Post By Leo53
"เอลซิด” เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกเรื่องหนึ่งในสมัยก่อนที่มีการนำมาฉายในประเทศไทยหลายครั้ง ที่จำได้ก็มีตั้งแต่สมัยผมยังเรียนชั้นมัธยม ระหว่างศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งจบมาทำงานแล้วก็ยังจำได้ว่ามีการนำเข้ามาฉายอีกหลายครั้ง (คิดว่าอยางน้อยต้องไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง) เนื้อหาในภาพยนตร์เป็นการยกย่องเชิดชู คุณงามความดี และวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ ของโรดริโก แห่งบิวาร์ วีรบุรุษของสเปน ในช่วงคริสศัตวรรษที่สิบเอ็ด ทำนองเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง "เจงกิสข่าน" เวอร์ชั่นที่แสดงนำโดย โอมา ชารีฟ ที่ผมได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ เนื้อหาในภาพยนตร์ก็เป็นไปตามบทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่คุณโรจน์ได้นำมาเสนอในเว็บไซท์นี้แล้ว
ประเด็นที่นำมาเขียนในวันนี้ ก็คือประเด็นสืบเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ผมได้มาจากการพูดคุยกับคนอื่นๆที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้มา ซึ่งมีอยู่สองประเด็นที่ผมเห็นว่าน่าสนใจ ประเด็นแรกก็คืออะไรคือคุณธรรมความดีที่ยิ่งใหญ่ของเอลซิดในการที่เขาไม่ยอมคุกเข่าให้กษัตริย์อัลฟองโซ จนกว่าพระองค์จะยอมสาบานต่อพระคัมภีร์ว่าพระองค์ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้นในการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ซานโช พระเชษฐาของพระองค์ และประเด็นที่สองคือผู้หญิง(อาจ) คิดอย่างไรกับผู้ชายที่แสดงความประทับใจในตัว “เอลซิด”
.jpg)

เอลซิดไม่ยอมคุกเข่าให้กษัตริย์อัลฟองโซ จนกว่าพระองค์จะยอมสาบานตนต่อพระคัมภีร์ว่าพระองค์ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น กับการลอบปลงพระชนม์พระเชษฐาของพระองค์
ประเด็นแรกเป็นคำถาม ที่ผมถามเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพนับถือท่านหนึ่งซึ่งไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาเช่นเดียวกันว่า ทำไมการที่เอลซิดไม่ยอมคุกเข่าให้กษัตริย์ในวันราชาภิเษกจึงถือเป็นความกล้าหาญ และคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ขอทานโรคเรื้อนใช้เป็นคุณสมบัติเฉพาะข้อหนึ่งว่า ในแผ่นดินสเปนมีเพียงเอลซิดคนเดียวเท่านั้นที่จะกล้าทำเช่นนั้น เพื่อนรุ่นพี่ท่านนั้นได้อธิบายให้ผมเข้าใจแจ่มแจ้งชัดเจนว่า ในสภาพการณ์ที่พี่น้องแย่งชิงราชบัลลังก์กันเช่นนั้น เมื่อเกิดเรื่องการลอบสังหารกษัตริย์ผู้พี่ด้วยวิธีการที่ต่ำทรามโดยการแทงจากข้างหลังเช่นนี้ คนทั้งแผ่นดินย่อมต้องสงสัยอยู่ในใจว่าผู้เป็นน้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ แต่การที่ทุกคนคุกเข่าให้ทั้งหมดในวันราชาภิเษกนั้นเพราะความรักตัวกลัวตาย แต่คนทั้งแผ่นดินยังคงคลางแคลงใจในตัวกษัตริย์อัลฟองโซอยู่ ถ้าคนทั้งแผ่นดินคิดเช่นนี้ต่อกษัตริย์ การที่พระองค์จะบริหารบ้านเมืองให้มั่นคงและเจริญรุ่งเรืองต่อไปได้นั้นจะทำได้ยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานั้นมีทั้งศึกภายในจากรัฐสเปนอื่นๆ และศึกนอกคือศัตรูใหญ่ “เบนยูซุฟ” จากอาฟริกาเหนือที่จ้องจะยกกองทัพใหญ่เข้ามาทำสงครามศาสนาในยุโรป บ้านเมืองอาจถึงกาลวิบัติล่มจมได้ เอลซิดจึงต้องยอมเสี่ยงเอาอนาคตของตัวเองเข้าแลก เพื่อให้กษัตริย์อัลฟองโซลดความหยิ่งผยองลงและยอมสาบานตนต่อพระคัมภีร์ ซึ่งผลดีจะได้กับพระองค์เองและชาติบ้านเมือง ถ้าหากคนทั้งแผ่นดินหมดความแคลงใจในพระองค์ ดังนั้นแม้เอลซิดจะรู้ว่าการกระทำดังกล่าว กษัตริย์อัลฟองโซจะถือว่าเป็นการหมิ่นพระเกียรติและทำให้พระองค์โกรธมาก เขาอาจต้องได้รับผลที่ร้ายแรงจากการกระทำดังกล่าวแต่เขาก็ต้องทำ ซึ่งผลที่เขาได้รับก็คือในเช้าวันรุ่งขึ้นกษัตริย์อัลฟองโซก็มีราชโองการ ถอดยศ ริบทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา และเนรเทศเขาออกไปจากแผ่นดินสเปนทันที
.jpg)
.jpg)
ในระหว่างเดินทางอยู่ในทะเลทราย เอลซิดให้น้ำดื่มแก่คนป่วยโรคเรื้อนจากกระติกน้ำของเขาเอง
ส่วนประเด็นที่สองนั้นเป็นการคุยกันในกลุ่มเพื่อนชายหญิงถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ และมีเพื่อนคนหนึ่งกล่าวถึงความประทับใจของเขาที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า เขาประทับใจฉากตอนที่เอลซิดถูกเนรเทศออกจากสเปน ในขณะที่เขากำลังขี่ม้าอยู่ในทะเลทรายมีชายขอทานเดินสวนทางมา ชายขอทานร้องขอน้ำจากเขาแต่ไกลว่า “ข้าหิวน้ำ ข้าหิวน้ำ ท่านอัศวิน ข้าหิวน้ำ ไม่มีบ่อน้ำใดในละแวกนี้อนุญาตให้คนป่วยโรคเรื้อนเข้าไปดื่มน้ำได้ ข้าหิวน้ำมาก” เอลซิดลงจากหลังม้า ยื่นกระติกน้ำของเขาป้อนให้กับขอทานคนนั้น และมอบน้ำที่เหลือทั้งกระติกให้เขา เมื่อดื่มน้ำเสร็จขอทานกล่าวว่า “ขอบคุณท่านมาก เอลซิด” เอลซิดจึงถามว่า “ท่านรู้ชื่อข้าได้อย่างไร” ขอทานตอบว่า “มีเพียงชายเดียวในแผ่นดินสเปนที่ทำให้กษัตริย์ยอมถ่อมตนลงได้ และก็มีเพียงชายเดียวเท่านั้นในแผ่นดินสเปนที่จะให้น้ำดื่มแก่คนป่วยโรคเรื้อนจากกระติกน้ำของตนเอง (There is only one man in Spain who could humble a King and who would give a leprod to drink from his own pot.)” แฟนของเพื่อนชายคนนั้นจึงบอกว่า ห้ามเขาไปเล่าเรื่องดังกล่าวให้ผู้หญิงอื่นฟังอีก มีคนถามว่าทำไมแต่เธอไม่ตอบ อย่างไรก็ตามจากการซักถามในภายหลังต่อมา พอจับความได้ว่าเธอเห็นว่าการที่คนคนหนึ่งแสดงความประทับใจในเรื่องดังกล่าว อาจเป็นเครื่องชี้บอกเรื่องราวได้สองประการคือ หนึ่ง เขาเป็นคนดี หรือ สอง เขาอยากเป็นคนดี ซึ่งเธอไม่ต้องการให้ผู้หญิงอื่นมองเห็นแฟนของเธอเป็นเช่นนั้น!