โดย webmaster@iseehistory.com

เรือเบลินด้าขณะเทียบท่า
เคยกล่าวไว้ในบทความก่อนๆ ว่าการรบทางเรือในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ได้เปลี่ยนโฉมจากการดวลปืนกันของเรือรบ มาเป็นการใช้เครื่องบินเข้าร่วมรบ อันทำให้เรือบรรทุกเครื่องบินมีบทบาทสำคัญไปด้วย แต่ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง คือการรบทางภาคพื้นแปซิฟิกซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะเล็กเกาะน้อยนั้น ยังต้องอาศัยเรือยกพลขึ้นบกสำหรับลำเลียงทหารขึ้นไปโจมตีข้าศึกจากชายหาดด้วย โดยที่เรือประเภทนี้เป็นเรือขนาดเล็ก บรรทุกทหารได้ประมาณ 1 หมวด แน่นอนว่าจะไม่สามารถเดินทางในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ได้ลำพัง แต่จะถูกขนส่งมาในเรือขนาดใหญ่อีกที เรือประเภทนี้ เรียกว่า amphibious assault ship แต่ในกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาจะให้รหัสเป็น APA-ตามด้วยหมายเลขต่างๆ ซึ่งขณะที่เขียนนี้ผมยังค้นไม่ได้ว่ามันย่อมาจากอะไรหรือเปล่า เอาเป็นว่าครั้งนี้ ผมกำลังจะแนะนำภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายเกี่ยวกับเรือประเภทที่ว่านี้ ซึ่งมีนามและรหัสในเรื่องว่า USS Belinda (APA-22) (เป็นเรือที่ไม่มีจริง ในการแสดงจริงจะใช้เรือ USS Randall (APA-224) เป็นเรือเบลินด้า) คือภาพยนตร์เรื่อง Away All Boats หรือภาษาไทยว่า เบลินด้า เส้นทางสู่สงคราม ที่ออกฉายในปี 1956 (พ.ศ.2499) ปัจจุบันจัดจำหน่ายในรูปแบบ DVD โดย APS ครับ
ภาพยนตร์เริ่มเรื่องขึ้นในคืนหนึ่งของปี 1943 (พ.ศ.2486) ไม่ระบุเดือน เมื่อนายเรือเอก David MacDougall อดีตกัปตันเรือสินค้าที่อาสามารับราชการในกองทัพเรือ เดืนทางมาถึงท่าเรือเพื่อขึ้นประำจำการบนเรือเบลินด้าที่พึ่งจะต่อเสร็จได้ไม่นาน หลังจากร่ำลาลูกเมียที่มาส่ง แวะทักทายกับชายชราคนหนึ่งที่เคยเป็นคนงานต่อเรือเบลินด้าลำนี้ ก็ได้ขึ้นประจำเรือตามธรรมเนียม สักพักกัปตันเรือ คือ นาวาเอก Jebediah S. Hawks ก็มาขึ้นเรือ แค่คืนแรก ความมึนตึงระหว่างกัปตันกับบรรดาลูกเรือระดับนายทหารก็เริ่มขึ้น เมื่อกัปตันฮอว์คส์เรียกบรรดานายทหารมาประชุมครั้งแรกในราวตี 3 เกริ่นว่าบรรดาลูกเรือทั้งหลายกำลังจะเข้าสู่สงครามโดยยังไม่มีประสบการณ์ เพราะฉนั้นจะต้องเคี่ยวด้วยการฝึกหนักเสียก่อน อะไรประมาณนั้น ส่งท้ายการประชุมครั้งแรกอย่างขำๆ เมื่อกัปตันพบว่านายทหารท่านหนึ่งรีบมาประชุมโดยท่อนล่างยังเป็นกางเกงนอนอยู่ ก็ต้องดุกันไปตามระเบียบ ในช่วงนี้เราจะได้ทราบพื้นเพเดิมของกัปตันฮอว์คส์ว่า เดิมเป็นกัปตันเรือรบที่ผ่านการรบมาอย่างดุเดือดที่สมรภูมิ Guadal Canal ชนิดสู้จนเรือจมเลย และในการมาบังคับบัญชาเรือเบลินด้านี้ ก็มีความหวังอยู่ว่าจะได้สร้างผลงานเพื่อโอนย้ายกลับไปบังคับบัญชาเรือรบลำใหญ่ๆ อีก

กัปตันเรียกนายทหารมาประชุมครั้งแรกตอนตีสาม
ในฉากต่อมา พ่อกัปตันของเราก็ทำตามที่เกริ่นเอาไว้ คือพยายามเคี่ยวให้บรรดาลูกเรืออย่างสุดฤทธิ์ ซึ่งก็จำเป็นต้องทำจริงๆ เพราะในตอนแรกนั้น อย่าว่าแต่จะออกรบเลยครับ แค่ออกเรือจากท่าได้ประเดี๋ยวเดียว เรือก็เอียงกระเท่เร่ ทำเอาถ้วยชามแตกแหลกลาญไปหมด กัปตันต้องพยายามเคี่ยวเข็ญกันอยู่พักหนึ่งทั้งเรื่องบู๊และระเบียบวินัยต่างๆ มีฉากขำๆ ในช่วงนี้อีกฉากหนึ่ง เมื่อกัปตันพบกลาสีแต่่งตัวสกปรกมอมแมมคนหนึ่งปีนเสาเรือทำอะไรอยู่ ก็ให้แมคดูกัลเรียกมาพบที่หอบังคับการ (ภาษาอังกฤษใช้ว่า Bridge ครับ บทพากย์ไทยใช้คำว่า "หอบังคับการ" แต่ผมเคยได้ยินคนใช้คำว่า "สะพานเดืนเรือ" ด้วย จะใช้คำไหนหรืออย่างไรคงต้องรบกวนสมาชิกที่เป็นลูกนาวีช่วยอธิบายด้วยครับ) หมายจะดุให้สาแก่ใจ แต่อีตาคนนี้ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า Hubert ทำหน้าที่หลักในการบดขยะและเศษอาหารของเรือเพื่อไม่ให้มีร่องรอยให้ข้าศึกพบ กลับแสดงความตื่นเต้นราวกับเป็นคนพิเศษที่ได้รับเชิญขึ้นมาบนหอบังคับการ และยังคุยฟุ้งถึงหน้าที่ของตนเอง ไม่รู้สึกรู้สาเลยว่าตัวเองซกมกแค่ไหนและกำลังโดนดุอยู่ จนกัปตันต้องตัดบทไล่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วก็แอบไปปล่อยก้ากจนงอหายหลังจากฝืนทำเก๊กหน้าดุอยู่ตั้งนาน นับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เราจะได้เห็นกัปตันอารมณ์ดีแบบนี้

ซ้าย กัปตันกำลังบรรยายการปล่อยเรือลำเลียงพลที่แต่ละกลุ่มจะต้องหมุนวนกันไปคนละทางเพื่อไม่ให้ชนกัน และภาพขวา เป็นการปฏิบัติงานจริง
เมื่อเคี่ยวกันจนได้ที่แล้ว ก็ถึงเวลาออกรบกันซะที เนื่องจากชาวเรือเบลินด้าไม่ได้รับบทบู๊โดยตรง ช่วงนี้จึงเพียงแต่เล่าย่อๆ ว่าเรือได้ไปปฏิบัติการส่งเรือยกพลขึ้นบกในที่ต่างๆ (ซึ่งบางชื่อนี้รู้เลยว่าเรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองด้านแปซิฟิกอีกเยอะ) ได้แก่ Makin, Kwajlein, Saipan และ Guam ช่วงระหว่าง Makin กับ Kwajlein มีปฏิบัติการพิเศษครั้งหนึ่ง ที่จะต้องไปช่วยนาวิกโยธินที่ติดเกาะแห่งหนึ่งอยู่ และเลือกครูเกอร์ให้ไปเป็นผู้นำทีม ซึ่งครูเกอร์ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่สำเร็จจนได้รับเหรียญกล้าหาญชั้น Bronze Star (ถ้าผมดูไม่ผิด เห็นแต่เหรียญรูปดาวไม่แน่ใจว่า Silver หรือ Bronze)

ฉากการยกพลขึ้นบกที่อาจจะไม่ดุเดือดเลือดพล่าน แต่ก็ยิ่งใหญ่พอดู
เสร็จภารกิจที่เกาะกวม ชาวเรือเบลินด้าก็ได้พักผ่อนกัน (คงจะเป็นช่วงเดียวกับการรบที่เกาะอิโวจิมาซึ่งไม่เคยกล่าวถึงในภาพยนตร์เรื่องนี้เลย) แต่แทนที่ชาวเรือจะได้มีความสุขสนุกสนานกันเต็มที่ กลับกลายเป็นช่วงที่มีปัญหายิ่งกว่าตอนออกรบซะอีก เนื่องจากเรือเบลินด้าต้องเปลี่ยนจุดพักผ่อนจากนิวเมียมาเป็นกัวดัลคาแนล แต่บรรดาจดหมายจากแนวหลังหลงไปอยู่ที่นิวเมีย การพักผ่อนกลายเป็นการสะสมความเครียดมากขึ้น จนเกิดการทะเลาะกันบนชายฝั่ง กลายเป็นปัญหาติดพัน เมื่อหมดเวลาพักบรรดาลูกเรือกลับขึ้นมาทำหน้าที่ซ่อมแซมเรือลำเลียงพลเพื่อเผชิญศึกครั้งหน้า ท่านกัปตันก็ได้ใช้วิธีพิสดารในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของลูกเรือ ด้วยการสั่งให้ทหารเร่งต่อเรือใบขึ้นอีกลำหนึ่งควบคู่ไปกับภารกิจการซ่อมเรือลำเลียงพล ลูกเรือต่างไม่พอใจกัปตันเพราะต่างรู้สึกว่างานต่อเรือใบที่ว่านี้ได้มาเบียดบังแรงงาน เวลา และทรัพยากรที่จะต้องใช้ในภารกิจซ่อมเรือ เพียงเพื่อสนองความต้องการส่วนตัวของกัปตัน มีแต่พระเอกแมคดูกัลของเราเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ว่า การต่อเรือลำนี้ (ซึ่งภายหลัง ได้ชื่อว่า "อัลบาทรอส") มันเป็นกุศโลบายที่จะให้ลูกเรือลืมความบาดหมางระหว่างกันด้วยการทำให้หันมารุมเกลียดตัวแกเอง แมคดูกัลอธิบายให้เพื่อนฟังว่า ไอ้การซ่อมเรือน่ะ ยังไงๆ ก็ต้องเสร็จ แต่ที่สำคัญกว่าเรือคือทหาร พูดกันแบบลูกทุ่งคือถ้าเรือพร้อมแต่คนไม่พร้อมเพราะมัวกัดกันเองอยู่จะไปรบกับใครเขาได้

การทะเลาะวิวาทระหว่างการพักผ่อน

เรือใบอัลบาทรอสที่กัปตันสั่งให้ต่อขึ้นมาให้ลูกเรือเกลียดแล้วจะได้เลิกทะเลาะกัน
จากนั้นไม่นาน กัปตันประสบอุบัติเหตุล้มหักแตกขณะจะลงเรือเล็กไปประชุมกับหน่วยเหนือ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานมากนัก กัปตันยังคงนำเรือออกเดินทางไปสู่สนามรบต่อไป โดยมีฉากให้ลุ้นกันนิดหน่อยตอนฝ่าดงทุ่นระเบิด กัปตันได้สั่งให้ทหารที่คัดเลือกว่ายิงปืนแม่นใช้ปืนเล็กประจำกายยิงทำลายทุ่นระเบิดที่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ท่ามกลางความหมั่นไส้ของลูกน้องบางคนพอหอมปากหอมคอ ถัดมา กัปตันฮอว์คส์ก็ทำเรื่องตลกในสายตาลูกน้องขึ้นมาอีกอย่างเมื่อสั่งให้นำลิงตัวหนึ่งจากเกาะขึ้นมาเลี้ยง เป็นลิงตัวเมียได้ชื่อว่า "ชิปซี่" มีแต่แมคดูกัลของเราคนเดียวที่อธิบายได้ว่า กัปตันแกต้องมีอะไรแก้เหงาเนื่องจากความโดดเดี่ยวในการเป็นผู้บัญชาการ เพื่อนๆ ก็เถียงว่ากัปตันไม่รู้จักสังคมกับชาวบ้านชาวช่องเอง แมคดูกัลพยายามอธิบายว่า ที่กัปตันไม่ค่อยสุงสิงกับลูกน้องเพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียงในการพิจารณาเลือกใช้คน แต่ท่าทางเพื่อนๆ ของแมคดูกัลดูจะไม่ค่อยยอมเข้าใจเท่าไหร่นัก (ตรงนี้ผมขอเสริมความเห็นส่วนตักสักนิด พวกเราคงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า บรรดาผู้พิพากษาของเรานั้น จะใช้ชีวิตสังคมอยู่แต่เฉพาะคนในแวดวงเดียวกัน ไม่ไปสุงสิงกับมนุษย์มนาในสังคมอื่น นัยว่าเพื่อรักษาความเป็นกลางในการตัดสินคดี ปรัชญาการบริหารของท่านกัปตันก็คงจะเป็นทำนองเดียวกันนี้ แต่ท่านเล่นแก้ปัญหาความเหงาด้วยการเลี้ยงลิงแบบไม่มีกรงใส่นี่ ท่าทางจะเสี่ยงกับความเสียหายของข้าวของเอกสารอยู่ไม่น้อย)
หลักการบริหารอีกประการหนึ่งของกัปตันคือความพยายามที่จะเก็บคนที่สำคัญต่อเรือไว้ โดยครั้งแรก เมื่อแพทย์ประจำเรือจะให้ส่งนายฮิวเบอร์ตนักบดขยะที่เคยกล่าวถึงในตอนแรกออกไปรักษาอาการป่วยที่เท้า กัปตันได้ซักไซ้ไล่เรียงว่าหมอนี่อาการหนักขนาดไหน ต้องไปรักษานานเท่าไหร่ ฯลฯ บวกลบคูณหารกันอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจขัดใจหมอ ไม่ยอมให้ส่งตัวไป ถัดมาวันหนึ่ง หลังจากผู้การควิกลี่ ลูกน้องคนสำคัญคนหนึ่งได้รับการโปรโมทกลับไปทำงานที่ฐานทัพเรือเพิร์ลฮาเบอร์ กัปตันได้สารภาพกับแมคดูกัลว่า ตนได้เคยระงับคำสั่งย้ายของแมคดูกัลไว้ เพราะเห็นว่าแมคดูกัลรักและทุ่มเทให้กับเรือเบลินด้าอย่างมาก ประเด็นนี้อาจจะไม่พิลึกมากเหมือนการต่อเรือใบหรือการเลี้ยงลิง แต่คงพอเป็นบทเรียนทางการบริหารให้กับใครได้บ้างนะครับ

ช็อตนี้ คามิคาเซ่ ชนเรืออย่างจะๆ
จุดไคลแมกซ์ของเรื่องมาอยู่ที่ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายที่เกาะโอกินาวา คราวนี้มาแล้วครับ ฝูงบินคามิคาเซ่เข้าโจมตีเรือเบลินด้าระลอกแรกประมาณ 20 กว่าลำ แม้ชาวเรือเบลินด้าจะพยายามต่อสู้ป้องกันอย่างเหนียวแน่น ยังอุตส่ามีลำหนึ่งหลุดเข้ามาชนเรือที่กราบขวาเข้าให้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 17 นาย รวมถึงเรือใบอัลบาทรอส และเจ้าลิงชิบซี่ กัปตันตัดสินใจนำเรือเข้าสู่เกาะที่ใกล้ที่สุด คือ เกาะคาโรน่า เรทอล ระหว่างทางก็เจอเข้ากับคามิคาเซ่ระลอกสองเข้าให้อีก คราวนี้โดนเข้าให้ที่กราบซ้าย ทำให้กัปตันเองซึ่งอยู่บริเวณนั้นพอดีได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวไปรักษาพยาบาลที่ห้องพัก ตัวเรือนั้นเอียงกระเท่เร่ น้ำเข้าท้องเรือจนทำท่าจะจม คุณแมคดูกัลของเราต้องรับบทหนักในการบัญชาการเรือ รวมถึงดำน้ำลงไปสำรวจความเสียหายของเรือด้วยตัวเอง ลูกเรืออีกกลุ่มหนึ่งก็อุตส่าพยายามขนย้ายเจ้าเครื่องอัดอากาศเข้ามาสูบน้ำ ช่่วงนี้ลุ้นกันอยู่หลายนาทีจนสามารถนำเรือออกเดินทางต่อไปได้อีกพักหนึ่ง อยู่ๆ ใบพัดเรือทั้งหมดก็หักไปจนหมด กัปตันซึ่งบาดเจ็บจนเหมือนไม่ได้สติเพ้อออกมาว่า "ลูกๆ พากันช่วยแม่" แมคดูกัลเก็บเอาไปงงอยู่พักหนึ่ง จึงถึงบางอ้อว่ากัปตันหมายถึงให้นำเรือลำเลียงพลทั้งหมดออกมาช่วยกันฉุดเรือแม่นั่นเอง และนี่เป็นไอเดียสุดท้ายของกัปตันที่ทำให้ลูกเรือที่เหลือทั้งหมดรอดชีวิตไปถึงเกาะคาโรน่า เรทอล ได้สำเร็จ ก่อนที่ตัวแกจะขาดใจตายไป

เรือที่เคยใช้ลำเลียงพลถูกปล่อยออกมาลากเรือแม่ไปสู่ที่ปลอดภัย
โดยภาพรวมจัดว่าเป็นภาพยนตร์สงครามที่ไม่ถึงขั้นรบกันดุเดือดเลือดพล่าน ออกแนวดรามานิดๆ แต่ไม่ถึงขั้นสะเทือนอารมณ์ เดืนเรื่องแบบเรียบๆ แฝงมุกขำๆ เป็นช่วงๆ แม้จะถ่ายทำบนเรือรบจริง แต่เมื่อเป็นเรือแม่ของเรือลำเลียงพล ประกอบกับเทคนิคต่างๆ ณ เวลาที่สร้าง เลยอาจจะดูไม่ยิ่งใหญ่อลังการอย่างเรือประจัญบานยามาโต้
ด้านความรู้ประวัติศาสตร์นั้น น่าเสียดายว่ายังไม่ค่อยให้รายละเอียดเท่าที่ควร ถ้าจะให้สวยน่าจะทำภาพเคลื่อนไหวโชว์เส้นทางเดืนเรือของเบลินด้านในแผนที่ให้เห็นกันจะๆ เลยว่า เรือเดินทางจากไหนไปไหน สมรภูมิหรือชื่อเกาะแปลกๆ แต่ละแห่งมันอยู่ตรงไหนในทะเลแปซิฟิก พร้อมทั้งวันเดือนปี ถ้าทำได้และได้ทำจะช่วยให้เข้าใจประวัติศาสตร์การรบช่วงนี้ได้เยอะ

แมคดูกัล กับ กัปตันฮอว์คส์ ตัวเอกของเรื่อง
เรื่องบทภาษาไทยพยายามจะไม่จับผิดยังมีมาสะดุดตาจนได้ ในซับนรก เอ๊ย! ซับไตเติลใช้คำว่า "กาบเรือ" หรือ "กาบซ้าย" "กาบขวา" อยู่ตลอด ที่ถูกคือคำว่า "กราบ" อันเป็นคำพ้องรูปและเสียงกับคำกริยาว่า "กราบ" นั่นเองครับ ถ้าใช้คำว่า "กาบ" จะกลายเป็นประเภทเปลือกหุ้มของพืชบางชนิดที่ลอกมาเป็นชั้นๆ ได้ อย่างกาบกล้วยอะไรไปนู่น ส่วนคำว่า "Bridge" ที่แปลว่า "หอบังคับการ" แทน "สะพานเดืนเรือ" นั้น ถ้าผิดก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนัก แต่ก็ขอฝากบริษัทจำหน่ายหนังทั้งหลายว่า ถ้าอยากขายหนังสงครามแบบไม่ให้ขัดความรู้สึกคนดูแล้ว เวลาจะแปลศัพท์ทหารก็ต้องถามทหารเขาหน่อยนะครับ
จุดสำคัญของเรื่องในทัศนะผม คือแนวคิดในการบังคับบัญชาคนของกัปตันฮอว์คส์ที่มองผ่านสายตาของเรือเอกแมคดูกัล ซึ่งอาจจะดูขัดกับความเชื่อของหลายๆ คน ที่คิดว่าผู้บังคับบัญชาที่ดีต้องสนิทสนมกับลูกน้อง เป็นที่ัรักของลูกน้อง แต่หลักการโดดเดี่ยวตัวเองของกัปตันกลับเป็นอะไรที่ "เวิร์ก" กับเรือเบลินด้าที่เริ่มต้นจากความไร้ประสบการณ์ของลูกเรืออยู่ไม่น้อย นักบริหารท่านใดจะนำไปประยุกต์ใช้อย่างไรก็สุดแล้วแต่วิจารณญาณของท่านครับ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Away All Boats
ชื่อภาษาไทย : เบลินด้า เส้นทางสู่สงคราม
เรื่องเดิม : นวนิยายของ Kenneth M. Dodson
ผู้สร้าง : Howard Christie
ผู้กำกำกับ : Joseph Pevney
ผู้เขียนบท : Ted Sherdeman
ผู้แสดง :
- Jeff Chandler ... Capt. Jebediah S. Hawks
- George Nader ... Lieut. Dave MacDougall
- Lex Barker ... Commander Quigley
- Julie Adams ... Nadine MacDougall
- Keith Andes ... Doctor Bell
- Richard Boone ... Lieut. Fraser
- William Reynolds ... Ensign Kruger
- Charles McGraw ... Lieut. Mike O'Bannion
- Jock Mahoney ... Alvick
- Frank Faylen ... Chief Phillip P. 'Pappy' Moran
- Don Keefer ... Ensign Twitchell
- Kendall Clark ... Lieut. Jackson
- George Dunn ... Hubert
etc.
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์