dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



May 18 - พฤษภาทมิฬของเกาหลีใต้
วันที่ 19/05/2013   20:32:36

webmaster@iseehistory.com

ถ้าจะคุยกันเล่นๆ ว่า มีหนังเกาหลีเรื่องหนึ่ง  พระเอกเป็นคนขับแท็กซี่หาเงินส่งน้องชายที่เรียนกฎหมายในมหาวิทยาลัย  เกิดไปหลงรักนางเอกที่เป็นพยาบาลและเป็นลูกสาวของเถ้าแก่อู่แท็กซี่โดยที่พระเอกและพ่อนางเอกนั้นต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกับนางเอก  ท่านคงคิดว่าผมกำลังพูดถึงหนังรักกระจุ๋มกระจิ๋มแนวคอเมดี้หรือดรามาแบบเดียวกับทีวีซีรีส์หรือหนังแผ่นที่วางขายตามร้านทั่วไป

แต่สำหรับเว็บไซต์ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ (www.iseehistory.com) แห่งนี้  หนังที่เรากำลังพูดถึงมีโครงเรื่องดังที่กล่าวไปทับซ้อนอยู่กับหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองอันโชกเลือดของเกาหลีใต้หรือประเทศสาธารณรัฐเกาหลีในยุคเผด็จการทหารครองเมือง  กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าปัญหาความรักใคร่ระหว่างบุคคล


จินวู กับ มินวู


มินวู กำลังชวน ชินเอ ไปดูหนัง

May 18 ภาพยนตร์เกาหลีเรื่องแรกที่นำมาคุยกันในเว็บแห่งนี้ สร้างขึ้นและนำออกฉายเมื่อปี 2007/พ.ศ. 2550 ก่อนอื่นมาดูเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เบื้องหลังกันสักนิด  คงไม่ต้องย้อนไปไกลถึงยุคอาณาจักรโบราณเลยนะครับ  เอาเป็นว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลี อันทำให้ดินแดนในคาบสมุทรเกาหลีที่พึ่งหลุดจากแอกของจักรวรรดิญี่ปุ่นต้องแบ่งแยกออกเป็น 2 ประเทศ คือ เกาหลีเหนือ หรือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี อันปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ กับ เกาหลีใต้ หรือสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งอยู่กับพี่เบิ้มอเมริกา  แต่แทนที่จะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่ค่อนข้างจะเต็มใบเฉกเช่นลูกพี่  อำนาจการปกครองกลับตกไปอยู่ในมือของเผด็จการทหารเฉกเช่นประเทศด้อยพัฒนาอีกหลายประเทศ  แม้กระนั้น ด้วยเหตุปัจจัยหลายๆ อย่างทำให้เกาหลีใต้สามารถพัฒนาประเทศได้มาก โดยเฉพาะในยุคของประธานาธิบดีคนที่ 3 คือ ปาร์ก จุงฮี (Park Chung-hee ในภาษาไทยบางทีเรียกเป็น “ปัก จุงฮี”) ที่ปกครองประเทศมายาวนานถึง 18 ปี (24 มีนาคม 1962/พ.ศ.2505 –26 ตุลาคม 1979/พ.ศ.2522) โดยด้านหนึ่งเขาเป็นที่เคารพนับถือจากการพัฒนาประเทศในด้านอุตสาหกรรม  แต่อีกด้านก็เป็นจอมเผด็จการที่ใช้อำนาจอย่างเลวร้าย

จุดพลิกผันเริ่มต้นเมื่อประธานาธิบดี ปาร์ก จุงฮี ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2522 โดยฝีมือของ นายคิม แจ ยู ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองเกาหลีใต้ และยังเป็นเพื่อนเก่าแก่ของปาร์ก จุงฮี เอง  เนื่องจากการลอบสังหารครั้งนี้เป็นการกระทำส่วนตัวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายใดที่จะมาปกครองแทน  จึงเกิดเรื่องวุ่นวายตามมา  รัฐบาลของประธานาธิบดี Choi Kyu-hah ที่ปกครองต่อมาไม่มีเสถียรภาพ  จนกระทั่งนายพลชุน ดูฮวาน หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของกองทัพบก ได้ร่วมมือกับนายพลโรห์ แตวู แม่ทัพที่คุมกองกำลังด้านชายแดนเกาหลีเหนือ ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) ขบวนการประชาธิปไตยที่ถูกกดมานานก็เริ่มเคลื่อนไหวคัดค้านเรียกร้องประชาธิปไตยและให้ยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศมาตั้งแต่ประธานาธิบดีปาร์ก จุงฮีถูกลอบสังหาร ชุน ดูฮวาน (ตอนนั้นยังไม่ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี) ก็ไม่ยอมและได้ออกมาตรการต่างๆ ขึ้นมาตอบโต้ ที่สำคัญคือเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 1980/พ.ศ.2523 เขาได้บีบให้คณะรัฐมนตรีประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ และดำเนินการกวาดล้างจับกุมกลุ่มผู้เคลื่อนไหวคัดค้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัย  นักเคลื่อนไหวคนสำคัญที่ถูกจับกุมในครั้งนั้น คือ นายคิม แดจุง ชาวเมือง Sinan ในจังหวัด Jeollanam-do (South Jeolla)  ซึ่งจังหวัดนี้นับเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวที่สำคัญ ชุน ดูฮวาน จึงได้ส่งกำลังทหารหน่วยพิเศษเข้ามาควบคุมเมืองกวางจู (Gwangju) อันเป็นเมืองเอกของจังหวัดนี้ 


หายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา


มาเข้าเรื่องกันซะทีครับ  ภาพยนตร์เริ่มเรื่องโดยให้พระเอกโชเฟอร์แท็กซี่ของเรานามว่า คาง มินวู ออกมาขับรถโชว์ความหล่อท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามนอกเมืองกวางจู  แล้วตัดมาภาพในเวลากลางคืน ณ หน่วยทหารแห่งหนึ่ง จะเป็นที่โซลหรือที่ไหนก็ไม่ทราบ กองกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้รับคำสั่งด่วนให้ขึ้นเครื่องบินลำเลียงออกไปจากฐานที่ตั้งโดยทราบภารกิจแต่เพียงงูๆ ปลาๆ ว่าจะไปแก้แค้นคอมมิวนิสต์อะไรไปนู่น  ครั้นทหารถามว่าจะไปรบกับพวกเหนือหรือไงครับ  ก็ไม่ยอมบอก  แต่มีทหารคนหนึ่งข้อสังเกตว่าขณะนั้นซึ่งใกล้สว่าง  เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางด้านซ้าย แสดงว่าเครื่องบินกำลังลงใต้นี่หว่า  ภาพกลับมาที่เรื่องราวของพระเอกที่กำลังทำมาหากินเพื่อส่งเสียน้องชายชื่อ คาง จินวู ที่กำลังเรียนกฎหมายอยู่ในมหาวิทยาลัย และเกิดไปหลงรักกับ ปาร์ค ชินเอ พยาบาลสาวสวยเพื่อนของจินวูที่โบสถ์คริสเตียน  โดยไม่ทราบว่าเธอคือลูกสาวของ ปาร์ค ฮึงซู เถ้าแก่อู่รถแท็กซี่ของเขาเอง  พ่อนางเอกนี้เป็นอดีตนายร้อยเอกที่ทนปัญหาบางอย่างในกองทัพไม่ได้จึงลาออกมาทำธุรกิจดังกล่าว  ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่พึ่งเดินทางมาถึง  ได้มีผู้หมวดลูกน้องเก่าคนหนึ่งของเขาถือโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนด้วย  ด้านพระเอกของเรานั้น  จะชวนนางเอกไปดูหนังทั้งทียังต้องเอาน้องชายเป็นข้ออ้างว่าเห็นน้องเรียนหนักกลัวจะเครียดเกินไป  เลยจะขอชวนไปด้วยกันสามคนเลย  ซึ่งเธอก็ตอบรับโดยดี

และวันที่นัดจะไปดูหนังกันนั้นคือวันที่ 18 พฤษภาคม 1980 หลังการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศเพียง 1 วัน (ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวถึง)  ในระหว่างที่นางเอกกำลังเดินทางไปตามนัดก็เริ่มเห็นการประจันหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมทางการเมืองกับกองทหารที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์แล้ว  แต่เธอได้นั่งรถผ่านไปก่อนจะเกิดเหตุการณ์ทหารไล่ตีประชาชนอย่างหวุดหวิด  จนกระทั่งเข้าไปดูหนังกันได้สักพักหนึ่ง  จึงมีควันแก๊สน้ำตาฟุ้งเข้ามา  ตามด้วยผู้ชุมนุมรายหนึ่งถูกทหารไล่ตีเข้ามาถึงในโรงหนัง  ผู้ชมเลยต้องกรูกันออกมาข้างนอก  แล้วเลยถูกทหารไล่ตีไปด้วย  ถึงตอนนี้ภาพยนตร์อุตส่าเขียนบทให้นางเอกถูกทหารวิ่งไล่ไปถึงซอยตันแล้วพระเอกมาช่วยไว้ได้  แล้วจึงพากันไปหาหลวงพ่อที่โบสถ์  วันรุ่งขึ้น พระเอกยิ่งได้ทีขันอาสาพานางเอกไปทำงานที่โรงพยาบาล  ด้านจินวูน้องพระเอกได้ทราบว่าเพื่อนคนหนึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์วันก่อน  จึงเข้าร่วมการประท้วงกับเพื่อนๆ  ด้านพระเอกเราพยายามประกอบอาชีพแท็กซี่ตามปกติ  ยังติดร่างแหโดนทหารจับตัวไปเพราะพยายามช่วยผู้บาดเจ็บรายหนึ่ง  แล้วพระเอกก็ยังเป็นพระเอกได้จากการสร้างปาฏิหาริย์กระโดดจากรถทหารที่กำลังข้ามสะพานลงน้ำแล้วว่ายหนีขึ้นฝั่งกระเซอะกระเซิงไปจนถึงบ้านหญิงตาบอดคนหนึ่งที่ลูกเธอหายออกจากบ้านไปโดยไม่รู้ชะตากรรม ก่อนจะไปให้นางเอกเย็บแผลหัวแตกที่โรงพยาบาล  ด้าน ฮึงซู พ่อนางเอก พยายามไปเจรจากับนายพลชอย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารที่มาปฏิบัติงานแต่ไม่เป็นผล  มินวูพระเอกของเราก็พยายามห้ามน้องชายไม่ให้ไปเข้าร่วมประท้วง  เนื่องจากเหลือกันสองคนพี่น้องเท่านั้น  แต่ก็ไม่ค่อยจะเป็นผลเช่นกัน


ทหารเริ่มไล่ตีประชาชนในวันที่ 18 พฤษภาคม 1980 หรือ พ.ศ.2523


ไล่ตีกันเข้ามาถึงในโรงหนัง


ยิงแก๊สน้ำตากันเป็นว่าเล่น

วันที่ 21 พฤษภาคม ชาวเมืองต่างดีใจที่ได้ทราบว่าผู้ว่าเมืองกวางจูได้เจรจาขอให้ถอนทหารออกไปในตอนเที่ยง  ผู้คนมาชุมนุมกันหน้าแถวทหารที่พวกเขาคิดว่ากำลังจะถอนออกไป  แต่พอถึงเวลา ขณะที่ชาวเมืองกำลังร้องเพลงชาติกันอยู่  บรรดาทหารกลับเอาซองกระสุนใส่ปืนแล้วยิงใส่ประชาชนทันที  ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก  ที่เหลือก็วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง  มินวูพระเอกของเราเห็นจินวูถูกยิงต่อหน้าต่อตา  จึงได้นำร่างน้องชายไปส่งโรงพยาบาล  แต่แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้  ทำให้เขาเสียใจมาก มินวู ฮึงซู กับบรรดาผู้ชุมนุมประท้วงจึงพากันไปปล้นคลังอาวุธเพื่อมาต่อสู้กับกองทหาร  ระหว่างการยิงต่อสู้กัน หมอคนหนึ่งกับชินเอนำรถพยาบาลออกมารับคนเจ็บแต่หมอถูกยิงเสียชีวิต เดือดร้อนพระเอกต้องออกมาพานางเอกหนีอีกวาระหนึ่ง  คราวนี้นางเอกเป็นฝ่ายทำบาปบ้างโดยจำต้องฆ่าทหารคนหนึ่งเพื่อช่วยชีวิตพระเอก  ทางด้านฮึงซูพ่อนางเอกพาพวกยิงปืนกลหนักถล่มทหารในศาลาว่าการเมืองจนฝ่ายทหารต้องถอนกำลังออกไปในวันที่ 22 พฤษภาคม


สภาพของโรงพยาบาล


นำศพผู้เสียชีวิตมาประท้วง


เริ่มการยิงใส่ประชาชน


ฮึงซูได้ประกาศจัดตั้งกองทัพประชาชนขึ้นปกป้องเมืองกวางจู  ขณะที่กรรมการเมืองพยายามเจรจากับฝ่ายทหาร  แต่นายพลชอยไม่ยอม และสั่งปิดทางเข้าออกเมืองกวางจูทั้งหมด  ด้านชาวเมืองก็ได้จัดการรักษาความปลอดภัยและควบคุมเมืองกันเองตามมีตามเกิด  บาทหลวงนำข่าวมาแจ้งว่าหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ได้ลงข่าวเหตุการณ์ในเมืองกวางจูแล้ว  และอีกประมาณ 5 วัน พวกเขาจะชนะ  โดยสหรัฐอเมริกาจะนำกำลังมายังเมืองปูซาน  แต่ฮึงซูกลับเห็นว่านั่นหมายถึงชาวเมืองเหลือเวลาอีกเพียง 5 วันเท่านั้น  เพราะทางฝ่ายเผด็จการทหารจะต้องหาทางจัดการกับพวกเขาซะก่อน  วันรุ่งขึ้นรถบัสของชาวเมืองถูกขบวนทหารพร้อมด้วยรถถังโจมตี  มีผู้หนีรอดมาเพียง 2 คน  มินวูจึงส่งระเบิดทีเอ็นทีลังหนึ่งไปให้ฝ่ายทหารเพื่อเป็นการข่มขู่  ทำให้ทหารถอนกำลังรถถังออกไปชั่วคราว  แต่ฮึงซูกลับเห็นว่านั่นทำให้ชาวเมืองกลายเป็นกบฏไป  จากนั้นเขาได้พยายามเจรจากับนายพลชอย  แต่ไม่เป็นผล  นายพลชอยกลับเสนอผู้บังคับบัญชาให้เร่งเผด็จศึกชาวเมืองโดยเร็ว  และส่งทหารไปยื่นคำขาดกับชาวเมือง  ซึ่งแน่ละครับว่าฮึงซูกับพวกไม่ยอมทั้งที่รู้ว่าสู้ไม่ได้แน่ๆ  มีสมาชิกบางรายถูกภรรยามาตามให้กลับบ้าน  แต่ตอนหลังก็หนีเมียกลับมาร่วมเป็นร่วมตายกับเพื่อนจนได้


ปาร์ค ฮึงซู อดีตนายร้อยเอกที่ต้องกลับมานำประชาชนจับปืนต่อสู้จนได้ชัยชนะในช่วงแรก


ความสูญเสียในช่วงแรก

ตกกลางคืน ฮึงซูพึ่งจะทราบว่าพระเอกของเราชอบพอกับนางเอก  ก็ไม่อยากให้ลูกสาวตายหรือรอดชีวิตไปโดยไม่เหลือใคร  เขาจึงหลอกให้มินวูพาชินเอไปส่งในที่ปลอดภัย แล้วสั่งปิดการเข้าออกศาลว่าการเมืองเพื่อไม่ให้ทั้งสองกลับเข้ามา  แต่มินวูก็ยังอุตส่าเล็ดลอดกลับเข้ามาได้  ขณะที่ชินเอออกตระเวนไปทั่วเมืองเพื่อป่าวประกาศให้ชาวเมืองลุกขึ้นสู้  เรื่องราวต่อจากนี้อย่าให้เล่าละเอียดเลยครับ  ทั้งใช้เวลาทั้งหดหู่  สรุปว่าในคืนนั้นตามประวัติศาสตร์คือวันที่ 27 พฤษภาคม 1980 เวลาประมาณ 4.00 น. ฝ่ายทหารซึ่งมีกำลังพลทั้งทหารราบ รถถัง และเฮลิคอปเตอร์ได้เข้าโจมตีกองกำลังชาวเมืองกวางจูที่ปักหลักกันอยู่ ณ ที่ว่าการเมืองจนราบคาบภายในเวลาประมาณ 90 นาที  ด้านตัวละครของเรา ฮึงซูได้พยายามหลอกล่อให้พระเอกหนีไปให้พ้นก่อนที่ตัวเองจะตาย  ฝ่ายพระเอกก็หนีไปไม่พ้นถูกยิงจนตายเช่นกัน  ปล่อยให้นางเอกเหลือรอดอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

จบเรื่องราวในภาพยนตร์แล้วต้องขอต่อด้วยบทสรุปและเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ภายหลังเหตุการณ์ เมย์ 18 กันสักนิด  เขียนเองมาเยอะแล้ว  ขอมักสะดวกด้วยการลอกข้อความตอนท้ายของวิกิพีเดียภาษาไทยมาเป็นตัวช่วยสักหน่อยดีกว่า

จากรายงานของรัฐบาล ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นประชาชน 144 คน ทหาร 22 คน และตำรวจ 4 คน มีผู้บาดเจ็บเป็นประชาชน 127 คน ทหาร 109 คน ตำรวจ 144 คน แต่จากรายงานของกลุ่มญาติผู้เสียชีวิต ระบุว่าประชาชนอย่างน้อย 165 คนเสียชีวิตระหว่างวันที่ 18 ถึง 27 พฤษภาคม มีผู้สูญหาย 65 คน สันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว

ชุน ดูฮวาน ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 2 สมัย ระหว่างปี พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2531 ตามด้วยโรห์ แตวู ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีก 2 สมัย ระหว่างปี พ.ศ. 2531 ถึง พ.ศ. 2536 จนกระทั่งถึงสมัยของประธานาธิบดีพลเรือน นายคิม ยังซัม ได้ประกาศนโยบายปฏิรูปการเมือง และปราบปรามการคอรัปชัน และนำคดียึดอำนาจการปกครอง และคดีสังหารประชาชนที่กวางจู ขึ้นสู่ศาลในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2539

ศาลอาญาประจำกรุงโซล มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2539 ลงโทษประหารชีวิตนายพลชุน ดูฮวาน จำเลยที่หนึ่ง และจำคุกนายพลโรห์ แตวู จำเลยที่สอง 22 ปี 6 เดือน และจำคุกนายพลอื่นๆ อีก 13 คน

(ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/ขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในกวางจู)


ฝ่ายทหารเตรียมเผด็จศึก


เริ่มปฏิบัติการ


ฝ่ายตั้งรับ


เริ่มบุกเข้าสู่ตัวอาคารที่ว่าการเมือง

จากเนื้อหาของภาพยนตร์ที่สะท้อนความรุนแรงทางการเมืองถึงขั้นยิงกันนองเลือดขนาดนี้  แน่นอนว่าบรรยากาศโดยรวมย่อมเป็นเรื่องของความเศร้าสลดหดหู่  โดยผู้สร้างก็พยายามแทรกบทรักกระจุ๋มกระจิ๋มของพระเอกนางเอก  และบทตลกอย่างเช่น เรื่องราวระหว่างอินบองเพื่อนพระเอกกับยองแดผู้โดยสารจิ๊กโก๋ที่เคยมีเรื่องทะเลาะกัน  แต่กลับกลายมาร่วมต่อต้านเผด็จการทหารด้วยกันจนกลายเป็นเพื่อนรักเพื่อนตาย  หรือความไม่ประสีประสาของชาวบ้านที่กลายมาเป็นพลพรรคในกองทัพประชาชน  ฯลฯ ซึ่งถูกสอดแทรกเข้ามาอย่างเนียนมาก  แต่เมื่อเทียบกับเนื้อหาหลักที่แสนจะหนักแล้ว  มุกตลกเหล่านี้เอาไม่อยู่เหมือนกันครับ  ดูจบเรื่องแล้วทั้งเศร้าทั้งสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง


อินบอง (คนถือปืน) กับ ยองแด อดีตคู่อริที่มาร่วมประท้วงจนกลายมาเป็นเพื่อนกันจนวาระสุดท้าย

ด้านตัวละครหลักๆ ที่เป็นตัวดำเนินเรื่อง  ไม่ว่าพระเอก นางเอก น้องพระเอก พ่อนางเอก ฯลฯ ดูจากความสัมพันธ์ของพวกเขา พฤติกรรมและเหตุบังเอิญต่างๆ แล้ว  เข้าใจว่าตัวละครเหล่านี้ถูกสมมติขึ้นมามากกว่าที่จะเป็นบุคคลจริงในประวัติศาสตร์  ถ้าเช่นนั้นก็จะเป็นข้อด้อยของภาพยนตร์ในแง่ความน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย  แต่ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากข้อจำกัดที่ตัวบุคคลจริงหรือญาติมิตรของผู้สูญเสียในเหตุการณ์จริงอาจจะไม่ประสงค์ให้นำชีวิตส่วนตัวของเขาเหล่านั้นมาบรรจุในภาพยนตร์  อีกทั้งเมื่อเป็นตัวละครสมมติแล้วผู้เขียนบทก็มีอิสระที่จะแต่งเติมจินตนาการต่างๆ เพื่อความบันเทิงได้มากขึ้น  โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของภาพยนตร์  ดูเหมือนชาวเมืองกวางจูจะมีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์  แทบจะไม่เห็นพวกนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงก่อนจะเกิดเหตุ  และไม่ได้มีการกล่าวถึงการประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศในวันที่ 17 พฤษภาคม เลย

เหตุการณ์นี้เทียบกับเหตุการณ์ไหนในเมืองไทยได้หรือไม่?  โดยส่วนตัวแล้วไม่อยากให้เอาพวกม็อบในเมืองไทยยุคหลังๆ มาเปรียบเทียบเนื่องจากบริบทที่แตกต่างกันไปตามกาลเวลาที่พอพูดมากแล้วเดี๋ยวจะออกนอกเรื่องไปกันใหญ่  ตามความเห็นผม เมย์ 18 นี้เริ่มต้นคล้ายๆ พฤษภาทมิฬ 2535 ของเมืองไทยในแง่ของการคัดค้านรัฐบาลเผด็จการที่ได้อำนาจจากการรัฐประหาร และมีการตั้งแถวทหารยิงใส่ประชาชนกันซึ่งๆ หน้าแบบเดียวกับ14 ตุลาคมและพฤษภาทมิฬ แล้วจบลงแบบถูกล้อมปราบคล้ายๆ เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519  ในด้านจำนวนผู้ร่วมประท้วงนั้นแล้วคงไม่มีเหตุการณ์ใดเทียบกับ 14 ตุลาคม 2516 ได้  ขบวนการประชาธิปไตยเหล่านี้มีความคล้ายกันตรงที่เป็นพลังบริสุทธิ์ของประชาชนจริงๆ ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจกันแบบโจ๋งครึ่ม  สิ่งที่เมย์ 18 แตกต่างออกไปคือไม่ใช่เหตุการณ์ในเมืองหลวง  และการที่พวกเขาจำต้องเปลี่ยนจากการประท้วงมือเปล่ามาเป็นการจับอาวุธขึ้นสู้  ที่ดูเหมือนเป็นข้ออ้างให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

เรื่องของการเอาความรุนแรงมาต่อสู้กับอำนาจรัฐ เป็นบทเรียนที่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตัวจริงต้องศึกษากันต่อไป  ดังที่ผมเคยได้ยินได้อ่านความเห็นของบรรดาอาจารย์ด้านสันติวิธีว่า  ยังไงๆ รัฐก็เป็นผู้ผูกขาดความรุนแรงอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าคุณจะรู้สึกว่าจำเป็นต้องโต้ตอบเพราะถูกกระทำรุนแรงก่อนดังเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ หรือจะขนอาวุธมากระทำกับฝ่ายรัฐก่อนด้วยข้ออ้างอะไรก็ตาม  ทางฝ่ายรัฐไม่ใช่แค่มีอาวุธที่เหนือกว่าเท่านั้น  ยังมีทั้งการจัดระบบระเบียบทั้งด้านการฝึกหัดคน ทั้งการส่งกำลังบำรุง และอะไรต่างๆ อีกมาก  การที่ฝ่ายประชาชนหรือผู้ชุมนุมไปได้อาวุธมาไม่ว่าจะโดยไปปล้นชิงมาจากฝ่ายรัฐ  ทำเองอย่างระเบิดปิงปอง หรือลักลอบซื้อหากันมาอย่างไรก็ตาม  หากไม่มีการวางแผนหรือการจัดการที่ดีรองรับแล้ว  เจ้าอาวุธพวกนี้กลับจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมเราให้โดนปราบด้วยความรุนแรงที่ยิ่งกว่า  ดังในภาพยนตร์ที่ฝ่ายชาวกวางจูยึดอาวุธฝ่ายทหารมาได้แล้วก็กลายเป็นต้องไปตั้งรับรอหายนะอยู่ที่ที่ว่าการเมือง


ผู้หมวดคนหนึ่งกำลังเสียใจกับการตายของ ปาร์ค ฮึงซู อดีตผู้บังคับบัญชาของตน

พูดถึงความเลวร้ายของ “เผด็จการทหาร” แล้ว  ต้องขอให้แยกแยะระหว่างพวกคนแต่งเครื่องแบบบ้าอำนาจกับทหารอาชีพที่ด้านหนึ่งเขาก็มีหน้าที่ต้องปกป้องบ้านเมือง  อีกด้านหนึ่งเขาก็ไม่ต่างจากประชาชนทั่วไป  ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะมีชั้นยศใดก็ตาม  จากการทำเว็บไซต์ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ (www.iseehistory.com) มาเป็นปี  ทำให้ได้เริ่มสัมผัสกับนายทหารทั้งในและนอกราชการบางท่าน  ท่านหนึ่งเคยกล่าวกับผมว่า  โดยธรรมชาติ ทหารย่อมคู่กับความรุนแรง  สุดแต่ใครจะนำไปใช้ในทางไหน  เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เดือนตุลาคมทั้งสองครั้งและเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีกับทุกฝ่าย  แต่แล้วเหตุการณ์บ้านเมืองเราที่ผ่านมาทำให้ทหารหรือกองทัพยังคงเป็นแค่เครื่องมือของนักการเมืองที่พอฝ่ายไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาลแล้วอีกฝ่ายมาประท้วงก็เอาทหารมาควบคุมสถานการณ์  วนเวียนไปมาอยู่อย่างนี้  กลับมาเรื่องของเราในเหตุการณ์เมย์ 18 จะเห็นนายพลชอยพูดกรอกหูผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอว่าบรรดาประชาชนที่ลุกฮือขึ้นมานั้นเป็นพวกคอมมิวนิสต์คิดร้ายทำลายชาติอยู่ตลอดเวลา  ในลักษณะเดียวกับที่รัฐบาลเผด็จการทหารของไทยและของชาติอื่นๆ ในยุคตามก้นอเมริกันที่คอยล้างสมองทหารชั้นผู้น้อยและประชาชนทั่วไปให้เกลียดและกลัวผีคอมมิวนิสต์เพียงเพื่อรักษาอำนาจของตน  จะมีคนดีอยู่บ้างก็เช่นตาผู้หมวดคนที่เคยเป็นลูกน้องของฮึงซู ที่พยายามรายงานปัญหาต่อผู้บังคับบัญชาตามความเป็นจริง และประสานความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย  แต่ไม่อาจต้านทานสถานการณ์ที่เหมือนน้ำเชี่ยวกรากได้

ขณะที่เขียนบทความนี้ ตัวผมเองอายุใกล้จะครึ่งศตวรรษเข้าไปทุกที  (ต้องยอมสารภาพความแก่ไว้หน่อย กันไม่ให้พวกเด็กเมื่อวานซืนมา copy ไป paste ที่อื่นกันสุ่มสี่สุ่มห้า) เห็นความขัดแย้งในบ้านเมืองมาตั้งแต่ครั้งที่แบ่งแยกกันเป็นซ้ายเป็นขวา  มาจนถึงยุคที่แบ่งแยกกันตามสีเสื้อแล้ว  หากจะถามว่าแล้วอะไรคือเผด็จการอะไรคือประชาธิปไตยนี่ตอบยากเหมือนกันครับ  รู้แต่ว่าในทุกประเทศทุกยุคทุกสมัย  จะปกครองด้วยระบอบใด  ย่อมมีทั้งคนได้เปรียบและเสียเปรียบ  กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมมาตลอด  จะมากน้อยหรือรุนแรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับสังคมไหนมีความเจริญทางจิตใจแค่ไหน  เมื่อไหร่จะมีอะไรมาจุดชนวนความขัดแย้งที่ว่า  ผมไม่กล้าหวังถึงขนาดว่าสังคมไทยจะหมดสิ้นความขัดแย้งไปในเร็ววันและตลอดไป  ขอเพียงแค่เราได้ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองและสังคมทั้งของไทยเราเองและของชาติอื่นๆ ให้ถ่องแท้แล้วพยายามนำมาใช้เตือนสติทุกฝ่ายในทุกสถานการณ์  คงจะลดปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยลงได้พอสมควร 


ตอนจบแบบนี้เหมือนเอาแนวคิดจากไททานิคมาใช้ ประมาณว่าถ้าไม่เกิดเรื่องร้ายๆ จะมีความสุขกันขนาดไหน


เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

คำคมชวนคิด

  • "I think the soldiers are out to take the whole country. It’s like kicking a sleeping dog. They plan to beat it when it starts to bark. And since it knows it can be silenced, it learns to stay quiet. This is absolutely crazy." (พ่อว่า พวกทหารจะออกมาคุมทั่วทั้งประเทศ เหมือนเตะหมาที่กำลังนอนหลับ พวกเขาเตรียมที่จะเตะมันทันทีที่มันอ้าปากเห่า แต่พอมันรู้ว่าไม่เห่าก็ได้ มันจะอยู่เงียบๆ โดยไม่เห่า นี่มันบ้าชัดๆ) บาทหลวงพูดกับ มินวู จินวู และชินเอ หลังจากพวกเขาหนีจากโรงหนังไปที่โบสถ์
     
  • "Do you know… what’s more powerful than guns? The people." (รู้ไหม.. อะไรมีอำนาจมากกว่าปืน? ประชาชนไงล่ะ!) ปาร์ค ฮึงซู พูดกับนายพลชอย ขณะที่เหตุการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธสงคราม
     
  • "Long live Korea! Long live Gwangju!" (เกาหลีจงเจริญ! กวางจูจงเจริญ!) คำพูดของชาวกวางจูหลายๆ คนที่ร่วมต่อต้านเผด็จการทหาร
     
  • "We’re not rebels, you bastards!" (พวกเราไม่ใช่กบฏ, ไอ้พวกสารเลว!) คำพูดสุดท้ายของ คาง มินวู ก่อนถูกทหารยิงตาย

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : May 18

ชื่อภาษาไทย :  เมย์ 18

ผู้กำกำกับ : Kim Ji-hun

ผู้สร้าง : Yoo In-taek

ผู้เขียนบท :  Park Sang-yeon


ผู้แสดง :

  • Ahn Sung-ki as Park Heung Su
  • Kim Sang Kyung as Kang Min Woo

  • Lee Jun Ki as Kang Jin Woo

  • Lee Yo Won as Park Shin-ae

  • Song Jae Ho as Priest

  • Park Won Sang

  • Jung In Gi

  • Lee Eol

  • Park Cheol Min

  • Choi Jae Han

  • Park Yong Su

  • Im Hyun Sung

  • Kwon Tae Won as General Choi

  • Heo Hyun Hwa

  • Uhm Hyo Su


ควรอ่านเพิ่มเติม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

  • (ยังไม่มี)

เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ

Bookmark and Share

ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com

ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์

 



ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย

71: Into the Fire สมรภูมิไฟล้างแผ่นดิน วันที่ 19/05/2013   20:31:42
CHE 2008 วันที่ 19/05/2013   20:34:01
เช! ความสำเร็จและความล้มเหลวของสงครามประชาชน วันที่ 19/05/2013   20:34:55
Exodus - อีกตำนานกำเนิดประเทศอิสราเอล วันที่ 19/05/2013   20:36:13
สี่เกล๊อะ จาไมก้า ว่าด้วยประวัติศาสตร์โอลิมปิกส์ฤดูหนาวแนวคอมเมดี้ วันที่ 19/05/2013   20:38:49
ความรุ่งโรจน์ ในโลกมืด ของ เรย์ ชาลส์ วันที่ 19/05/2013   20:39:38
Cast A Giant Shadow : ศึกรบศึกรักของขุนพลยิวอเมริกัน วันที่ 19/05/2013   20:40:41
Black Hawk Down วันที่ 19/05/2013   20:41:45
The Motorcycle Diaries บันทึกลูกผู้ชาย ชื่อ...เช วันที่ 19/05/2013   20:42:51
ฟอร์เรสต์ กัมป์ ยำใหญ่ประวัติศาสตร์อเมริกาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 19/05/2013   20:43:50
สารคดี Che Guevara วันที่ 19/05/2013   20:44:52
The Front Line (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   20:45:40 article
The Last King of Scotland (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   20:46:14 article
Hotel Rwanda (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   20:46:40 article
Apollo 13 (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   20:47:12 article
เท กึก กี เลือดเนื้อเพื่อฝัน วันสิ้นสงคราม (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   20:47:39 article
The Lady อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   20:48:07 article



1

ความคิดเห็นที่ 1 (101781)
avatar
คนเล่าเรื่อง

อ่านดูแล้ว  หนังเรื่องนี้คงเป็นการจับเอาประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของเกาหลีมาสร้างเรื่องแต่งเติมตัวละครแล้วเดินเรื่องไปตามสูตรโศกนาฏกรรมนั่นแหละครับ  แต่ก็ได้ให้ความหมายของการต่อสู้เพื่ออิสระ เสรีภาพของมนุษยชาติอีกหน้าหนึ่งครับ

ประเด็นการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับผู้ปกครองเผด็จการนั้นมีอยู่ในทุกประเทศและทุกยุคสมัย  หลายครั้งที่ประชาชนได้รับชัยชนะ  และหลายคราที่ฝ่ายเผด็จการมีชัย  แต่แทบทุกครั้ง ต้องเกิดการสูญเสียหรือการเสียสละเสมอ  เกาหลีใต้นั้นก็ได้ผ่านประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนมาแล้ว

ตอนที่ผมไปเยือนเกาหลีใต้ครั้งแรกซึ่งก็เป็นช่วงที่กระแสเกาหลีในบ้านเรายังไม่เกิด  และก็ยังอยู่ใต้อุ้งเล็บของไอ เอ็ม เอฟ นักวิชาการชาวเกาหลีท่านหนึ่งเล่าว่า สำหรับ ปธน. ปาร์กจุงฮีแล้ว คนเกาหลีมีความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด  เพราะเขาได้สร้างชาติเกาหลีใต้ยุคใหม่ให้รุ่งโรจน์  แต่ก็เขาอีกนั่นแหละที่กระทำการทรราชย์ต่อคนในชาติได้อย่างยาวนาน คล้าย ๆ กับผู้นำตามลำดับของประเทศสารขัณฑ์ในเวลานั้นเลยครับ  ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบเผด็จการในเวลานั้น ฝ่ายขวาตกขอบหลายรายได้คาดคะเนว่าชาติเกาหลีใต้จะไปไม่รอดทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะอธิปไตยที่อาจต้องเสียให้แก่เกาหลีเหนือ  แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป  ทุก ๆ อย่างก็ปรากฎให้เห็นชัดว่าชาวเกาหลีมีความสามารถในการดูแลรักษาชาติสืบต่อกันมาโดยไม่ต้องอาศัยอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จของใคร  เรียกได้ว่า ประชาชนเกาหลีใต้ได้เติบโตขึ้นเป็นประชาชนผู้บรรลุนิติภาวะในด้านประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ผมคิดว่า หนังแนวนี้ในประเทศไทยเรายังไม่ได้รับการสนับสนุนให้สร้างสรรค์ออกมาอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะประเด็นตุลา 2516, 2519 พฤษภา 2535 และล่าสุด 2553 ซึ่งคงหวังอะไรไม่ได้ที่จะให้เกิดสิ่งเหล่านี้ในวงการภาพยนตร์ของเรา เพราะคนไทยเรายังถูกกล่อมให้รู้จักและเชื่อในประวัติศาสตร์โบราณที่มีแต่มุมมองแบบมายาคติกันเท่านั้นแหละครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเล่าเรื่อง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-08-16 22:21:46



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker