webmaster@iseehistory.com
เรื่องราวของสงครามใหญ่ๆ ที่มีการถ่ายทอดกันมานั้น อาจเต็มไปด้วยความฉลาดหลักแหลมของคนระดับแม่ทัพขุนพลหรือผู้บัญชาการ เรื่องความกล้าหาญของบุคคลประเภททหารเอกในการรบ หรือความเก่งกล้าสามารถความแพ้ชนะของกองทัพในภาพรวม แต่มีอยู่บ้างเหมือนกันที่คนกลุ่มเล็กๆ ที่อาจดูเหมือนไม่มีความเก่งกล้าหรือความสำคัญใดๆ จะเป็นผู้สร้างวีรกรรมขึ้นมาบ้างจนถึงขั้นพลิกผลของการรบใหญ่ๆ ได้ ในบทความนี้ เราจะมาคุยกันถึงภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ของเกาหลีอีกเรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราววีรกรรมของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่อาสาเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลี และสร้างวีรกรรมไว้อย่างน่าทึ่ง ในภาพยนตร์ที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "71: Into the Fire" หรือที่มีผู้ตั้งชื่อภาษาไทยว่า "สมรภูมิไฟล้างแผ่นดิน" ออกฉายเมื่อปี 2010/พ.ศ.2553 นี้เองครับ เรื่องราวของพวกเขาที่ถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มนี้จะสมจริงหรือเกินจริงขนาดไหน มาดูกันในรายละเอียดครับ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/korea_story_e3.gif)
ภาพจาก http://www.tamiya.com/english/monthly/002korean_war/index.htm
แสดงสถานการณ์ในสงครามเกาหลีที่ผลัดกันรุกจนสงครามสงบ
เหตุการณ์ในภาพยนตร์จะอยู่ประมาณภาพที่ 2 ครับ
ภาพยนตร์เปิดฉากด้วยบทบรรยายเหตุการณ์ความเป็นมาของเรื่องประมาณว่า ในวันที่ 15 ส.ค. 1945/พ.ศ.2488 ดินแดนเกาหลีได้รับการปลดปล่อย (หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงญี่ปุ่นจังนะ) โดยถูกแบ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือ เกาหลีใต้ภายใต้สหรัฐฯ เกาหลีเหนือภายใต้โซเวียต (พูดยังกะว่าพื้นดินของ 2 เกาหลีมันไปอยู่ข้างใต้พื้นดินของ 2 มหาอำนาจนี้ ที่จริงคงหมายถึงการเป็นประเทศบริวารของเขาน่ะครับ) และแล้วในวันที่ 25 มิ.ย.1950/พ.ศ.2493 เกาหลีเหนือโจมตีเกาหลีใต้แบบสายฟ้าแลบ สามารถยึดกรุงโซลเมืองหลวงของเกาหลีใต้ได้ใน 3 วัน และยึดเมืองอื่นๆ ที่เหลือได้เกือบหมดภายใน 40 วัน ยกเว้นพื้นที่ทางใต้ของแม่น้ำนักดง นักศึกษาเข้าร่วมเป็นทหารอาสาของกองทัพเกาหลีใต้ บรรยายจบตรงนี้ก็โดดมาที่ฉากการรบอันดุเดือดที่เมืองยังด๊ก (Yongdok) ในวันที่ 8 สิงหาคม 1950 ที่ซึ่งพ่อหนุ่ม T.O.P Big Bang ในบทนักศึกษาอาสานาม Oh Jung-Bum เข้าร่วมรบกับกองพลที่ 3 ของกองทัพเกาหลีใต้ (ROK 3rd Division) ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายของฝ่ายตน เริ่มจากการประคองเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถทหาร เสร็จแล้วก็ได้รับมอบหมายจากร้อยเอก Kang Suk-Dae (ในตอนต่อไปจะขอเรียกตัวละครนี้ตามบทภาษาไทยว่า "ผู้กองกัง" ครับ) ให้นำกระสุนปืนกลไปส่งที่รังปืนกลบนตึกหลังหนึ่ง กว่าจะถ่อสังขารฝ่ากระสุนและระเบิดขึ้นไปได้ต้องได้รับบาดเจ็บที่แก้วหู ส่งกระสุนเสร็จลงมาจากตึกได้ไม่ทันไรรังปืนกลที่ว่าก็ถูกข้าศึกยิงระเบิดทำลายไปต่อหน้าต่อตา พอเดินตามผู้หมวดคิมลูกน้องคนหนึ่งของผู้กองกังไปรบต่อได้สักพัก ผู้หมวดคิมก็ถูกทหารข้าศึกแทงด้วยดาบปลายปืนโดยที่จุงบุมพยายามจะช่วยเหลือแต่ปืนเขากระสุนหมดพอดี จะบรรจุยิงใหม่ก็เกิดมือสั่นไม่ทราบว่าเพราะความตื่นกลัวหรือเพราะกำลังบาดเจ็บอยู่ด้วย ทหารอีกคนหนึ่งผ่านมาเห็นเข้าจึงยิงทหารเกาหลีเหนือคนนั้นได้ แต่ถึงเวลานั้นผู้หมวดก็แทบจะสิ้นใจอยู่แล้ว จุงบุมจึงต้องรับหน้าที่นำร่างของผู้หมวดกลับมาฝ่าายตน ผมเสียเวลาเล่าตรงนี้มากนิดเพื่อให้เห็นว่าพระเอกของเราต้องเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหน
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/maincasts.jpg)
บนซ้าย Oh Jung-Bum บนขวา Ku Kap-jo
ล่างซ้าย Kang Suk-Dae ล่างขวา Park Mu-Rang
ระหว่างนั้น ท่านผู้บัญชาการกองพลที่ 3 ได้สั่งให้ทหารถอนกำลังออกจากยังด๊ก แต่ผู้กองกังยังไม่ยอมโดยเห็นว่าตนยังพอจะสามารถยันข้าศึกต่อไปได้ ขณะนั้น ทหารเกาหลีเหนือหน่วยสำคัญที่จะมีบทบาทต่อไปได้เดินทางมาถึง ซึ่งในหนังเรียกหน่วยนี้ว่า "หน่วย 766" หรือในชื่อเต็มๆ ในภาษาอังกฤษที่ผมค้นคว้าเพิ่มเติมคือ 766th Independent Infantry Regiment เรียกเป็นภาษาไทยคงประมาณว่า กรมทหารราบอิสระที่ 766 แต่ในหนังมีรถถังอยู่ในหน่วยด้วย กรมนี้บังคับบัญชาโดย Park Mu-Rang ซึ่งในเรื่องไม่ได้ระบุว่ายศอะไร ตามปกติผู้บัญชาการหน่วยระดับนี้น่าจะเป็นพันเอก ต่อไปจะขอเรียกผบ.คนนี้ว่า "สหายพาร์ค" ก็แล้วกันครับ ส่วนผู้บัญชาการตัวจริงของกรมนี้จะได้คุยกันตอนท้ายๆ เกริ่นซะยาว รวมความว่ากรม 766 ที่พึ่งมาถึงนี้ทำให้ผู้กองกังกับพรรคพวกไม่สามารถที่จะยันข้าศึกต่อไปนี้ จำเป็นต้องเผ่นขึ้นรถหนีกันไปหมด รวมทั้งจุงบุมพระเอกของเราด้วยครับ จากนั้น กรม 766 ได้รับคำสั่งจาก "พรรค" ให้ไปสมทบกับหน่วยอื่นๆ ที่แม่น้ำนักดง แต่สหายปาร์คที่ถือว่าตนอยู่ในบังคับบัญชาของผู้บัญชาการสูงสุด(นายพลคิม อิลซุง) จึงได้ตัดสินใจเองว่าจะเคลื่อนพลไปยัง "โพฮาง" เพื่อตีตลบหลังทัพเกาหลีใต้และยึดพูซานให้ได้ภายในวันที่ 15 สิงหาคม
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture02.jpg)
การรบที่ยังด๊ก ตอนเริ่มเรื่อง
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture03bridge.jpg)
ผู้กองกังทำลายสะพานเพื่อไม่ให้ข้าศึกตามมา
ทางฝ่ายผู้กองกังซึ่งแตกหนีออกจากเมืองไปก่อนได้นำกำลังกลับไปสมทบกับกองพลที่ 3 ของตนที่ "โพฮาง" โดยได้ระเบิดสะพานที่มีอยู่แห่งเดียวทิ้งตามคำสั่งท่านนายพลแบบไม่ค่อยเต็มใจเพราะมีประชาชนที่หนีภัยสงครามต้องการอพยพตาามมาด้วย แต่ต้องผู้กองก็ต้องทำเพื่อไม่ให้ข้าศึกตามมาได้ ณ ที่ตั้งชั่วคราวของกองพลที่ 3 ที่โพฮาง ซึ่งทราบต่อมาภายหลังว่าเป็นโรงเรียนมัธยมสตรีโพฮางนั้น บรรดาหมอและพยาบาลได้พยายามช่วยชีวิตบรรดาคนเจ็บอย่างสุดความสามารถ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่รอดหรอกครับ รวมทั้งผู้หมวดคิมคนที่จุงบุมอุตส่าแบกมาด้วย นางพยาบาลสาวสวยคนหนึ่ง ที่คงจะเป็นแฟนเพลงของวงบิ๊กแบง เอ๊ย! ขออภัยครับ คนละยุคสมัยกัน ที่เห็นจุงบุมเสียใจกับการตายของผู้หมวดคิม และตัวเขาเองก็มีบาดแผลที่แขนซ้ายและแก้วหูท่าจะฉีก เธอจึงจัดการเย็บแผลและดูอาการที่หูให้ ซึ่งในตอนต่อๆ มาไม่ปรากฏว่าพระเอกของเราจะมีอาการอะไรที่หูอีกเลย หรือผู้สร้างต้องการแค่ให้มีฉากพยาบาลสาวกระซิบข้างหูพระเอก "คุณได้ยินเสียงฉันไหม" ให้ผู้ชมหนุ่มๆ นึกอยากปวดหูบ้างก็ไม่ทราบ ขณะนั้นจุงบุมเองดูเหมือนจะเครียดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาจนไม่มีอารมณ์ที่จะจู๋จี๋กับพยาบาลเอาเลย แต่อย่างน้อยน่าจะขอบคุณเขาบ้างนะ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture04.jpg)
รักษาอาการบาดเจ็บระหว่างพักรบ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture05school.jpg)
ภาพมุมสูงของอาคารโรงเรียนที่บรรดาทหารนักศึกษาอาสาจะใช้ปักหลักสู้ตาย
ทางฝายทหารเกาหลีใต้กองพลที่ 3 ท่านนายพลได้มีคำสั่งว่าให้เคลื่อนกำลังทั้งหมดไปทำศึกแตกหักที่แม่น้ำนักดงทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่
าที่โพฮางนี่ก็สำคัญอยู่เหมือนกัน คงเดากันออกนะครับว่าภารกิจการเฝ้าระวังที่โพฮางนี้ได้ตกเป็นของกำลังนักศึกษาอาสาที่เดิมทีมีแต่ โอ จุมบุม กับเพื่อนอีก 2 คน รวมกับกำลังนักศึกษาอาสาที่พึ่งมาถึงจำนวน 65 คน และจากสถานดัดสันดานอีก 3 คน อันได้แก่ กัปโจ ไอ้หนุ่มรูปหล่อจอมยียวน เจ้าอ้วนวังเพียว และอีกคนชื่อพุงซาน รวมเป็น 71 คนตามชื่อเรื่องละนะ ผู้กองกังต้องรับหน้าที่ในการบรรยายภารกิจให้กับบรรดานักศึกษาอาสา และเลือกให้จุงบุมทำหน้าที่ผู้กองเนื่องจากเป็นคนที่มีประสบการณ์การรบ บรรยายภารกิจจบ สั่งเสียกันพอประมาณแล้วทหารเกาหลีใต้ก็เคลื่อนพลจากไป แต่แล้วสิ่งที่ผู้กองกังกลัวนักกลัวหนาก็เริ่มจะเป็นจริงเมื่อทหารเกาหลีเหนือกรม 766 ของสหายพาร์คเมื่อเดินทางมาถึงสะพานที่จะข้ามแม่น้ำมายังโพฮางแต่ถูกผู้กองกังทำลายเอาไว้ จะรอให้ทหารช่างซ่อมสะพานหรือจะอ้อมไปทางภูเขากันทั้งหมดก็จะเสียเวลา สหายพาร์คจึงสั่งให้ทหารราบว่ายข้ามแม่น้ำไป ส่วนรถถังให้วิ่งอ้อมภูเขาไปสมทบทีหลัง
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture06.jpg)
กรม 766 ซะอย่าง ข้ามแม่น้ำแค่นี้เรื่องจิ๊บจ๊อย
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture07training.jpg)
ฝึกยิงปืน แม่นแค่ไหนดูจากในหนังหรือคลิป Trailer ตอนท้ายบทความ
กลับมาทางฝ่ายนักศึกษาอาสา เมื่อทหารประจำการจากไป จุงบุมเริ่มสั่งให้พรรคพวกเริ่มการฝึกและปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ท่ามกลางการป่วนของกัปโจกับพวกอีก 2 คน ที่มีท่าทีไม่เชื่อฟัง ให้ไปเฝ้าคลังเสบียงก็ทำเฟอะฟะจนคลังเสบียงเสียหายไปส่วนหนึ่ง ตกกลางคืนคณะนักศึกษาอาสาได้สัมผัสสงครามครั้งแรกเมื่อคนที่อยู่เวรยามไปปลุกจุงบุมว่าพบทหารเกาหลีกลุ่มหนึ่ง จุงบุมจึงนำกำลังทั้งหมดไปซุ่มยิงโดยประสบความสำเร็จสังหารข้าศึกได้ทั้งหมด แต่มีเรื่องเขม่นกับกัปโจนิดหน่อยเนื่องจากจุงบุมลังเลที่จะยิงข้าศึกคนสุดท้ายที่กำลังนอนเจ็บและร้องเรียกหาแม่ วันรุ่งขึ้น จุงบุมนำกลังส่วนใหญ่ไปลาดตระเวณ ก็ให้บังเอิญไปพบอาวุธและกระสุนจำนวนมากอยู่ในกระต๊อบหลังหนึ่ง จึงให้พรรคพวกขนไปด้วย หลังจากนั้นสักครู่ เหล่านักศึกษาอาสาถูกข้าศึกคนหนึ่งซุ่มยิง คนหนึ่งที่ถูกข้าศึกยิงตายก็คือเจ้าอ้วนวังเพียว ทำให้กัปโจโกรธแค้นมาก จึงวิ่งตามพลซุ่มยิงไป นักศึกษาทั้งหมดจึงตกบันไดพลอยโจนวิ่งตามกันไปหมด ซึ่งก็เข้าทางข้าศึกอีกจำนวนหนึ่งที่ดักรออยู่ นักศึกษาถูกซุ่มโจมตีจนบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนหนึ่งกว่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะได้ จุงบุมกับกัปโจผิดใจกันยิ่งขึ้นเมื่อกัปโจยิงทหารเด็กของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ฟังคำสั่งห้าม รวมแล้วฝ่ายนักศึกษาตายไป 16 คน บาดเจ็บ 5 คน และมีเสียงบ่นว่าบางคนได้ "หนี" ไปด้วย หรือจะแค่พลัดหลงกันจำนวนเท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้ (ตรงนี้คงเป็นปัญหาเรื่องการแปลบทพากย์ด้วย) กัปโจฝังศพวังเพียวด้วยความเสียใจอย่างมาก ขณะที่จุงบุมกับพวกได้วิทยุติดต่อผู้กองกังซึ่งกำลังรบติดพันอยู่ที่แม่น้ำนักดง ผู้กองกังได้แต่บอกว่าข้าศึกที่ได้ปะทะกันทั้งสองครั้งเป็นเพียงพวกสอดแนม หากถูกโจมตีเมื่อไหร่ให้แจ้งมา จากนั้นผู้กองกังก็ได้บากหน้าไปหาท่านนายพลอีกครั้งเพื่อที่จะขอกำลังไปช่วยบรรดานักศึกษา แต่ท่านนายพลก็ไม่รู้จะแบ่งกำลังส่วนไหนให้ได้
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture09nightambush.jpg)
คืนแรกก็ได้ออกไปซุ่มยิงข้าศึก
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture10field.jpg)
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture11field.jpg)
ถูกซุ่มโจมตีกลางทุ่ง
ทางฝ่ายกรม 766 ของเกาหลีเหนือสามารถจับนักศึกษาที่พลัดหลงจากการปะทะได้หนึ่งคน คือ ดายัง ซึ่งลูกน้องของสหายพาร์คได้ซ้อมเพื่อรีดเอาข้อมูลแต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สหายพาร์คจึงนำดายังขึ้นรถจี๊ปพาไปยังที่ตั้งของนักศึกษาอาสา สหายพาร์คคืนตัวดายังให้แล้วแจ้งบรรดานักศึกษาว่าขอให้ถอนกำลังออกไปภายใน 2 ชั่วโมงคือเที่ยงตรง ด้านผู้กองกังได้รบเร้าท่านนายพลว่าในเมื่อแบ่งกำลังจำนวนมากไปไม่ได้ก็จะขอนำกำลังไปยังโพฮางเพียง 10 คนเท่านั้น นายพลจึงได้ยอม โดยนายพลฝรั่งคนหนึ่งยังได้มอบเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังให้ไปอีก 2 กระบอก แถมโม้ซะดิบดีว่าเป็นซูเปอร์บาซูก้าที่ได้ดัดแปลงเพื่อต่อสู้กับรถถังของเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ แต่รถถังเกาหลีเหนือที่จะมาเข้าฉากในตอนต่อไปนี่มันรถถังเชอร์แมนของอเมริกาเองนะจ๊ะ คืออาจจะเป็นรถถังที่พี่กันเคยให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นมาก่อนซึ่งไม่ได้ผิดความจริงในประวัติศาสตร์ แต่พอบอกว่าเป็นซูเปอร์บาซูก้าดัดแปลงพิเศษดังว่าแล้วเหมือนจะโม้ชอบกล เท่าที่ทราบเจ้าบาซูก้าในสงครามเกาหลีมันเป็นขนาดลำกล้อง 3.5 นิ้ว ใหญ่กว่ารุ่นในสงครามโลกที่มีขนาด 2.26 นิ้วเท่านั้น หรือว่าจะเป็นปัญหาจากการแปลบทภาพยนตร์ (อีกแล้ว)
กลับมาดูเหล่านักศึกษาอาสาดีกว่า กัปโจทำร้ายดายังโดยหาว่าทรยศเพื่อนๆ ทำให้จุงบุมไม่พอใจถึงขั้นชกต่อยกัน กัปโจกับพุงซานเพื่อนอีกคนจากสถานดัดสันดานจึงปลีกตัวออกไปจากที่ตั้ง จากนั้นนักศึกษาอาสาที่เหลือได้ช่วยกันสร้างเครื่องกีดขวาง กับระเบิด และนำน้ำมันบรรจุภาชนะต่างๆ เพื่อเป็นระเบิดเพลิงสารพัดรูปแบบ แถมยังเอา ค.60 (เครื่องยิงลูกระเบิดวิถีโค้งที่ครูฝึกรด.ห้ามเรียกว่า "ปืนครก" นั่นแหละครับ แต่ในบทพากย์ไทยกลับไปเรียกว่า "ปืนใหญ่" ซะนี่) ที่เจอในกระต๊อบเมื่อตอนลาดตระเวณวันก่อนมาตั้งยิงด้วยครับ เมื่อสหายพาร์คเคลื่อนกำลังพลของกรม 766 มาถึงก็ใช้ค.60 ยิงทักทายก่อน แต่นัดแรกมีปัญหาเล่นเอาเกือบโดนพวกเดียวกัน พอเริ่มยิงได้เข้าที่เข้าทาง ทีนี้สหายพาร์คเริ่มยัวะสั่งลูกน้องลุยทันที ซึ่งแน่นอนละครับว่าผลสุดท้ายน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แต่ผู้สร้างหนังได้เตรียมการไว้แล้วว่าฝ่ายพระเอกจะต้องต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช บรรดากับระเบิดลูกระเบิดต่างๆ ทำงานอย่างได้ผล ทำให้กำลังพลของกรม 766 ที่เพียบพร้อมทั้งกำลังทหารราบและรถถังรถเกราะต้องสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก แถมด้วยการพลิกล็อคนิดๆ เมื่อกัปโจกับพุงซานกลับมาพร้อมทั้งรถบรรทุกอาวุธและกระสุนของฝ่ายเกาหลีเหนือกลับมาช่วยเพื่อนๆ ฆ่าผู้ร้ายตายไปอีกเป็นฝูงๆ ขณะที่ฝ่ายนักศึกษาก็ค่อยๆ พลีชีพไปทีละคนๆ จนเหลือแต่จุงบุมกับกัปโจปักหลักสู้กับข้าศึกอยู่บนดาดฟ้าของอาคาร ถึงตอนนี้ผู้กองกังกับลูกน้อง 10 คนและบาซูก้า 2 กระบอกพึ่งจะมาถึง แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตใครไว้ได้ กว่าผู้กองจะขึ้นไปถึงดาดฟ้าตึก สหายพาร์คได้สังหารกัปโจกับจุงบุมไปแล้ว ผู้กองก็เลยต้องเป็นคนเช็คบิลสหายพาร์คไปตามระเบียบ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture13.jpg)
สหายพาร์คพยายามเกลี้ยกล่อมให้บรรดานักศึกษายอมจำนน
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture14.jpg)
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture15.jpg)
ปะทะกันในช่วงแรก
ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
แน่นอนครับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่สร้างเพื่อความบันเทิง ซึ่งจะอิงกับข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง แล้วแต่งเติมอะไรอีกหลายๆ ส่วนขึ้นมาให้ดูสนุกเข้าว่าไว้ แน่นอนอีกเหมือนกันว่า วีรกรรมของบรรดาทหารนักศึกษาอาสาเกาหลีใต้เหล่านี้ สมควรแล้วที่จะได้รับการถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังไม่ว่าชาติภาษาใดได้รับทราบ แต่การสร้างเรื่องให้ดูตื่นเต้นโลดโผนเกินกว่าความเป็นจริงเช่นนี้นี่ ... พอวิจารณ์มากๆ เดี๋ยวคนที่ชอบหนังเรื่องนี้จะออกมาค้านอีก ลองมาดูข้อเท็จจริงบางประการที่ผมค้นคว้าได้มาเปรียบเทียบกันดีกว่าครับ
เริ่มจาก 766th Independent Infantry Regiment ของเกาหลีเหนือ ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตามประวัติบอกว่าเป็นกรมทหารราบที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีสำหรับการรบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก (amphibious warfare) และการรบนอกแบบ (unconventional warfare) จัดว่าเป็นหน่วยรบพิเศษแบบคอมมานโดเลยก็ว่าได้ กรมนี้ยังได้มีการฝึกฝนเพื่อเตรียมการรบมากว่า 1 ปี ผู้บัญชาการตัวจริงของกรมมีชื่อว่า พันเอกพิเศษ โอ จิน วู (Senior Colonel Oh Jin Woo) แรกเริ่มมีกำลังพลราว 3,000 นาย จัดอัตรากำลังเป็น 6 กองพันด้วยกัน ในตอนต้นสงคราม กรมได้สูญเสียกำลังพลทั้งหมดของกองพันที่ 3 ไปราว 500 นายเนื่องจากกองพันนี้ถูกจับแยกไปปฏิบัติการที่เมืองพูซาน แต่เรือลำเลียงพลของพวกเขาถูกทัพเรือเกาหลีใต้จมลงซะก่อน กรม 766 ส่วนที่เหลือยังคงสร้างวีรกรรมในการรบหลายครั้งหลายคราวด้วยกัน ขณะที่กำลังพลก็ย่อมจะร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ ซึ่งก็ยังมากกว่าฝ่ายนักศึกษาอาสาอยู่หลายเท่า
แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่กรมทหารระดับหัวกะทิที่ผ่านการรบมาอย่างโชกโชนเช่นนี้ จะต้องประสบความสูญเสียอย่างมากมายจากการต่อสู้กับนักศึกษาอาสาเพียงหยิบมือเดียวดังที่เห็นในภาพยนตร์? จะว่ากรมนี้สูญเสียบอบช้ำจากการรบมาก่อนหน้านี้ไฉนจึงยังอาจหาญที่จะทำการรบต่อ หรือตอนว่ายน้ำไม่ได้เอาอาวุธหนักติดตัวมา หรือเสียเปรียบด้านภูมิประเทศ ก็ไม่น่าจะย่อยยับกันถึงขนาดนั้น เรื่องการวางกับดักกับระเบิดทั้งหลายอย่างในเรื่องดูแล้วเป็นไปไม่ได้ที่คนระดับนักศึกษาจะเตรียมการได้ถึงขนาดนั้นในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง นับแต่ได้รับคำขาดจากข้าศึก แล้วที่ตอนท้ายเรื่องบอกว่านักศึกษายันข้าศึกไว้ถึง 11 ชั่วโมงนั่นจะนับยังไง ในเมื่อกรม 766 เริ่มบุกหนักในตอนเที่ยง และตอนจบเหตุการณ์นั้นยังสว่างอยู่เลย
จากบทความในวิกิพีเดียที่มีการอ้างอิงอย่างสมบูรณ์พอจะเชื่อถือได้ กรม 766 ได้เคลื่อนพลเข้าสู่โพฮางในตอนรุ่งสางของวันที่ 11 สิงหาคม 1950/พ.ศ. 2493 ด้วยกำลัง 1 กองพันที่มีกำลังพลเหลืออยู่ราว 300 นาย และระบุว่าฝ่ายเกาหลีใต้ที่ตั้งรับนั้น เป็นกำลังผสมขนาดเล็กทั้งที่มาจากกองหลังของกองพลที่ 3 กองทัพเรือและกองทัพอากาศ ซึ่งมีแต่อาวุธเบา ไม่ได้ระบุตรงๆว่าเป็นนักศึกษาอาสา แต่เข้าใจว่า "กองหลังของกองพลที่ 3" คงจะหมายถึงนักศึกษาอาสานั่นเอง และได้สู้รบกันจนเที่ยงโดยฝ่ายเหนือมีกำลังยานเกราะเข้าสมทบด้วย ทำให้สามารถผลักดันฝ่ายเกาหลีใต้ออกไปได้ เมื่อเป็นดังนั้นท่านนายพล Walton Walker แห่งกองทัพสหประชาชาติจึงได้สั่งให้ปืนเรือระดมและกำลังทางอากาศถล่มโพฮาง เพื่อสกัดกั้นการรุกของกรม 766 จนกรมนี้ต้องกลับไปสมทบกับกองพลที่ 5 ของฝ่ายตนและไม่กล้าเข้าสู่โพฮางจนกระทั่งกลางคืน จากนั้นกองทัพสหประชาชาติจึงได้จัดกำลังเฉพาะกิจเข้าผลักดันกองพลที่ 5 และกรม 766 ของเกาหลีเหนืออกไปจากโพฮางได้สำเร็จในวันที่ 17 สิงหาคม ถึงตอนนี้กรม 766 เหลือกำลังพลเพียง 1,500 นาย และได้ถูกยุบไปรวมกับกองพลที่ 12 ของเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 1950
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture16.jpg)
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture17.jpg)
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture18.jpg)
ปะทะกันดุเดือดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเทียบกับเหตุการณ์ในหนัง ผมเข้าใจว่าสิ่งที่น่าจะเป็นจริงคือ
1. อาจจะไม่มีการปะทะกันระหว่างนักศึกษาอาสากับกองสอดแนมเกาหลีเหนือก่อนวันที่ 11 สิงหาคม ก็เป็นได้ มีข้อสังเกตด้วยว่ากองสอดแนมที่มาในคืนแรกนั้นคุยกันเสียงดังลั่นผิดวิสัยทหารที่ออกปฏิบัติการกลางคืน ส่วนอีกกลุ่มที่ปะทะกันในวันรุ่งขึ้นก็มีทหารเด็กรวมอยู่ด้วย ไม่น่าเป็นไปได้ที่หน่วยทหารชั้นนำแบบนี้จะใช้ทหารเด็กในการรบ เมื่อไม่มีการปะทะย่อยดังเช่นที่ว่า กำลังพลนักศึกษาอาสาจึงไม่น่าที่จะมีการสูญเสียใดๆ ก่อนวันที่ 11
2. บรรดานักศึกษาอาสาไม่ได้ปฏิบัติการเฝ้าระวังที่โพฮางตามลำพัง แต่มีเจ้าหน้าที่ทหารอื่นๆ ร่วมอยู่ด้วย แม้เพียงไม่กี่คนซึ่งรวมกันแล้วยังไม่มากพอจะเทียบกับกองกำลังฝ่ายข้าศึกได้ แต่ในจำนวนนี้อาจมีผู้ตรวจการณ์หน้าปืนใหญ่ที่จะช่วยบอกพิกัดเป้าหมายให้ปืนใหญ่ยิงสนับสนุนได้ด้วย
3. กรมทหารราบอิสระที่ 766 ของเกาหลีเหนือไม่ได้ยกมาทีเดียวหมดทั้งกรม ตามที่ระบุว่ากองพันแรกที่บุกมามีกำลังราว 300 นาย ซึ่งอาจจะมากกว่าฝ่ายนักศึกษาประมาณ 4 เท่า แต่หากฝ่ายตั้งรับมีที่กำบังที่หนาแน่นพอ มีกับระเบิดเครื่องกีดขวางซักจำนวนหนึ่ง (แต่คงไม่มากเหมือนในภาพยนตร์) มีการสนับสนุนจากปืนใหญ่ และฝ่ายบุกไม่ได้มีการลาดตระเวณสอดแนมที่ดีมาก่อน ก็เป็นไปได้ที่ฝ่ายรับจะสามารถต้านทานการบุกได้เป็นเวลานานก่อนที่กำลังส่วนใหญ่ของกรม 766 และหน่วยยานเกราะจะมาถึง
4. ที่ว่ายันข้าศึกไว้ได้ 11 ชั่วโมงนั้น คงจะนับตั้งแต่เวลาที่ฝ่ายเหนือเริ่มบุกในตอนรุ่งสาง จนกระทั่งเข้าโพฮางได้จริงในเวลากลางคืน ซึ่งกำลังพลฝ่ายรับได้ถูกผลักดันออกมาตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว แต่ในภาพยนตร์กลายเป็นว่าฝ่ายเหนือเริ่มบุกตอนเที่ยง
5. หากไม่นับเพียงแค่วีรกรรมของนักศึกษาอาสา การรบที่โพฮางยังคงดำเนินต่อไปถึงวันที่ 17 ฝ่ายเกาหลีเหนือจึงถูกผลักดันออกไปทั้งหมด โดยกรมทหารราบที่ 766 ยังคงมีอยู่จนกระทั่งได้ได้ถูกยุบลงในวันที่ 19
6. ส่วนการที่สหายพาร์คที่สวมผบ.กรมมีท่าทีไม่เชื่อฟังคำสั่งของพรรคและขัดแย้งกับนายทหารผู้ตรวจการนั้น เชื่อว่าคงเป็นเพียงการแต่งเรื่องให้ดูเข้มข้นขึ้นเท่านั้น จากประวัติศาสตร์กรม 766 นี้ จัดตั้งขึ้นมาเป็นหน่วยรบพิเศษเพื่อทำหน้าที่ในการแทรกซึมแนวหลังข้าศึก และเป็นหน่วยรบอิสระที่ขึ้นตรงกับผบ.สูงสุดอยู่แล้ว ยิ่งการที่มีกำลังพลจากกองพลที่ 5 ตามเข้ามาที่โพฮาง แสดงว่าปฏิบัติการของกรมนี้เป็นไปตามแผนการของทางฝ่ายเหนืออยู่แล้ว ขณะที่ทางฝั่งนักศึกษาอาสาก็อาจจะไม่มีเด็กจากสถานดัดสันดานมาป่วนอย่างในเรื่องก็เป็นได้
ยังไม่ต้องเชื่อผมทันทีก็ได้ ลองพิจารณาเนื้อเรื่องเทียบกับแหล่งข้อมูลตอนท้ายบทความดูนะครับ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture20.jpg)
พระเอกคู่กัดที่มาสู้ตายร่วมกันในตอนจบ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/Picture21.jpg)
ผู้กองกังกับลูกน้อง 10 คนพึ่งจะมาถึงในตอนท้าย
เกือบลืมบอกไปว่า ในตอนท้ายภาพยนตร์ ผู้สร้างยังได้นำคำให้การของชายสูงอายุ 2 คนมาเล่าเรื่องปิดท้ายด้วย แต่ไม่มีข้อความภาษาไทยหรืออังกฤษที่จะบอกให้รู้ว่าชาย 2 คนนี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์การรบที่โพฮาง จากภาษาไทยในบทพากย์และซับไตเติ้ล สองคนนี้พูดอย่างกับว่าเป็นทหารนักศึกษาอาสาที่รอดชีวิตอะไรปานนั้น ก่อนจะลงมือเขียนบทความผมได้นำภาพของคนทั้งสองมาตั้งกระทู้ถามทั้งในเว็บบอร์ดและในหน้า Facebook ของ IseeHistory เผื่อจะมีใครอ่านภาษาเกาหลีออกมาช่วยแปลข้อความใต้ภาพได้บ้าง จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ไม่ว่ายังไงก็ขอนำคำพูดของคนทั้งสองที่แปลเป็นไทยตามซับไตเติ้ลมาลงไว้ ณ ที่นี้ด้วยดังนี้ครับ
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/1stoldman.JPG)
คนแรกบอกว่า "พวกเขาบอกไม่ให้ยิง... จนกว่าจะได้รับคำสั่ง แต่ทหารเกาหลี(เหนือ)จำนวนมหาศาล... บุกเข้ามาราวกับคลื่นขนาดยักษ์ เมื่อเห็นแบบนั้นเราก็กลัวและเริ่มยิงสู้ พวกนั้นยึดทุกที่... ภายในโรงเรียนสตรีโพฮาง ปืนใหญ่ยิงมาจากด้านหลัง พวกนั้นยิงเราด้วยปืนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า พวกนั้นบีบเราเข้ามาเรื่อยๆ เข้ามาในระยะถึง 30 เมตร พร้อมกับยิงปืนใหญ่ อีกทั้งโยนระเบิดมือ เสียงระเบิด... ดังกระหึ่มไปทั่วสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือดแห่งนั้น"
![](http://www.iseehistory.com/images/column_1317911874/2ndoldman.JPG)
คนที่สองกล่าวว่า "มัน... เจ็บปวดยิ่งกว่า... ที่ไม่ได้อยู่กับพวกเขา ผมมาที่นี่ทุกปี และคิดถึงพวกเขา คิดถึงเพื่อนทั้งหลาย... ที่จากไปก่อนผม ผมยังสงสัยอยู่ว่าจะได้เจอพวกเขาในภพหน้ามั้ย ฉะนั้นผมจึงมาที่นี่... เพื่อคิดถึงและพูดถึงพวกเขา แต่มันเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าพวกเขาจากไปแล้ว มันเจ็บปวดจริงๆ "
Update 21 ธ.ค.2554 เรื่องของชายสองคนที่ว่านี้ได้รับคำตอบแล้วในกระทู้หัวข้อ "ใครอ่านภาษาเกาหลีออกฯ" ตั้งแต่ 10 พ.ย.2554 ในความเห็นที่ 6 ของคุณ "Maxstep School at Rayong" ขอขอบคุณอย่างมาก ปรากฏว่าทั้ง 2 คนเป็นนักศึกษาอาสาที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่ารอดมาได้อย่างไร อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้ตายกันหมดอย่างในภาพยนตร์ครับ
บทความนี้ผมตั้งท่าจะเขียนมานาน ขอกล่าวถึงแต่เรื่องย่อกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพียงเท่านี้ สมาชิกท่านใดอยากกล่าวถึงภาพยนตร์ในแง่มุมอื่น เช่น พ่อหนุ่ม T.O.P Big Bang ในภาพยนตร์กับบนเวทีมีบุคลิกต่างกันยังไง การเดินเรื่อง เทคนิคการถ่ายทำ แสงสี หรืออะไรอื่นๆ เชิญแสดงความเห็นในตอนท้ายได้ตามสะดวกครับ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
คำคมชวนคิด
- "ทหารนักศึกษา พวกคุณเป็นทหารหรือไม่ พวกคุณใช่ทหารมั้ย" ผู้กองกังกล่าวกับบรรดานักศึกษาอาสาในขณะมอบหมายภารกิจ และมีการกล่าวถึงคำพูดนี้ในตอนท้ายก่อนข้าศึกโจมตี
- "นำพวกเขาด้วยหัวใจ ถ้าคุณมีความจริงใจแล้วล่ะก็ พวกเขาจะปฏิบัติตามคุณ" ผู้กองกังพูดกับโอ จุง-บุม
- "ผมเคยนึกว่า... ทหารข้าศึกน่ะ... เป็นปีศาจที่มีเขา แต่ว่า... พวกเขาร้องหาแม่... เหมือนที่พวกเราเคยร้องเหมือนกัน" โอ จุง-บุม เขียนในจดหมายถึงแม่หลังการซุ่มยิงข้าศึกในคืนแรก
- "หมีหลายตัวถูกฆ่าเพื่อเอาดี ส่วนคนน่ะถูกฆ่าเพราะลิ้นพาไป" พาร์ค มูรัง กล่าวกับผู้ตรวจการลีอันนันที่เร่งเร้าให้รีบเผด็จศึก
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : 71: Into the Fire
ชื่อภาษาไทย : สมรภูมิไฟล้างแผ่นดิน
ผู้กำกำกับ : John H. Lee
ผู้สร้าง : Jeong Tae-won
ผู้เขียนบท : Lee Man-Hee, Kim Dong-Woo
ผู้แสดง :
- Cha Seung-won as Park Mu-Rang
- Kwon Sang-woo as Ku Kap-jo
- T.O.P (Choi Seung-hyun) as Oh Jung-Bum
- Kim Seung-woo as Kang Suk-Dae
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
![Bookmark and Share](http://s7.addthis.com/static/btn/v2/lg-share-en.gif)
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับเต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์