกัดจับข้าศึกที่แตกพลัดพวกเพื่อนเลื่อยล้านั้นได้เป็นอันมากมาถวาย..."

ลองคิดกันเอากันเองเองนะครับ


นักพระเศรษฐา เอ๊ย! เศรษฐา ศิระฉายา ในบท นักพระสัฏฐา หรือ พระยาละแวก


(ซ้าย) วุฒิ คงคาเขต ดิลก ทองวัฒนา ในบท พระศรีสุพรรณมาธิราช พระอนุชาของพระยาละแวก

ในมุมมองของผมนั้น  ใครจะรักจะเกลียดเขมรอย่างไรคงบังคับใจกันไม่ได้  แต่ความรู้สึกเช่นว่านั้นควรจะอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง (Fact) ทางประวัติศาสตร์  จากที่พยายามพลิกหาจากพระราชพงศาวดารฉบับหมอบรัดเลย์ หน้า 124 มีกล่าวถึงเรื่องระหองระแหงระหว่างสมเด็จพระนเรศวรกับพระศรีสุพรรณอยู่บ้าง  แต่ไม่ใช่เรื่องการพูดเหน็บแนมอย่างในภาพยนตร์นะครับ  เรื่องเกิดขึ้นหลังจากเสร็จศึกพระเจ้าเชียงใหม่หมาดๆ  ดังนี้ครับ

ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันอังคาร เดือนห้า แรมเจ็ดค่ำ เพลาบ่ายสามโมง สมเด็จพระราชบิดา ก็เลิกทัพคืนเข้าพระนครโดยชลมารค. ครั้น ณ วันศุกร์ เดือนห้า แรมสิบค่ำ กองทัพซึ่งไปตามพระเจ้าเชียงใหม่กลับมาถึงสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า  กับพระอนุชาธิราชก็เลิกทัพ เสด็จด้วยพระชลวิมานพร้อมด้วยดั้งกันนำตาม. ครั้นถึงตำบลโพธิ์สามต้นทอดพระเนตรเห็นเรือพระศรีสุพรรณมาธิราชกับเรือนายทัพนายกองเขมรทั้งปวง จอดอยู่ ณ ฝั่งฟากตะวันตก แต่พระศรีสุพรรณนามาธิราชนั้น  มิได้หมอบนั่งดูเสด็จอยู่  ก็ทรงพระพิโรธให้รอเรือพระที่นั่งไว้.  แล้วดำรัสให้หลวงพิไชยบุรินทราตัดเอาศีรษะลาวเชลยซึ่งจับได้นั้นไปเสียบไว้ตรงเรือพระศรีสุพรรณมาธิราช  หลวงพิไชยบุรินทราก็ไปทำโดยรับสั่ง. สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า กับสมเด็จพระอนุชาธิราชก็เสด็จเข้าพระนคร. ฝ่ายพระศรีสุพรรณมาธิราชเห็นดังนั้น ก็น้อยพระทัยคิดอาฆาตมิได้ว่าประการใด ก็ล่องเรือมาที่อยู่  ครั้นรุ่งขึ้นสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพร้อมด้วยท้าวพระยาเสนาพฤฒามาตย์ทั้งปวง. จึงดำรัสว่า ซึ่งพระยาละแวกให้พระศรีสุพรรณมาธิราชผู้เป็นอนุชา เข้ามาช่วยงานพระราชสงครามจนเสร็จนั้นขอบใจ.  ให้พระราชทานพานทองคำ กับสนองพระองค์อย่างเทศอย่างน้อย. แลนายทัพนายกองเขมรทั้งปวงนั้น  ก็พระราชทานเสื้อผ้าโดยสมควร. พระศรีสุพรรณมาธิราชกับพระยาเขมรทั้งปวงกราบถวายบังคมลา ก็เลิกทัพกลับไปยังพระนคร.

สรุปว่าสมเด็จพระนเรศวรท่านไม่พอพระทัยที่พระศรีสุพรรณอยู่บ้างที่ไม่แสดงความเคารพ  เทียบกับกองทัพสมัยใหม่ก็ประมาณว่าเห็นผู้บังคับบัญชาแล้วไม่ตะเบ๊ะอะไรประมาณนั้น  แต่ลงท้ายก็ยังพระราชทานรางวัลให้ในฐานะที่ได้ช่วยงานศึกครั้งนั้น  ซึ่งถ้าหากพระศรีสุพรรณประพฤติองค์แย่มากๆ อย่างในภาพยนตร์แล้ว  น่ากลัวว่าจะโดน "ปฐมกรรม" ซะก่อนเป็นแน่  ส่วนเรื่องราวระหว่างไทยกับเขมรต่อจากนี้คงจะเกินกว่าขอบเขตของบทความนี้  ไว้โอกาสหน้าจะนำหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมครับ

สำหรับการพูดคุยเรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี" คงต้องจบลงเท่านี้  เรื่องของภาค 4 นั้น  ขณะที่จบบทความนี้ผมยังไม่มีโอกาสได้ชม  แต่มีคนที่ได้ดูในโรงภาพยนตร์มา "ฟ้อง" ว่าในตอนจบภาคนั้นมีทิ้งท้ายว่าพระราชมนูถูกแทงแล้วให้คนดูลุ้นกันว่าตายไม่ตาย  ซึ่งคนที่เคยอ่านประวัติศาสตร์มาย่อมรู้ดีว่าไม่มีเหตุการณ์เช่นว่าซักกะหน่อย  พบกันอีกทีเมื่อแผ่นของภาค 4 ออกวางจำหน่ายครับ  ระหว่างนี้เชิญอ่านกระทู้ของ "ศรีสรรเพชญ์ (Slight06)" (อีกที) ที่ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/08/K10948335/K10948335.html ครับ

คำคมชวนคิด

  • "สงครามมิเคยมีมิตรแท้หรือศัตรูที่จีรัง" พระยาจีนจันตุทูลพระยาละแวกและพระศรีสุพรรณ
  • "ยากนักกว่าจะได้อิสรภาพคืนมา แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า ยังมีการที่ยากยิ่งไปกว่า ... ยากยิ่งนักที่เราจะรักษาอิสรภาพเอาไว้" พระนเรศวร ตรัสกับ พระเอกาทศรถ

เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

ชื่อเรื่องภาษาไทย : ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี

ผู้อำนวยการสร้าง : หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา, คุณากร เศรษฐี

ผู้กำกำกับ : หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล

ผู้เขียนบท : หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์

ผู้แสดง : (เฉพาะภาคนี้)

  • สมเด็จพระนเรศวรมหาราช รับบทโดย พ.ท.วันชนะ สวัสดี
  • สมเด็จพระเอกาทศรถ รับบทโดย พ.ท.วินธัย สุวารี
  • มณีจันทร์ รับบทโดย ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ
  • พระราชมนู รับบทโดย นพชัย ชัยนาม
  • พระเจ้านันทบุเรง รับบทโดย จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์
  • มังกะยอชวา รับบทโดย นภัสกร มิตรเอม
  • พระยาละแวก รับบทโดย เศรษฐา ศิระฉายา
  • พระศรีสุพรรณราชาธิราช รับบทโดย ดิลก ทองวัฒนา
  • เล่อขิ่น รับบทโดย อินทิรา เจริญปุระ
  • เสือหาญฟ้า รับบทโดย ดอม เหตระกูล
  • รัตนาวดี รับบทโดย อคัมย์สิริ สุวรรณศุข
  • อังกาบ รับบทโดย ศิรพันธ์ วัฒนจินดา
  • พระยาจีนจันตุ รับบทโดย ชูชาติ ทรัพย์สุทธิพร
  • นรธาเมงสอ พระเจ้าเชียงใหม่ รับบทโดย ชลิต เฟื่องอารมย์
  • ไอ้ขาม รับบทโดย ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ

ควรอ่านเพิ่มเติม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

  • (ยังไม่มี)

เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ 

Bookmark and Share

ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com

ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์

 



ประวัติศาสตร์ไทย

ซามูไรอโยธยา แฟนตาซีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น วันที่ 19/05/2013   19:28:54
ขุนรองปลัดชู : การฟื้นฟูวีรกรรมสามัญชนที่ถูกลืม วันที่ 19/05/2013   19:29:37
ฟ้าใส ใจชื่นบาน : อุดมการณ์ตกยุค หรือ อารมณ์ขันที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด? วันที่ 19/05/2013   19:30:31
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง วันที่ 19/05/2013   19:31:32
สามเสือสุพรรณ ดรีมทีมตำนานเสือ? วันที่ 19/05/2013   19:33:41
ทิพพ์ช้าง วีรกรรมท้องถิ่นที่ถูกส่วนกลางครอบงำ วันที่ 19/05/2013   19:34:33
จงอางผยอง - กำลังภายในในหนังไทยที่ลงตัว วันที่ 19/05/2013   19:35:48
มหาราชดำ วันที่ 19/05/2013   19:36:28
นรกตะรูเตา : ค่ายนรกแบบไทยๆ วันที่ 19/05/2013   19:38:23
เสือใบ : แบบฉบับของยุคหนังบู๊เฟื่องฟู วันที่ 19/05/2013   19:39:11
สุภาพบุรุษเสือใบ : วีรกรรมของโจรชาวบ้าน? วันที่ 19/05/2013   19:40:14
จอมโจรมเหศวร โรบินฮู้ดเมืองไทย? วันที่ 19/05/2013   19:41:12
บางระจัน อีกหนึ่งกรณีที่ต่างจากประวัติศาสตร์ วันที่ 19/05/2013   19:42:39
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๒ ประกาศอิสรภาพ วันที่ 19/05/2013   19:45:12
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๑ องค์ประกันหงสา วันที่ 19/05/2013   19:46:02
สารคดี ตามรอย ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช : การเติมเต็มความรู้ ประวัติศาสตร์ ใน ภาพยนตร์ วันที่ 19/05/2013   19:47:11
อารีดัง : ศึกรบศึกรัก ของ ทหารไทย ใน สงครามเกาหลี วันที่ 19/05/2013   19:48:00
สุริโยไท ฉบับสมบูรณ์ ๕ ชั่วโมง วันที่ 19/05/2013   19:48:56
เบื้องหลัง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วันที่ 19/05/2013   19:49:39
พิชัยดาบหัก : ผู้สร้างน่าจะทำการบ้านมากกว่านี้ วันที่ 19/05/2013   19:50:22
เจ้าตาก : การไปตั้งหลักที่จันทบุรี แล้วน้องมิ้นเกี่ยวอะไรด้วย? วันที่ 19/05/2013   19:50:59
The King Maker เมื่อเราได้เห็นบทบาททหารต่างชาติสมัยอยุธยามากขึ้น วันที่ 19/05/2013   19:51:37
ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   19:52:16 article
รักสยาม เท่าฟ้า (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   19:52:54 article



1

ความคิดเห็นที่ 1 (101919)
avatar
คนเล่าเรื่อง

ผมเป็นคนหนึ่งครับที่ไปดูตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 และ 4 แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวังในแง่ของการเขียนบทและการดำเนินเรื่อง  เพราะหลาย ๆ ประเด็นเป็นอย่างที่อาจารย์โรจน์ว่า  มีแต่เดินรอยตามมายาคติทางประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นก่อน ๆ ฝังชิบกันเอาไว้ อะไร ๆ ที่เกี่ยวกับเพื่อนบ้านเรากลายเป็นความเลวร้ายแบบรับไม่ได้ไปเสียทุกเรื่อง  โดยเฉพาะการฆ่าฟันกันแบบล้างโคตรที่เกินจริงของกองทัพพม่าซึ่งไม่น่าจะเป็นได้ขนาดนั้น ตามธรรมเนียมโบราณ เขาจะเน้นการกวาดต้อนเชลยไปเป็นแรงงานข้าทาสมากกว่าการหวังเอาดินแดนครับ เพราะดินแดนมันกว้างใหญ่ แต่คนมีน้อย  การสร้างบ้านแปลงเมืองต้องอาศัยคนเป็นหลัก   นอกจากนี้ นังยังเน้นไปทางขยายความในประวัติศาสตร์ให้ละเอียดจนแทบถี่ยิบเกินความจำเป็นครับ (เช่น ไอ้ขามที่มีความสามารถในการบังคับสัตว์อาจกลายมาเป็นท้ัายช้างของพระนเรศวรในภายหลังก็ได้)

ส่วนเรื่องของบทนั้น ในภาค 3 มีการสร้างตัวละครเยอะมากจนงงว่าใครเป็นใคร ต้องออกมาหารายละเอียดในภายหลัง  ในช่วงแรกของเรื่องจนจมาถึงฉากยุทธนาวีนับว่าทำบทและลำดับเรื่องได้ดี  แต่พอหลังจากนั้น  เนื้อเรื่องไปวนอยู่กับความเยิ่นเย้อในฉากและการเจรจาที่หลาย ๆ ครั้งหาสาระไม่ค่อยได้หรือไม่ก็เน้นกับความโหดร้ายและโหด***มของพม่า กว่าจะมาถึงฉากรบในศึกพระเจ้าเชียงใหม่ก็ทำเอาหาวไปหลายหวอด  เรียกได้ว่า น่าจะเอาไปฉายเป็นซีรี่ย์ทางทีวีจะเหมาะกว่ากับบทที่เยิ่นเย้อแบบนี้ครับ

มีฉากที่พระราชมนูนำกำลังไปซุ่มโจมตีทัพพม่าที่หมู่บ้านแล้วหญิงรัตนาวดีกับอังกาบได้เข้าไปพัวพันด้วย  ฉากนี้ดู ๆ แล้วยังกับฉากดวลปืนในหนังคาวบอย  อีกอย่าง ชุดแต่งกายของหญิงรัตนาวดีในฉากนั้น ดูคล้าย ๆ กับชุดไทยจิตรลดาที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 (จำได้ว่าเป็นอย่างนั้น ใครที่รู้จริง ช่วยบอกด้วย แต่ีเป็นชุดที่สร้างขึ้นในยุครัตนโกสินทร์นะครับ) ซึ่งอาจเป็นสิ่งบ่งบอกว่างานโปรดักชั่นของหนังเรื่องนี้คลาดเคลื่อนไปครับ

โดยรวม ถ้าจะดูเพื่อเอาความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง และกระตุกต่อมชาตินิยมแล้วภาค 3 ก็นับว่ายังคงรักษามาตรฐานได้ดีและยังเติมเชื้อมายาคติแบบชาตินิยมต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าโรงเรียนไหนพานักเรียนไปดูละก็ คุณครูจะต้องช่วยอธิบายประเด็นยทางประวัติศาสตร์ในหนังแก่นักเรียนเพิ่มเติมด้วยก็จะดีว่าให้เด็ก ๆ หลงเข้าใจผิดต่อไปนะครับ

ส่วนภาค 4 เดี๋ยวจะมาคุยต่อวันหลังครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเล่าเรื่อง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-05 00:09:11


ความคิดเห็นที่ 2 (101924)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

เคยคิดอยู่เหมือนกันครับว่าถ้าภาพยนตร์ชุดนี้สร้างเป็นทีวีซีรีย์แบบเมืองนอก วางแผนกันให้ชัดๆ ไปเลยว่าจะมีกี่ตอน ตอนไหนมีเหตุการณ์อะไร  แล้วสร้างรวดเดียวออกฉายทางทีวีรวดเดียวไปเลย  แล้วผลจะเป็นอย่างไร  อย่างน้อยได้รู้สึกว่ามันได้จบสมบูรณ์ซะที  แล้วทั้งคนสร้างและคนติดตามดูจะได้ไปทำอะไรที่ควรทำต่อไป  แต่ดูเหมือนวงการทีวีบ้านเราจะไม่อำนวยให้ใครทำทีวีซีรีย์แบบเมืองนอกได้

ลืมบอกไปว่าการที่ผมคัดลอกข้อความจากพระราชพงศาวดารฉบับหมอบรัดเลมาถึง 3 ตอนนั้น  ไม่ได้หมายความว่าพระราชพงศาวดารฉบับนี้จะถูกต้องสมบูรณ์ไปซะหมด  หลักฐานประวัติศาสตร์แต่ละชิ้นย่อมจะมีทั้งจุดแข็งและข้อจำกัดอยู่ในตัว  ซึ่งในหลักวิชาประวัติศาสตร์เขามีกระบวนการที่จะตรวจสอบหลักฐานซึ่งกันและกัน  แต่ตัวผมก็มีข้อจำกัดเหมือนคนไทยทั่วไปที่ยังเข้าถึงหลักฐานประวัติศาสตร์สำคัญๆ ได้ยาก  มีแต่พระราชพงศาวดารฉบับดังกล่าวที่ได้ซื้อติดบ้านไว้พร้อมจะเอามาใช้ได้มากกว่าเพื่อน  กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้จึงพบว่ามีคนนำหนังสือประชุมพงศาวดารต่างๆ มาเผยแพร่ออนไลน์ที่วิกิซอร์ซ  แล้วผมจะทยอยนำเรื่องราวที่น่าสนใจจากแหล่งนั้นมาพูดคุยกันในเว็บนี้ครับ

อัพเดทอีกประเด็นคือผู้แสดงเป็นพระศรีสุพรรณ ทีแรกผมจำชื่อผิดเป็น วุฒิ คงคาเขต ที่จริงคือ ดิลก ทองวัฒนา ครับ พึ่งแก้เมื่อตะกี้นี้เอง

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-12-06 21:30:32



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker