เมื่อผมเริ่มเขียนแนะนำ หนังสงคราม มากๆ เข้า ก็เริ่มเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า หนังสงครามที่ดีควรเป็นอย่างไร หนังที่ยิงกันสนั่นหวั่นไหวนั้นดูสนุก แต่ก็เหมือนส่งเสริมความรุนแรง ส่วนหนังที่ต่อต้านสงครามนั้นเล่า แม้จะเป็นการสะท้อนความทุกข์ยากของผู้คนที่อยู่ในภาวะสงคราม แต่มักชวนเศร้าสลดหดหู่ เหมือนเป็นเรื่องที่ตัวเอกไม่กี่คนบ่นไปบ่นมา คล้ายกับว่าเป็นข้อแก้ตัวของคนขี้ขลาดในสงครามหรือเปล่า ก็แล้วแต่มุมมอง
ภาพยนตร์เรื่อง Kill Rommel ที่จะคุยกันในครั้งนี้ จัดว่าเป็นหนังที่ดูไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ และไม่ค่อยให้ข้อมูลความรู้ทางประวัติศาสตร์อะไรมากนัก แต่ทัศนะต่อสงครามของเขานั้นน่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน
ในอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์มากนัก เป็นภาพยนตร์อิตาลีที่มีชื่อในภาษาของเขาว่า Uccidete Rommel และกลายเป็นเรื่องของทหารฝ่ายสัมพันธมิตรแทนที่จะเป็นทหารอิตาเลียนที่อยู่ฝ่ายอักษะร่วมกับเยอรมันจนถึงปลายสงคราม เรื่องโดยสังเขปคือ :
ร้อยโท จอร์จ มอร์ริส แห่งกองทัพอเมริกัน ได้เข้ามาร่วมปฏิบัติการกับทหารอังกฤษในสมรภูมิอาฟริกาเหนือด้วยเหตุผลกลใดไม่แจ้ง โดยอยู่ในความควบคุมของ ร้อยเอก ริชาร์ด โฮเวลล์ ร่วมปฏิบัติการครั้งแรกในภารกิจที่จะต้องสร้างกลลวงให้ทหารเยอรมันมาเก็บแผนที่สนามทุ่นระเบิดฉบับปลอม โดยคูเปอร์สมาชิกคนหนึ่งของทีมจับได้ไม้สั้นทำหน้าที่ในการล่อหลอกดังกล่าวตามลำพังจนได้รับบาดเจ็บ มอร์ริส ได้ขับรถออกไปช่วยคูเปอร์โดยพลการ ผลคือแม้จะนำคูเปอร์กลับมายังที่ซ่อนของทีมได้ แต่ก็บาดเจ็บหนักจนโฮเวลล์เห็นว่าควรยิงทิ้งให้พ้นความทรมาน รถยนต์พาหนะของทีมก็เสียหายใช้การไม่ได้ เมื่อกลับถึงที่ตั้งมอร์ริสก็ถูกสอบสวน ยังดีที่คณะกรรมการในกองทัพอังกฤษแค่สรุปว่ามอร์ริสผิดโดยไม่ได้ลงโทษอันใด มอร์ริสเสียใจจนหันไปพึ่งเหล้าแล้วก็เมาจนเผลอไปลวนลามมาจอรี จนสามีมาพบเข้าซึ่งก็คือผู้กองโฮเวลล์นั่นเองโดยที่มอร์ริสไม่ทราบมาก่อน
วันรุ่งขึ้น มอร์ริส พลาดรถที่จะนำตนกลับไปยังกองทัพอเมริกัน และถูกผู้กองโฮเวลล์นำตัวไปร่วมปฏิบัติการครั้งสำคัญที่บาเจ ซึ่งเป็นสนามบินของเยอรมัน และมาทราบภายหลังว่าเป็นปฏิบัติการเพื่อสังหาร จอมพลรอมเมล (Fieldmarshall Erwin Rommel) แม่ทัพแห่งกองทัพน้อยอาฟริกาเยอรมัน ที่คาดว่าจะลงจากเครื่องบินที่นั่น คณะของโฮเวลล์และมอร์ริสซึ่งประกอบด้วยรถยนต์ติดอาวุธปืนกล 4 คันเดินทางไปปฏิบัติการเกือบสำเร็จ แต่ข่าวที่ได้รับผิดพลาด ผู้ถูกสังหารเป็นเพียงนายทหารการแพทย์ผู้หนึ่ง ขณะที่รอมเมลเดินทางไปยังแนวหน้านานแล้ว คณะของโฮเวลล์และมอร์ริสต้องหนีการตามล่าของฝ่ายเยอรมัน จนเหลือแต่รถของโฮเวลล์และมอร์ริส กับทหารอีกสองสามคน การตามล่าของฝ่ายเยอรมันประกอบกับความรั้นของโฮเวลล์ทำให้ต้องสูญเสียสมาชิกไปอีก จนเหลือแต่โฮเวลล์ซึ่งบาดเจ็บสาหัส มอร์ริส และจ่าทหารเยอรมันผู้บังคับรถเกราะคันหนึ่งที่ถูกจับเป็นเชลย ทั้งสามพยายามฝ่าสนามทุ่นระเบิดและสนามรบระหว่างกองทัพทั้งสองจนในที่สุดไม่เหลือพาหนะที่จะใช้การได้ มอร์ริสยังคงมุ่งมั่นที่จะหาทางพาโฮเวลล์กลับไปยังกองทัพอังกฤษ ทั้งๆ ที่โฮเวลล์ไม่เคยใยดีต่อชีวิตเพื่อนทหารรวมถึงชีวิตตนเองเลย เรื่องจบลงแบบ Happy Ending เมื่อจ่าเยอรมันได้เปลี่ยนใจจากการหนีเอาตัวรอดมาช่วยมอร์ริสพยุงโฮเวลล์กลับไปยังฐานทัพด้วยกัน
ในภาพรวมเป็นภาพยนตร์ที่ท่าค่อนข้างจะดีแต่ทีค่อนข้างจะเหลว
เริ่มจากชื่อเรื่องภาษาไทยก็พิลึกแล้ว เนื้อเรื่องเขาเป็นปฏิบัติการฆ่า "รอมเมล" แท้ๆ แล้ว "โรนัน" ในชื่อภาษาไทยเป็นใครมาจากไหน เวอร์ชันที่วางขายในไทยนั้นมีแต่พากย์ไทย ที่เสียงพากย์พอฟังได้ แต่มีการพากย์นอกเรื่องอยู่บ้าง แล้วดันมีซับไตเติ้ลภาษาจีนโผล่มาเกะกะตา ขัดบรรยากาศหนังฝรั่งแถมอ่านไม่ออก
ด้านการสร้าง อุตส่าหารถถัง Sherman มาอยู่ข้างสัมพันธมิตรได้ แต่ฝ่ายเยอรมันกลับใช้รถถังสมัยใหม่มาติ๊งต่าง และแม้จะหารถถังมาเข้าฉากได้มาก แต่ฉากต่อสู้กันกลับไม่ดุเดือดพอจะเทียบเคียงกับเรื่องอื่นอย่าง Battle of the Bulge หรือ Patton ได้เลย
ทั้งที่การสร้างพล็อตเรื่องด้วยปฏิบัติการพยายามฆ่าแม่ทัพฝ่ายตรงข้าม ประกอบกับความขัดแย้งเรื่องคำสั่งทหาร และความสัมพันธ์ที่เฉียดๆ จะเป็นรักสามเส้านั้นเป็นอะไรที่น่าจะขายได้ แต่องค์ประกอบอื่นๆ ไม่ได้สนับสนุนให้เรื่องน่าสนใจได้มากนัก
ด้านประวัติศาสตร์นั้นก็แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย เนื่องจากเป็นเพียงเรื่องสมมติที่มาสวมลงในสมรภูมิรบอาฟริกาเหนือ ที่ไม่ได้กำหนดวันเวลาอย่างแน่ชัดลงไป เพียงแค่ย้ำว่าในสงครามโลกครั้งที่สองเขามีรบกันในทะเลทรายอาฟริกาเหนือด้วยนะจ๊ะ ทางฝ่ายเยอรมันเขามีแม่ทัพชื่อรอมเมลนะจ๊ะ แต่ละฝ่ายเขามีเครื่องแบบกันอย่างนี้ๆ นะ
(ถึงตรงนี้ก็ขอเติมข้อมูลประวัติศาสตร์กันย่อๆ ว่า สงครามในทะเลทรายอาฟริกาเหนือ ใน สงครามโลกครั้งที่สอง นั้น อยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 13 กันยายน 1940 (พ.ศ.2483) ถึง 13 พฤษภาคม 1943 (พ.ศ.2486) เริ่มจากการที่กองทัพอิตาลีในลิเบียโจมตีกองทัพอังกฤษในอิยิปต์ แต่ถูกตีโต้กลับแพ้ไม่เป็นกระบวน ฮิตเลอร์ ผู้นำเยอรมัน ได้ตัดสินใจช่วย มุสโสลินี ผู้นำอิตาลี ด้วยการส่งกองกำลังไปช่วย โดยการนำของ พลโท เออร์วิน รอมเมล (Erwin Rommel ภายหลังได้รับยศเป็นจอมพล) ซึ่งสามารถใช้กำลังที่ค่อนข้างน้อยต่อตีกับกองทัพอังกฤษจนผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่หลายรอบ ในที่สุด การมาถึงของกองทัพอเมริกัน และแม่ทัพสำคัญ คือ นายพล เบอร์นาร์ด มอนต์โกเมอร์รี่ (Bernard Montgomery ภายหลังได้รับยศเป็นจอมพล) ของอังกฤษ และนายพล จอร์จ แพตตัน (George S. Patton) ของอเมริกัน ตลอดจนปัจจัยอื่นๆ ได้พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นของฝ่ายสัมพันธมิตร จนมีชัยชนะในที่สุด รายละเอียดโปรดค้นคว้าเพิ่มเติมจากลิงก์บทความของวิกิพีเดียหรือหนังสือประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่หาได้ทั่วไป)
จุดที่พอจะชมกันได้เต็มปากเต็มคำในทัศนะผมก็ดังที่เกริ่นไว้แต่ตอนต้นๆ คือการต่อต้านสงครามด้วยแนวคิดมนุษยธรรม แทนที่จะใช้ความทุกข์ยากรันทดของตัวเอก กลับใช้ความรักเพื่อนมนุษย์ของมอร์ริสเป็นตัวดำเนินเรื่องโดยตลอด แม้ว่าพี่แกออกจะใจดีและแคล้วคลาดอย่างเว่อๆ ก็ตาม การกำหนดให้มอร์ริสเป็นอเมริกันในกองทัพอังกฤษ เป็นการสร้างภาพของพระเอกที่เป็นคนนอกหรือแกะขาวในฝูงแกะดำให้ชัดขึ้น และแนวคิดมนุษยธรรมยิ่งชัดขึ้นไปอีกเมื่อเชลยเยอรมันที่ควรจะเป็นข้าศึกกันแท้ๆ กลับเข้ามามีบทบาทเป็นผู้ช่วยพระเอกต่อสู้กับแนวคิดพลีชีพเพื่อภารกิจของโฮเวลล์ ทั้งในข้อเสนอให้พาคนเจ็บไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด การอาสาช่วยฝังศพผู้เสียชีวิตด้วยความเต็มใจ ความพยายามแก้มัดตัวเองเพื่อไปช่วยผู้ที่กำลังจะตาย และการย้อนกลับมาช่วยมอร์ริสและโฮเวลล์ในตอนจบ ต้องถือว่าความเป็นชาติของตัวละครแต่ละคนเป็นเพียงการสมมติเพื่อสะท้อนแนวคิดดังกล่าว ไม่ใช่ทัศนคติจริงๆ ที่ผู้สร้างมีต่อคนชาตินั้นๆ
เรียกว่าเป็นการเอาชนะความเลวด้วยความดี ชนะความบ้างานรบด้วยเมตตาธรรม ที่น่าจะเวิร์กไม่น้อยหากได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยอื่นๆ ในเรื่องอย่างเพียงพอ และน่าเสียดายที่ไม่ค่อยจะได้เห็นแนวคิดแบบนี้ในหนังสงครามเรื่องอื่นๆ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอิตาเลียน : Uccidete Rommel
ชื่อภาษาอังกฤษ : Kill Rommel
ชื่อภาษาไทย : คำสั่งฆ่าโรนัน (ที่ถูกน่าจะเป็น คำสั่งฆ่ารอมเมล หรือ แผนสังหารรอมเมล)
ผู้กำกำกับ : Alfonso Brescia
ผู้เขียนบท : Lorenzo Gicca Palli
ผู้แสดง :
- Anton Diffring as Captain Richard Howell
- Carl Parker as Lt. George Morris
- Pamela Tudor as Marjorie Howell
- Ugo Adinolfi as Sgt. Lucchesi
- Renato Romano as Sgt. Atwell
- Giuseppe Castellano as Cooper
- etc.
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์